เมื่อไม่นานมานี้คุณพ่อของเราเพิ่งเสียชีวิตไปค่ะ เลยอยากมาแบ่งปันวิธีการยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก ในแบบสะดวกและประหยัด
ตามแบบคนที่ไม่มีความรู้ด้านกฎหมายมาก่อนค่า เผื่
เนื่องจากเราเป็นลูกคนเดียว และ คุณแม่อายุมากแล้ว การติดต่อหน่วยงานต่างๆและเตรียมเอกสาร จึงเป็นหน้าที่ของเราค่ะ
ซึ่งก็พยายามหาข้อมูลคร่าวๆ ทั้งจาก Google, pantip, ปรึกษาคนรู้จัก
ได้ทางเลือกมา 3 ทาง ดังนี้ค่ะ
1. จ้างทนาย (เรทราคาค่าจ้าง 5,000-15,000 บาท)
2. ติดต่อสำนักงานอัยการ*
3. ทำเอง
ซึ่งจากการเปรียบเทียบแล้วเราเลือก ข้อ 2 เพราะสะดวกและประหยัดค่ะ โดยเราเข้าไปติดต่อ สำนักงานอัยการจังหวัด (เราเป็นคนต่างจังหวัดค่ะ) ถ้า กทม.อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมตามด้านล่างนะคะ
ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก
1.ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม
2.ผู้มีส่วนได้เสียในมรดก
3.พนักงานอัยการ
คุณสมบัติของผู้จัดการมรดก
1.บรรลุนิติภาวะ (มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์)
2.ไม่เป็นคนวิกลจริต
3.ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
4.ไม่เป็นคนล้มละลาย
เอกสารหลักฐานที่จะต้องใช้ในการยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก
1.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ตาย
2.ใบสำคัญการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้ตายกับสามีหรือภรรยา
3.ใบมรณบัตรของผู้ตาย
4.เอกสารหลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ตาย เช่น โฉนดที่ดิน น.ส.3 น.ส.3ก. ทะเบียนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์สมุดบัญชีเงินฝากในธนาคารของผู้ตาย เป็นต้น
(ทาง สนง.อัยการ แนะนำให้เลือกหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว เพื่อสะดวกและประหยัดค่าธรรมเนียม แล้วค่อยขยายผลไปยังหลักทรัพย์อื่นๆหลังจากได้คำสั่งจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดกค่ะ)
5.หนังสือยินยอมของทายาทของผู้ตาย
(กรณีของเราคือ มีเรา และคุณแม่ โดยต้องให้คุณแม่เซ็นต์ยินยอมให้ค่ะ)
6.บัญชีเครือญาติของผู้ตาย
7.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ที่จะเป็นผู้จัดการมรดก
8.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่จะเป็นผู้จัดการมรดก
ค่าใช้จ่ายในการยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก
1.ประชาชนผู้ยื่นคำขอจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้แก่พนักงานอัยการ แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในชั้นศาล
ค่าใช้จ่ายในการร้องขอจัดการมรดก
2.ศาลแพ่งไม่คิดค่าใช้จ่ายในการขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก และทำคำร้องขอตั้ง ผู้จัดการมรดกแต่อย่างใด โดยผู้ร้องจะเสียค่าใช้จ่ายดังนี้
- ค่าใช้จ่ายในวันทำคำร้องและยื่นคำร้อง
- ค่าขึ้นศาล จำนวน 200 บาท
- ค่าประกาศหนังสือพิมพ์ให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ จำนวน 500 บาท
- ค่าใช้จ่ายในวันนัดไต่สวนคำร้อง
- ค่าถ่ายเอกสารคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก หน้าละ 2 บาท
- ค่ารับรองสำเนาคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ฉบับละ 50 บาท
การติดต่อหน่วยงานเพื่อขอความอนุเคราะห์ในการยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก
1.กรณีผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ ให้ยื่นที่
- สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิ
- สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย 2 อาคารใกล้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
- สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย 3 ธนบุรี
- สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย 4 มีนบุรี
2.กรณีผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอื่นๆ
- ผู้ขอจะต้องไปติดต่อยื่นคำขอที่สำนักงานอัยการจังหวัดต่างๆที่ผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่
*หมายเหตุ การพิจารณาให้ความช่วยเหลือขึ้นอยู่กับเงื่อนไขภายในของหน่วยงาน*
ศาลที่จะยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 จัตวา)
มาตรา 4 จัตวา คำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ให้เสนอต่อศาลที่เจ้ามรดกมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลในขณะถึงแก่ความตาย
ในกรณีที่เจ้ามรดกไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร ให้เสนอต่อศาลที่ทรัพย์มรดกอยู่ในเขตศาล
ขอบคุณที่มาจากคุณ Gcc04 (ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐฯ สายด่วน 1111) ด้วยนะคะ ^^
[CR] แบ่งปันวิธีการยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก แบบสะดวกและประหยัด
ตามแบบคนที่ไม่มีความรู้ด้านกฎหมายมาก่อนค่า เผื่
เนื่องจากเราเป็นลูกคนเดียว และ คุณแม่อายุมากแล้ว การติดต่อหน่วยงานต่างๆและเตรียมเอกสาร จึงเป็นหน้าที่ของเราค่ะ
ซึ่งก็พยายามหาข้อมูลคร่าวๆ ทั้งจาก Google, pantip, ปรึกษาคนรู้จัก
ได้ทางเลือกมา 3 ทาง ดังนี้ค่ะ
1. จ้างทนาย (เรทราคาค่าจ้าง 5,000-15,000 บาท)
2. ติดต่อสำนักงานอัยการ*
3. ทำเอง
ซึ่งจากการเปรียบเทียบแล้วเราเลือก ข้อ 2 เพราะสะดวกและประหยัดค่ะ โดยเราเข้าไปติดต่อ สำนักงานอัยการจังหวัด (เราเป็นคนต่างจังหวัดค่ะ) ถ้า กทม.อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมตามด้านล่างนะคะ
ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก
1.ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม
2.ผู้มีส่วนได้เสียในมรดก
3.พนักงานอัยการ
คุณสมบัติของผู้จัดการมรดก
1.บรรลุนิติภาวะ (มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์)
2.ไม่เป็นคนวิกลจริต
3.ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
4.ไม่เป็นคนล้มละลาย
เอกสารหลักฐานที่จะต้องใช้ในการยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก
1.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ตาย
2.ใบสำคัญการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้ตายกับสามีหรือภรรยา
3.ใบมรณบัตรของผู้ตาย
4.เอกสารหลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ตาย เช่น โฉนดที่ดิน น.ส.3 น.ส.3ก. ทะเบียนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์สมุดบัญชีเงินฝากในธนาคารของผู้ตาย เป็นต้น
(ทาง สนง.อัยการ แนะนำให้เลือกหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว เพื่อสะดวกและประหยัดค่าธรรมเนียม แล้วค่อยขยายผลไปยังหลักทรัพย์อื่นๆหลังจากได้คำสั่งจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดกค่ะ)
5.หนังสือยินยอมของทายาทของผู้ตาย
(กรณีของเราคือ มีเรา และคุณแม่ โดยต้องให้คุณแม่เซ็นต์ยินยอมให้ค่ะ)
6.บัญชีเครือญาติของผู้ตาย
7.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ที่จะเป็นผู้จัดการมรดก
8.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่จะเป็นผู้จัดการมรดก
ค่าใช้จ่ายในการยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก
1.ประชาชนผู้ยื่นคำขอจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้แก่พนักงานอัยการ แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในชั้นศาล
ค่าใช้จ่ายในการร้องขอจัดการมรดก
2.ศาลแพ่งไม่คิดค่าใช้จ่ายในการขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก และทำคำร้องขอตั้ง ผู้จัดการมรดกแต่อย่างใด โดยผู้ร้องจะเสียค่าใช้จ่ายดังนี้
- ค่าใช้จ่ายในวันทำคำร้องและยื่นคำร้อง
- ค่าขึ้นศาล จำนวน 200 บาท
- ค่าประกาศหนังสือพิมพ์ให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ จำนวน 500 บาท
- ค่าใช้จ่ายในวันนัดไต่สวนคำร้อง
- ค่าถ่ายเอกสารคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก หน้าละ 2 บาท
- ค่ารับรองสำเนาคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ฉบับละ 50 บาท
การติดต่อหน่วยงานเพื่อขอความอนุเคราะห์ในการยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก
1.กรณีผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ ให้ยื่นที่
- สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิ
- สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย 2 อาคารใกล้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
- สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย 3 ธนบุรี
- สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย 4 มีนบุรี
2.กรณีผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอื่นๆ
- ผู้ขอจะต้องไปติดต่อยื่นคำขอที่สำนักงานอัยการจังหวัดต่างๆที่ผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่
*หมายเหตุ การพิจารณาให้ความช่วยเหลือขึ้นอยู่กับเงื่อนไขภายในของหน่วยงาน*
ศาลที่จะยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้จัดการมรดก(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 จัตวา)
มาตรา 4 จัตวา คำร้องขอแต่งตั้งผู้จัดการมรดก ให้เสนอต่อศาลที่เจ้ามรดกมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลในขณะถึงแก่ความตาย
ในกรณีที่เจ้ามรดกไม่มีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร ให้เสนอต่อศาลที่ทรัพย์มรดกอยู่ในเขตศาล
ขอบคุณที่มาจากคุณ Gcc04 (ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐฯ สายด่วน 1111) ด้วยนะคะ ^^