ขออนุญาตแชร์เรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับประเทศหนึ่งในยุโรปเหนือที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของยุโรปอย่างนอร์เวย์ แต่กลับเป็นประเทศที่ผลิตคาร์บอนน้อยมากๆ และกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ electric car หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
- Norway มีอัตราซื้อรถพลังงานไฟฟ้ามากกว่า 30% ของยอดขายรถทั้งหมดในช่วงปีที่ผ่านมา ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสุดๆ แน่นอนคือ Teslas แต่กับในอเมริกามียอดขายไม่ถึง 1%
- แม้จะมีแหล่งพลังงานมากมาย แต่พลังงานไฟฟ้ากว่า 90% ของ Norway ยังใช้พลังงานหลักจากการผลิตจากน้ำ เช่น เขื่อนต่างๆ การใช้พลังงานพวก oil & gas จะมีการเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงานซึ่งกำกับโดยรัฐบาล (ไทยก็เก็บ)
- Norway ไม่เก็บภาษีขายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100% แปลว่า ราคารถ teslas ที่ Norway จะถูกกว่าที่ USA ซะอีก นอกจากนี้ยังไม่เก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียน และลด income tax ให้คนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
- Norway ให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าถึงขนาดแยกหมวดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นหมวด E เอาง่ายๆถ้าใครไปนอร์เวย์ละเจอรถทะเบียนขึ้นต้นด้วย E นั่นคือ Electric Car
- คนที่ขับรถหมวด E ยังได้รับสิทธิเศษ เช่น ใช้ทางพิเศษ/ทางด่วนฟรี ที่จอดรถฟรี ยิ่งไปกว่านั้นการซื้อรถไฟฟ้าจะได้รับสิทธิชาร์ตไฟฟรีพร้อมที่จอดชาร์ตในสถานที่ที่กำหนดไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- การ subsidizing เหล่านี้เอาเงินมาจากกองทุนพลังงาน (กองทุนน้ำมัน) ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าหลัก trillion usd และกองทุนน้ำมันของนอร์เวย์จัดเป็นกองทุนพลังงานมูลค่าสูงที่สุดในโลก
- ปัจจุบัน Norway ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ green & sustainable อันดับต้นๆ ของโลก แต่บางคนก็มองว่าการทำตัว green แต่ตัวเองดันส่งน้ำมันไปเผานอกประเทศมันก็ดูย้อนแย้ง
สรุปได้ว่า อย่าแปลกใจถ้าใครไปนอร์เวย์แล้วเจอรถ teslas เต็มไปหมด ก็ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี่เอง เป็นเราถ้าอยู่ที่นั่นก็คงเลือกซื้อรถไฟฟ้าแน่นอน รัฐสนับสนุนขนาดนั้น จะซื้อที่เมืองไทยต้องเอาราคาที่ขายฮ่องกงมา x2 เงินไม่เหลือซื้อไม่ได้จริงๆ
ทำไม Norway ถึงเป็นประเทศที่รถยนต์ไฟฟ้าขายดีที่สุดในโลก
- Norway มีอัตราซื้อรถพลังงานไฟฟ้ามากกว่า 30% ของยอดขายรถทั้งหมดในช่วงปีที่ผ่านมา ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสุดๆ แน่นอนคือ Teslas แต่กับในอเมริกามียอดขายไม่ถึง 1%
- แม้จะมีแหล่งพลังงานมากมาย แต่พลังงานไฟฟ้ากว่า 90% ของ Norway ยังใช้พลังงานหลักจากการผลิตจากน้ำ เช่น เขื่อนต่างๆ การใช้พลังงานพวก oil & gas จะมีการเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงานซึ่งกำกับโดยรัฐบาล (ไทยก็เก็บ)
- Norway ไม่เก็บภาษีขายสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100% แปลว่า ราคารถ teslas ที่ Norway จะถูกกว่าที่ USA ซะอีก นอกจากนี้ยังไม่เก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียน และลด income tax ให้คนที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
- Norway ให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าถึงขนาดแยกหมวดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นหมวด E เอาง่ายๆถ้าใครไปนอร์เวย์ละเจอรถทะเบียนขึ้นต้นด้วย E นั่นคือ Electric Car
- คนที่ขับรถหมวด E ยังได้รับสิทธิเศษ เช่น ใช้ทางพิเศษ/ทางด่วนฟรี ที่จอดรถฟรี ยิ่งไปกว่านั้นการซื้อรถไฟฟ้าจะได้รับสิทธิชาร์ตไฟฟรีพร้อมที่จอดชาร์ตในสถานที่ที่กำหนดไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- การ subsidizing เหล่านี้เอาเงินมาจากกองทุนพลังงาน (กองทุนน้ำมัน) ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าหลัก trillion usd และกองทุนน้ำมันของนอร์เวย์จัดเป็นกองทุนพลังงานมูลค่าสูงที่สุดในโลก
- ปัจจุบัน Norway ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ green & sustainable อันดับต้นๆ ของโลก แต่บางคนก็มองว่าการทำตัว green แต่ตัวเองดันส่งน้ำมันไปเผานอกประเทศมันก็ดูย้อนแย้ง
สรุปได้ว่า อย่าแปลกใจถ้าใครไปนอร์เวย์แล้วเจอรถ teslas เต็มไปหมด ก็ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี่เอง เป็นเราถ้าอยู่ที่นั่นก็คงเลือกซื้อรถไฟฟ้าแน่นอน รัฐสนับสนุนขนาดนั้น จะซื้อที่เมืองไทยต้องเอาราคาที่ขายฮ่องกงมา x2 เงินไม่เหลือซื้อไม่ได้จริงๆ