รายย่อยไอเฟคจ่อฟ้องเรียกค่าเสียหาย "ศุภนันท์-บอร์ด" ทำผิดกม.-พรบ.มหาชน
รายย่อยไอเฟค ร่อนหนังสือถึง “ศุภนันท์” CEO เตรียมฟ้องร้องเพื่อค่าเสียหายจากบอร์ด ฐานสร้างความเสียหายให้อย่างร้ายแรง ทำบริษัทเสียหาย ส่งงบไม่ได้ไร้กรรมการตรวจสอบ พร้อมทำหนังสือทวงถามก.ล.ต.สอบทุจริตโรงไฟฟ้าเขมร
- 23 พ.ย. 60 - นายจักรกริช ประชุม ทนายความตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (IFEC) ได้ทำหนังสือถึงนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการไอเฟค เพื่อขอให้บริษัทฯ ดำเนินการฟ้องร้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากกรรมการที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เห็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับ เนื่องจากไอเฟคได้ถูกคำสั่งห้ามซื้อขายหุ้น (SP) มาตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. 2560 จากกรณีไม่ชี้แจงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน (B/E) กรณีไม่ส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2559 กรณีกรรมการตรวจสอบไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนด ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2559 และยังไม่ได้ทำการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีประจำปี 2560 การผิดนัดชำระหนี้ จนเป็นที่มาซึ่งทำให้ไอเฟคถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก
“จากปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นกรณีที่บริษัท และผู้ถือหุ้นต้องได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือละเลย หรือจงใจกระทำให้บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหายของนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ และนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูมิ และพลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ ที่อ้างว่าง จำนวนกรรมการบริษัทครบเป็นองค์ประชุม แม้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นนายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการที่อาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 ก็ตาม และทั้งที่นับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 2560 ที่มีกรรมการขอลาออก และพ้นจากตำแหน่ง 5 คน ทำให้คณะกรรมการมีจำนวนไม่ครบองค์ประชุม จึงไม่สามารถดำเนินงานแทนบริษัทฯได้ แต่กรรมการที่เหลืออยู่กลับไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นตามกฎหมาย”
นายจักรกริช กล่าวว่า แม้สำนักงาน ก.ล.ต.จะกล่าวโทษนายวิชัย แต่กรรมการที่เหลืออยู่ก็ยังไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับบริษัท กลับแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ปล่อยให้มีการผิดนัดชำระหนี้ ถูกห้ามซื้อขายหุ้น ไม่ส่งงบ ไม่จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ไม่เลือกตั้งกรรมการให้ครบเป็นองค์ประชุม เข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น สร้างความเชื่อมั่นเจ้าหนี้และนักลงทุน ทำให้บริษัทฯประสบปัญหาต่างๆ สร้างความเสียหายให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นคิดเป็นเงินไม่น้อยกว่าหนึ่งพันล้านบาท ยังไม่นับรวมปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเริ่มเห็นเค้ารางจากอัตราการเข้าพักและรายได้ของโรงแรมดาราเทวีที่ลดลงกว่า 50% ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนเขมร ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการจ่ายไฟ และใบอนุญาตรับซื้อไฟ (PPA) โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศและโซลาร์ฟาร์ม ที่กำลังจะครบกำหนดในกลางปี 2561 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการก่อสร้าง หากปล่อยให้ใบอนุญาตหมดอายุ จะทำให้เกิดความเสียหายมูลค่ามหาศาลเมื่อเทียบกับขนาดของบริษัท
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นได้มีการรวมตัวกันไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของหุ้นที่จำหน่ายทั้งหมด ขอให้บริษัทเรียกร้องค่าเสียหายของบริษัทจากนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ และนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูมิ และพลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ และขอให้บริษัทดำเนินคดีกับกรรมการหรือผู้บริหาร หรือบุคคลใดๆในความเสียหายอื่นที่ตรวจสอบพบอีกต่างหาก
“การที่กรรมการไอเฟคอ้างสาเหตุการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบี/อี หุ้นกู้ หรือการไม่ทำงบ มาจากปัญหาที่ ก.ล.ต. ปลดหมอวิชัย ทำให้เรียกประชุมคณะกรรมการมาแก้ปัญหาไม่ได้ ยิ่งเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ได้ และเป็นการยอมรับว่ากรรมการที่มีอยู่แก้ไขปัญหาไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมคืนอำนาจให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทฯสามารถตัดสินใจว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร การประวิงเวลาไปเรื่อยๆเช่นนี้มีแต่จะทำให้บริษัทและผู้ถือหุ้นเสียหายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังขอให้ไอเฟคเรียกประชุมผู้ถือหุ้นอย่างเร่งด่วน โดยกำหนดวาระให้ผู้ถือหุ้นร่วมกันตัดสินใจแก้ไขปัญหาบริษัทฯ จะเป็นแนวทางใดขอให้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีมติ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาได้และการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว จะอ้างว่าไม่มีประธานกรรมการ คงไม่ใช่ หากยอมทำแบบนี้คิดว่า ความเสียหายอาจไม่บานปลายจนเกินแก้ไขเยียวยา”ทนายความตัวแทนนักลงทุนรายย่อยไอเฟคระบุ
ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยไอเฟค ยังได้ทำหนังสือถึงก.ล.ต. ไปเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อทวงถามความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริต โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในกัมพูชา มูลค่าลงทุน 600 ล้านบาท ซึ่งหาก ก.ล.ต.ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ก็จะดำเนินการฟ้องร้อง ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหาย
http://www.thansettakij.com/content/234569
ผู้ถือหุ้น IFEC ลุย”บอร์ดเถื่อน” และเตรียมฟ้อง157 ก.ล.ต.
รายย่อยไอเฟค ร่อนหนังสือถึง “ศุภนันท์” CEO เตรียมฟ้องร้องเพื่อค่าเสียหายจากบอร์ด ฐานสร้างความเสียหายให้อย่างร้ายแรง ทำบริษัทเสียหาย ส่งงบไม่ได้ไร้กรรมการตรวจสอบ พร้อมทำหนังสือทวงถามก.ล.ต.สอบทุจริตโรงไฟฟ้าเขมร
- 23 พ.ย. 60 - นายจักรกริช ประชุม ทนายความตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (IFEC) ได้ทำหนังสือถึงนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการไอเฟค เพื่อขอให้บริษัทฯ ดำเนินการฟ้องร้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากกรรมการที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เห็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับ เนื่องจากไอเฟคได้ถูกคำสั่งห้ามซื้อขายหุ้น (SP) มาตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. 2560 จากกรณีไม่ชี้แจงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน (B/E) กรณีไม่ส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2559 กรณีกรรมการตรวจสอบไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนด ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2559 และยังไม่ได้ทำการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีประจำปี 2560 การผิดนัดชำระหนี้ จนเป็นที่มาซึ่งทำให้ไอเฟคถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก
“จากปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นกรณีที่บริษัท และผู้ถือหุ้นต้องได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือละเลย หรือจงใจกระทำให้บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหายของนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ และนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูมิ และพลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ ที่อ้างว่าง จำนวนกรรมการบริษัทครบเป็นองค์ประชุม แม้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นนายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการที่อาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2560 ก็ตาม และทั้งที่นับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 2560 ที่มีกรรมการขอลาออก และพ้นจากตำแหน่ง 5 คน ทำให้คณะกรรมการมีจำนวนไม่ครบองค์ประชุม จึงไม่สามารถดำเนินงานแทนบริษัทฯได้ แต่กรรมการที่เหลืออยู่กลับไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นตามกฎหมาย”
นายจักรกริช กล่าวว่า แม้สำนักงาน ก.ล.ต.จะกล่าวโทษนายวิชัย แต่กรรมการที่เหลืออยู่ก็ยังไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับบริษัท กลับแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ปล่อยให้มีการผิดนัดชำระหนี้ ถูกห้ามซื้อขายหุ้น ไม่ส่งงบ ไม่จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ไม่เลือกตั้งกรรมการให้ครบเป็นองค์ประชุม เข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น สร้างความเชื่อมั่นเจ้าหนี้และนักลงทุน ทำให้บริษัทฯประสบปัญหาต่างๆ สร้างความเสียหายให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นคิดเป็นเงินไม่น้อยกว่าหนึ่งพันล้านบาท ยังไม่นับรวมปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเริ่มเห็นเค้ารางจากอัตราการเข้าพักและรายได้ของโรงแรมดาราเทวีที่ลดลงกว่า 50% ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนเขมร ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการจ่ายไฟ และใบอนุญาตรับซื้อไฟ (PPA) โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศและโซลาร์ฟาร์ม ที่กำลังจะครบกำหนดในกลางปี 2561 ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการก่อสร้าง หากปล่อยให้ใบอนุญาตหมดอายุ จะทำให้เกิดความเสียหายมูลค่ามหาศาลเมื่อเทียบกับขนาดของบริษัท
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นได้มีการรวมตัวกันไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของหุ้นที่จำหน่ายทั้งหมด ขอให้บริษัทเรียกร้องค่าเสียหายของบริษัทจากนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ และนายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูมิ และพลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ และขอให้บริษัทดำเนินคดีกับกรรมการหรือผู้บริหาร หรือบุคคลใดๆในความเสียหายอื่นที่ตรวจสอบพบอีกต่างหาก
“การที่กรรมการไอเฟคอ้างสาเหตุการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบี/อี หุ้นกู้ หรือการไม่ทำงบ มาจากปัญหาที่ ก.ล.ต. ปลดหมอวิชัย ทำให้เรียกประชุมคณะกรรมการมาแก้ปัญหาไม่ได้ ยิ่งเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ได้ และเป็นการยอมรับว่ากรรมการที่มีอยู่แก้ไขปัญหาไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมคืนอำนาจให้แก่ผู้ถือหุ้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทฯสามารถตัดสินใจว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร การประวิงเวลาไปเรื่อยๆเช่นนี้มีแต่จะทำให้บริษัทและผู้ถือหุ้นเสียหายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังขอให้ไอเฟคเรียกประชุมผู้ถือหุ้นอย่างเร่งด่วน โดยกำหนดวาระให้ผู้ถือหุ้นร่วมกันตัดสินใจแก้ไขปัญหาบริษัทฯ จะเป็นแนวทางใดขอให้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีมติ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาได้และการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว จะอ้างว่าไม่มีประธานกรรมการ คงไม่ใช่ หากยอมทำแบบนี้คิดว่า ความเสียหายอาจไม่บานปลายจนเกินแก้ไขเยียวยา”ทนายความตัวแทนนักลงทุนรายย่อยไอเฟคระบุ
ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยไอเฟค ยังได้ทำหนังสือถึงก.ล.ต. ไปเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อทวงถามความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริต โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในกัมพูชา มูลค่าลงทุน 600 ล้านบาท ซึ่งหาก ก.ล.ต.ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ก็จะดำเนินการฟ้องร้อง ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหาย
http://www.thansettakij.com/content/234569