มาตรา 226/1 ในกรณีที่ความปรากฏแก่ศาลว่า พยานหลักฐานใดเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยชอบ แต่ได้มาเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบ หรือเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยมิชอบ ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้น เว้นแต่การรับฟังพยานหลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสีย อันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญา หรือสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน
ในการใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลพิจารณาถึงพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ด้วย
(1) คุณค่าในเชิงพิสูจน์ ความสำคัญ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานนั้น
(2) พฤติการณ์และความร้ายแรงของความผิดในคดี
(3) ลักษณะและความเสียหายที่เกิดจากการกระทำโดยมิชอบ
(4) ผู้ที่กระทำการโดยมิชอบอันเป็นเหตุให้ได้พยานหลักฐานมานั้นได้รับการลงโทษหรือไม่เพียงใด
ข้อใดเข้าข่ายหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ ที่ศาลห้ามรับฟังบ้างครับ
- หลักฐานที่นาย A ได้มาจากการไปเข้าใช้อีเมล์ของนาย B
- หลักฐานที่นาย B ยักยอกคอมพิวเตอร์ของนาย A เพื่อไปให้ปอท. ตรวจสอบว่านาย A แอบใช้อีเมล์นาย B
- หลักฐานที่นาย C ไปขโมยแฟ้มเอกสารของส่วนตัวนาย D มาเพื่อหาข้อมูลการทุจริต
ข้อใดเข้าข่าย มาตรา 226/1 ที่ศาลห้ามรับฟังพยานหลักฐานนั้นบ้างครับ
ในการใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลพิจารณาถึงพฤติการณ์ทั้งปวงแห่งคดี โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ด้วย
(1) คุณค่าในเชิงพิสูจน์ ความสำคัญ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานนั้น
(2) พฤติการณ์และความร้ายแรงของความผิดในคดี
(3) ลักษณะและความเสียหายที่เกิดจากการกระทำโดยมิชอบ
(4) ผู้ที่กระทำการโดยมิชอบอันเป็นเหตุให้ได้พยานหลักฐานมานั้นได้รับการลงโทษหรือไม่เพียงใด
ข้อใดเข้าข่ายหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ ที่ศาลห้ามรับฟังบ้างครับ
- หลักฐานที่นาย A ได้มาจากการไปเข้าใช้อีเมล์ของนาย B
- หลักฐานที่นาย B ยักยอกคอมพิวเตอร์ของนาย A เพื่อไปให้ปอท. ตรวจสอบว่านาย A แอบใช้อีเมล์นาย B
- หลักฐานที่นาย C ไปขโมยแฟ้มเอกสารของส่วนตัวนาย D มาเพื่อหาข้อมูลการทุจริต