ช่วงนี้ ได้อ่านเรื่อง "เล่าเรื่องขุนช้าง ขุนแผน" ซึ่งเป็นร้อยกรอง ถอดความจากวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน โดย ศ.ดร. รื่นฤทัย สัจจพันธุ์
อาจารย์ท่านถอดความได้ละเอียดและสนุกมาก อ่านเข้าใจง่าย และมีการยกบทกลอนมาประกอบเป็นช่วง ๆ ทำให้ได้ทั้งเรื่องได้ทั้งรสอย่างกลมกล่อม
เคยรู้สึกประหลาด ๆ อยู่เหมือนกัน ที่กระทรวงศึกษาคัดเอาเรื่องขุนช้างขุนแผน มาให้นักเรียนอ่าน เพราะเนื้อเรื่องหลายตอนโลดโผนโจนทะยาน หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมอย่างมาก
แต่อาจารย์ภาษาไทยที่เคารพท่านหนึ่ง ได้กรุณาอธิบายไว้ว่า "วรรณคดีไม่ใช่ตำราสอนศีลธรรมที่จะมาชี้ผิดชี้ถูกหรือตัดสินความอะไร แต่เป็นเรื่องที่สะท้อนความเป็นอยู่ ความรู้สึกนึกคิด สภาพสังคม ของยุคสมัยออกมาด้วยชั้นเชิงลีลาทางวรรณศิลป์ ให้ความไพเราะ ให้ความละเอียดอ่อนต่อจิตใจและให้แง่คิดสำหรับผู้อ่าน"
ดิฉันมาลองพิเคราะห์ตาม ก็เห็นว่าจริงของอาจารย์
เวลาเราอ่านหนังสือ ฟังดนตรี ดูศิลปะ ดูภาพยนตร์ ของแต่ละยุค แต่ละสมัย ถ้าลองมาค่อย ๆ คิดตามดูให้ดี ๆ จะพบว่า มันบอกอะไร ๆ เกี่ยวกับสังคมสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี
เช่น
ตอนหนึ่งที่บรรยายความเสน่หาที่ขุนแผนมีต่อนางพิมอย่างสุดซึ้งนั้น บรรยายว่า
พี่เคี้ยวหมาก เจ้าอยาก พี่ยังคาย
OMG
คายทำไม ??? คายมาให้นางพิมได้เคี้ยวต่อไง
ประโยคสั้น ๆ แบบนี้ บอกคนอ่านได้อย่างชัดเจนว่า ขุนแผนรักนางพิมแค่ไหน
ก็ขนาดเคี้ยวหมากอยู่ ถ้านางพิมอยากเคี้ยวยังยอมสละ ยอมคายออกมาให้ได้
ขอสารภาพว่า ครั้งแรกที่ได้อ่านตอนนี้ เต็มไปด้วยความผะอืดผะอม เพราะนึกไม่ออกเลยว่า นางพิมจะกล้าเคี้ยวต่อหรือ ?
อาจารย์ภาษาไทยท่านนั้น อธิบายว่า มันเป็นเรื่องของยุคสมัย สมัยโบราณเวลารักใครชอบใคร จะไปขอหมากกันกิน ถ้ารักมาก สนิทมาก นี่คือ ขนาดขอเคี้ยวต่อจากคนที่รักเลยนะ
ยุคสมัยหนึ่ง การให้หมากพลูบุหรี่กันถือเป็นการแสดงความสนิทเสน่หาอย่างถึงที่สุด
เคยไปที่น่าน ดูจิตรกรรมฝาผนังปู่ย่าม่าน บนฝาผนัง จะมีรูปผู้หญิงสูบยา สูบบุหรี่ด้วยนะคะ ดูเหมือนไกด์จะบรรยายประมาณว่า ถ้ารักใคร ผู้หญิงจะขอต่อบุหรี่ด้วย และพ่นควันใส่
คนหล่อคนสวยสมัยโบราณนั้นเคี้ยวหมาก ดังนั้น การเจียนหมากจีบพลูอบร่ำให้หอม จึงเป็นคุณสมบัติของผู้หญิงที่เก่งการเรือน
และด้วยความที่นิยมเคี้ยวหมากนี่เอง ในวรรณคดี จึงมีการชมโฉมอิเหนาสุดหล่อไว้ว่า
ฟันแดง ดั่งแสงทับทิม
รู้สึกจะเป็นคุณปราณประมูล (ถ้าดิฉันจำชื่อไม่ผิดนะคะ) จะเคยเล่าไว้ว่า มีบทภาพยนตร์ของดารารุ่นเก่ากึ๊ก เขียนบทพูดไว้เปรี้ยวมาก
ดูเหมือนจะนำแสดงโดยคุณอรัญญา นามวงศ์ นะคะ
เป็นตอนนางเอกงอนพระเอกและว่าพระเอกว่า
"คนผีทะเล มาคายองุ่นใส่ปากเค้า"
ฟังแล้วเหวอมาก ๆ ที่ไม่คิดว่า สมัยก่อนจะมีบทพูดแสบซ่าก๋ากั่นขนาดนี้ และนั่นทำให้ดิฉันนึกได้ว่า
สมัยนั้น เทคโนโลยีด้านเกษตรพันธุศาสตร์อาจจะไม่เจริญเหมือนสมัยนี้ ที่เรามีองุ่นไร้เมล็ดทานกันแล้ว
เพราะงั้น dialogue แบบนี้ ก็อาจจะเจอในภาพยนตร์เก่า ๆ หน่อยเท่านั้น
เรื่องโต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กน้อยสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ตอนที่โต๊ะโตะเล่าว่า ตอนเด็ก ๆ เธอตกหลุมรักไทจัง เธอจึงแสดงความรักต่อไทจังด้วยการ
"เหลาดินสอ" ให้ไทจังทุกวัน
ส่วนดินสอเธอเอง เธอใช้ปากกัดเอา
เวลาดิฉันคุยกับน้อง ๆ สมัยนี้ ก็พบว่า เค้ามีวิธีแสดงความรักที่แปลกกันออกไปอีกนั่นคือ
ถ้ารักใคร เวลาเล่นเกมส์แล้วเราได้ item อะไรดี ๆ แพง ๆ หายาก ๆ จะถ่ายโอนให้กับคนที่เราชอบ
สารภาพว่า ไม่ค่อยเข้าใจนักนะคะ แต่คิดว่ามันอาจจะเป็นการแสดงความรักแบบใหม่ที่เราไม่รู้จัก
กระทู้นี้ตั้งใจจะให้เป็นกระทู้คำถามค่ะ อยากให้มาแชร์กันค่ะว่า
ใครมีวิธีแสดงความรัก หรือ ได้รับการแสดงความรักด้วยอย่างไรบ้าง อ้อ ถ้าไม่รังเกียจช่วยวงเล็บอายุไว้ด้วยนะคะ จะได้ทราบว่า แต่ละช่วงอายุแสดงความรักกันอย่างไร
เป็นความรักแบบไหนก็ได้ค่ะ เพื่อน พี่ น้อง แฟน พ่อ แม่
วิธีแสดงความรักในแต่ละยุคสมัย ?
อาจารย์ท่านถอดความได้ละเอียดและสนุกมาก อ่านเข้าใจง่าย และมีการยกบทกลอนมาประกอบเป็นช่วง ๆ ทำให้ได้ทั้งเรื่องได้ทั้งรสอย่างกลมกล่อม
เคยรู้สึกประหลาด ๆ อยู่เหมือนกัน ที่กระทรวงศึกษาคัดเอาเรื่องขุนช้างขุนแผน มาให้นักเรียนอ่าน เพราะเนื้อเรื่องหลายตอนโลดโผนโจนทะยาน หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมอย่างมาก
แต่อาจารย์ภาษาไทยที่เคารพท่านหนึ่ง ได้กรุณาอธิบายไว้ว่า "วรรณคดีไม่ใช่ตำราสอนศีลธรรมที่จะมาชี้ผิดชี้ถูกหรือตัดสินความอะไร แต่เป็นเรื่องที่สะท้อนความเป็นอยู่ ความรู้สึกนึกคิด สภาพสังคม ของยุคสมัยออกมาด้วยชั้นเชิงลีลาทางวรรณศิลป์ ให้ความไพเราะ ให้ความละเอียดอ่อนต่อจิตใจและให้แง่คิดสำหรับผู้อ่าน"
ดิฉันมาลองพิเคราะห์ตาม ก็เห็นว่าจริงของอาจารย์
เวลาเราอ่านหนังสือ ฟังดนตรี ดูศิลปะ ดูภาพยนตร์ ของแต่ละยุค แต่ละสมัย ถ้าลองมาค่อย ๆ คิดตามดูให้ดี ๆ จะพบว่า มันบอกอะไร ๆ เกี่ยวกับสังคมสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี
เช่น
ตอนหนึ่งที่บรรยายความเสน่หาที่ขุนแผนมีต่อนางพิมอย่างสุดซึ้งนั้น บรรยายว่า
พี่เคี้ยวหมาก เจ้าอยาก พี่ยังคาย
OMG
คายทำไม ??? คายมาให้นางพิมได้เคี้ยวต่อไง
ประโยคสั้น ๆ แบบนี้ บอกคนอ่านได้อย่างชัดเจนว่า ขุนแผนรักนางพิมแค่ไหน
ก็ขนาดเคี้ยวหมากอยู่ ถ้านางพิมอยากเคี้ยวยังยอมสละ ยอมคายออกมาให้ได้
ขอสารภาพว่า ครั้งแรกที่ได้อ่านตอนนี้ เต็มไปด้วยความผะอืดผะอม เพราะนึกไม่ออกเลยว่า นางพิมจะกล้าเคี้ยวต่อหรือ ?
อาจารย์ภาษาไทยท่านนั้น อธิบายว่า มันเป็นเรื่องของยุคสมัย สมัยโบราณเวลารักใครชอบใคร จะไปขอหมากกันกิน ถ้ารักมาก สนิทมาก นี่คือ ขนาดขอเคี้ยวต่อจากคนที่รักเลยนะ
ยุคสมัยหนึ่ง การให้หมากพลูบุหรี่กันถือเป็นการแสดงความสนิทเสน่หาอย่างถึงที่สุด
เคยไปที่น่าน ดูจิตรกรรมฝาผนังปู่ย่าม่าน บนฝาผนัง จะมีรูปผู้หญิงสูบยา สูบบุหรี่ด้วยนะคะ ดูเหมือนไกด์จะบรรยายประมาณว่า ถ้ารักใคร ผู้หญิงจะขอต่อบุหรี่ด้วย และพ่นควันใส่
คนหล่อคนสวยสมัยโบราณนั้นเคี้ยวหมาก ดังนั้น การเจียนหมากจีบพลูอบร่ำให้หอม จึงเป็นคุณสมบัติของผู้หญิงที่เก่งการเรือน
และด้วยความที่นิยมเคี้ยวหมากนี่เอง ในวรรณคดี จึงมีการชมโฉมอิเหนาสุดหล่อไว้ว่า
ฟันแดง ดั่งแสงทับทิม
รู้สึกจะเป็นคุณปราณประมูล (ถ้าดิฉันจำชื่อไม่ผิดนะคะ) จะเคยเล่าไว้ว่า มีบทภาพยนตร์ของดารารุ่นเก่ากึ๊ก เขียนบทพูดไว้เปรี้ยวมาก
ดูเหมือนจะนำแสดงโดยคุณอรัญญา นามวงศ์ นะคะ
เป็นตอนนางเอกงอนพระเอกและว่าพระเอกว่า
"คนผีทะเล มาคายองุ่นใส่ปากเค้า"
ฟังแล้วเหวอมาก ๆ ที่ไม่คิดว่า สมัยก่อนจะมีบทพูดแสบซ่าก๋ากั่นขนาดนี้ และนั่นทำให้ดิฉันนึกได้ว่า
สมัยนั้น เทคโนโลยีด้านเกษตรพันธุศาสตร์อาจจะไม่เจริญเหมือนสมัยนี้ ที่เรามีองุ่นไร้เมล็ดทานกันแล้ว
เพราะงั้น dialogue แบบนี้ ก็อาจจะเจอในภาพยนตร์เก่า ๆ หน่อยเท่านั้น
เรื่องโต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กน้อยสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ตอนที่โต๊ะโตะเล่าว่า ตอนเด็ก ๆ เธอตกหลุมรักไทจัง เธอจึงแสดงความรักต่อไทจังด้วยการ
"เหลาดินสอ" ให้ไทจังทุกวัน
ส่วนดินสอเธอเอง เธอใช้ปากกัดเอา
เวลาดิฉันคุยกับน้อง ๆ สมัยนี้ ก็พบว่า เค้ามีวิธีแสดงความรักที่แปลกกันออกไปอีกนั่นคือ
ถ้ารักใคร เวลาเล่นเกมส์แล้วเราได้ item อะไรดี ๆ แพง ๆ หายาก ๆ จะถ่ายโอนให้กับคนที่เราชอบ
สารภาพว่า ไม่ค่อยเข้าใจนักนะคะ แต่คิดว่ามันอาจจะเป็นการแสดงความรักแบบใหม่ที่เราไม่รู้จัก
กระทู้นี้ตั้งใจจะให้เป็นกระทู้คำถามค่ะ อยากให้มาแชร์กันค่ะว่า
ใครมีวิธีแสดงความรัก หรือ ได้รับการแสดงความรักด้วยอย่างไรบ้าง อ้อ ถ้าไม่รังเกียจช่วยวงเล็บอายุไว้ด้วยนะคะ จะได้ทราบว่า แต่ละช่วงอายุแสดงความรักกันอย่างไร
เป็นความรักแบบไหนก็ได้ค่ะ เพื่อน พี่ น้อง แฟน พ่อ แม่