[CR] 4 วัน 4 คืน ประสบการณ์นอนสนามบิน กิน เที่ยว รอบเกาะสิงคโปร์

จากที่เราชวดจากทริปไต้หวันเพราะราคาตั๋วที่ดูจะแพงเกินไปสำหรับไต้หวัน
ลูกไผ่: “งั้นเราจะไปไหนกันดีอ่ะคะ”
พี่ปุ่น: “สิงคโปร์ไง ไผ่ยังไม่เคยไปนี่”
จากที่หาตั๋ว หาวัน สรุปแล้วเราก็ได้ทริปสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน ด้วยราคาตั๋ว Air Asia ไป-กลับ 3,512 บาท
ทริปนี้เราจองโรงแรม Park22 Hotel ที่ China Town พอดีว่าพี่ปุ่นใช้แต้ม Agoda แลกไป ค่าที่พัก 3 คืนของเราเลยอยู่ที่ 3,708 บาทเท่านั้น!!!!
เนื่องจาก flight ขาไป เราออกตอน 5 ทุ่ม ซึ่งจะถึงสิงคโปร์ประมาณตี 2
พี่ปุ่น: “รอบนี้เราต้องนอนสนามบินนะไผ่”
ลูกไผ่: “อ่าฮะ โอเค ได้ค่า”
นั่นคือการตอบไปโดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงความเลวร้ายของการนอนสนามบินที่กำลังรออยู่.....


วันเดินทาง
เนื่องจากเราเดินทางคืนวันศุกร์ เราเลยต้องไปทำงานก่อน แล้วนัดเจอพี่ปุ่นที่ BTS หมอชิตหลังเลิกงาน เพื่อจะได้นั่ง Taxi ไปดอนเมืองด้วยกัน
คือเราน่ะ ไม่ได้มา BTS จตุจักร หลังเลิกงานมานานมากแล้ว พอไปถึง แม่เจ้า!!!! คนเยอะมากกกก แล้วจะขึ้น Taxi ตรงไหนยังไงล่ะเนี่ย
จากที่ดูแล้ว ไม่มีวี่แวว Taxi ว่างให้เราขึ้นเลย พอดี๊ พอดี กับมีรถเมล์สาย A1 ขับมาพอดี
พี่ปุ่น: “เอ๊ะ เหมือนสาย A1 นี่จะไปส่งที่ดอนเมืองนะ”
         “ขึ้นมั้ย อย่างน้อยก็ได้ไปนะ”
ลูกไผ่: “ไปๆค่ะ”
พูดแล้ว รออะไรล่ะ วิ่งสิค้า คือได้วิ่งตั้งแต่ยังไม่ถึงเลยมั้ยล่ะ (- -“)
รถเมล์สาย A1 วิ่งขึ้นทางด่วนค่ะ ประมาณเกือบๆ 30 นาที ก็ถึง แถมเราเสียค่าตั๋วแค่คนละ 30 บาทเท่านั้นเอง

เรา Check in โหลดกระเป๋าอะไรเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้า Gate ไป
ลูกไผ่: “เอ๊ะ มันมี Lounge ของ King Power พี่ปุ่นเข้าได้นี่นา”
พี่ปุ่น: “อ่า ใช่ๆ อยู่ตรงไหนนะ”
เดินๆไปเราก็เจอ Lounge ของ King Power สำหรับที่นี่เค้าให้ผู้ติดตามเข้าไปได้ด้วย 1 หรือ 2 คนนี่ล่ะค่ะ ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆสบายเราล่ะ 555
บน Lounge เงียบมาก


ตอนเราขึ้นไปมีคนอยู่แค่คนเดียวเอง ข้างในเค้าจะมี Counter เครื่องดื่ม ขนม และสลัดวางเตรียมไว้ให้เราสามารถไปหยิบทานได้ พอเราเดินไปที่ Counter ก็มีพนักงานยืนยิ้มบอกเราว่า “วันนี้มีเกี๊ยมอี๋นะคะ” “ซาลาเปาก็มีค่ะ”


เกี๊ยมอี๊อร่อยมาก มื้อเย็นวันนี้อิ่มพุงกางกันเลยทีเดียว
พอใกล้ถึงเวลา Boarding time เราก็เตรียมตัวไปขึ้นเครื่องกัน
และแล้วเราก็มาถึงสิงคโปร์!!!! เวลาตี 2
เราเดินผ่าน ตม. แล้วมาเอากระเป๋าเดินออกมาที่ Terminal 2 เราเดินไปเรื่อยๆ
ลูกไผ่: “เอ่อ...พี่ปุ่นคะ เค้านอนตรงไหนกันเหรอ”
พี่ปุ่น: “นั่นสินะ ที่เรามาคราวที่แล้วเหมือนจะไม่ใช่ตรงนี้เลย ไม่คุ้นเลยแฮะ”

เออะ...แล้วเราก็ชวนกันเดินไปดูชั้น 2
ลูกไผ่: “อ้าว มีร้านอยู่ชั้นนี้ด้วยนี่นา”

แต่เราก็ยังคงไม่เจอตรงไหนที่คิดว่าจะนอนได้ จนสุดท้าย
พี่ปุ่น: “ไปนั่ง Mac กันมั้ย”
ลูกไผ่: “อื้อ โอเคค่ะ”

ที่ Mac มีคนอยู่เยอะพอสมควร แต่ดีที่โต๊ะก็เยอะเช่นกัน เราเลยมีที่นั่ง กวาดตาไปรอบๆร้านก็ไม่เห็นจะมีใครนั่งหลับเลย ทุกคนดูนั่งทานกันปกติมาก

เราสั่ง Mac Set มาทานกัน เราก็นั่งเล็มๆเฟรนฟรายไป ตอนนั้นรู้สึกว่าวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่างไปแล้ว


จนในที่สุด!


ไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่เอาจริงๆ มันก็นอนไม่หลับอยู่ดี สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นมานั่งต่อ จนกระทั่งตี 5 ครี่ง
ลูกไผ่: “รถไฟน่าจะเปิดแล้ว ไปกันละมั้ย”

เย้! รถไฟเปิดแล้วจริงๆ มารอบนี้เราเลือกซื้อตั่วรถไฟเป็นเที่ยวๆไป เราต้องนั่งไปลงที่สถานี Expo และไปต่อที่ Downtown Line เพื่อไปลง China Town

Day1:
เช้านี้ตัวเมืองเงียบมากกก แทบจะยังไม่มีคนและรถวิ่งผ่าน ก็มันยังเช้ามากนี่นะ (- -“)



เราเดินลากกระเป๋าหาโรงแรมตาม Google Map เดินกันพักใหญ่ เราก็เจอโรงแรม เดินเข้าไป Check in เรียบร้อย
พนักงานก็บอกว่า “เราสามารถเข้าห้องพักได้ตอนบ่ายสองนะ แต่ว่าเราสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ได้”
เราก็เลยชวนกันออกไปเดินเที่ยว (ด้วยสภาพซอมบี้)
เดินกลับไปทางที่เราเดินขึ้น MRT มา แล้วก็เดินเข้าไปในตึกๆนึง มองลงไปข้างล่างเป็นตลาดสด โอ้โห เค้าขายของสดกันเต็มเลย กำลังมีพ่อค้าขนปลาตัวเบ้อเริ่มหลายตัวมาพอดีเลย


พี่ปุ่น: “เดินลงไปดูมั้ย”
ลูกไผ่: “ไปค่ะ”
ชั้นนี้ก็จะมีผักสด เนื้อหมู ขายอยู่เยอะแยะ แต่ซอยที่น่าสนใจสุดคือพวกของทะเลนี่แหละ แต่ว่าเราไม่ได้เดินเข้าไปนะ เพราะว่าเฉอะแฉะมาก


หมดชั้นนี้พี่ปุ่นก็พาเดินขึ้นไปอีก 2 ชั้น จะเป็นเหมือน Food Court ใหญ่ๆ ทั้งชั้น มีร้านอาหารเยอะมาก และที่สำคัญน่าทานทุกร้าน แต่ด้วยความที่เราง่วงมาก และทาน Mac มาจากสนามบินเลยไม่ได้ทานอะไร

เดินจนทั่วแล้วเราก็เดินลงมาชั้นล่าง ชั้น 1 จะเป็นชั้นที่ขายเสื้อผ้า เดินทะลุออกไปด้านหลังจะเจอกับ ‘วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว’ หรือ ‘Buddha Tooth Relic Temple’
เราเดินเข้าไปข้างในตัววัด ข้างในประดับตกแต่งไว้สวยมาก



เดินตรงไปเรื่อยๆ ก็ทะลุด้านหน้าของวัด ที่เป็นโค้งถนนใหญ่


พี่ปุ่น: “ตอนที่เรามาคราวที่แล้วเค้าจัดงานพอดี เค้าก็มีแต่งโคมไฟ ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยมาก”

เราถ่ายรูปหน้าวัดซักพัก ฟ้าก็เริ่มครึ้มขึ้นเรื่อยๆ และแล้ว ฝนก็ตกจ้า วิ่งกลับโรงแรมสิคะ รออะไร!
ดีนะที่เรายังเดินมาไม่ไกลมาก

เรากลับมาที่โรงแรมราวๆ 9 โมง แล้วก็มานั่งทิ้งตัวที่โซฟาหน้าลิฟต์ ณ จุดนั้น ไม่ไหวแล้วจริงๆ หลับจ้า
แต่มันนอนไม่ค่อยได้ หลับๆ ตื่นๆ กันไป ต้องบอกว่าตอนนั้นทรมานมาก เราทนจนถึง 11 โมง เราเลยเดินไปที่หน้า counter อีกครั้ง แล้วคุยกับพนักงาน
ลูกไผ่: “ขอโทษนะคะ พอจะมีห้องว่างให้เราเข้าพักแล้วจ่ายเป็นชั่วโมงระหว่างรอเช็คอินมั้ยคะ”
พนักงานคงเห็นสภาพเราแบบว่าไม่ไหวจริงๆ: “ตอนนี้แม่บ้านกำลังเคลียร์ห้องอยู่ ถ้าเสร็จแล้ว เดี๋ยวดิฉันจะรีบให้คุณเช็คอินเลยนะคะ”

แล้วเราก็กลับไปนั่งหย่อนตัวลงกับโซฟา จนกระทั่งเที่ยงครึ่งพนักงานเรียกให้เราไปกรอกเอกสารและยื่นกุญแจห้องให้
เย้!!!!!! ในที่สุด!!!!

เราพากันลากกระเป๋าขึ้นห้อง แล้วก็สลบเหมือดไปเลย 555


คือเราอยากจะบอกว่า การแพลนว่าจะมานอนสนามบิน ส่วนตัวเราไม่แนะนำอย่างรุนแรง มันทรมานมากอ่ะค่ะ เรียกว่ามันไม่ได้นอนหรอก อีกวันเราก็จะนอนตายเป็นซอมบี้ไปเลย

เราตื่นกันมาอีกทีตอน 4 โมงเย็น  อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ก็ชวนกันออกเที่ยว! ทริปวันแรกของเรามันเริ่มขึ้นตอนนี้ 555
ที่แรกของเราวันนี้คือ Clarke Quay กะว่าจะไปหาอะไรทานกันก่อน เพราะตื่นมานี่หิวมากกก แน่ล่ะสินอนตายไม่ได้ทานอะไรกันเลย เราเดินข้ามถนนไปรอรถบัส โดยดูจาก Google map ว่าต้องขึ้นสายไหน แปปเดียวรถบัสก็มา
พอขึ้นรถไปเราเห็นทุกคนใช้บัตรติ๊ดที่หน้ารถหมดเลย พี่ปุ่นยื่นเงินไปให้คนขับอย่างงงๆ
คนขับ: “ผมไม่มีเงินทอนหรอกครับ”
เราก็ทำหน้างง เงอะๆ งะๆ กัน
คนขับ: “คุณจะไปไหนกันเหรอ”
พี่ปุ่น: “Clarke Quay ครับ”
คนขับก็ทำท่าโบกมือว่า ไปนั่งเถอะ ไม่เป็นไร
อ้าว นั่งฟรีค่า!
พี่ปุ่น: “ที่นี่เค้าใช้บัตรกันหมดเลย”
ลูกไผ่: “นั่นสิคะ ต้องเป็นไอบัตรที่บัตรเดียวจ่ายได้ทุกอย่างแน่เลย เราไม่ได้ซื้อมาง่ะ ไม่รู้ซื้อที่ไหน”
หลังจากลงรถบัสรอบนี้เราก็ไม่กล้าขึ้นรถบัสอีกเลย เกรงใจเค้า ไม่รู้จะจ่ายยังไง


รถบัสจอดที่หน้าห้างอะไรซักอย่างแถว Clake Quay ตอนนี้ฟ้ายังสว่างอยู่เลย เราก็เดินไปเรื่อยจนถึงทางข้างถนนที่มองไปก็เห็นแม่น้ำ และแหล่งร้านอาหารอยู่อีกฝั่ง บรรยากาศชิลล์มาก


ลูกไผ่: “เราจะทานอะไรกันดีอ่ะคะ”
พี่ปุ่น: “นั่นสิ”
ลูกไผ่: “แถว Marina Bay มีอะไรทานมั้ยคะ”
พี่ปุ่น: “ไม่ค่อยมีนะ เราว่าหาทานแถวนี้ไปก่อนดีกว่านะ กว่าจะถึงนู้น เดี๋ยวจะหิวตายกันซะก่อน”
ลูกไผ่: “โอเค งั้นเดี๋ยวเราเดินไปเรื่อยๆ ถ้าเจอร้านไหนก็ทานกันเนอะ”

พอหันหน้ามากำลังจะข้ามถนน
ลูกไผ่: “เฮ้ย Songfa! นี่ไงๆ ร้านบักกุเต๋ที่น้องที่ออฟฟิศบอกว่าอร่อยมากอ่ะค่ะ”
พี่ปุ่น: “เอ้ย งั้นกินนี่แหละ เข้าไปเล้ย!”
พอข้ามถนนไป
ลูกไผ่: “เหหห ทำไมมี Songfa 2 ร้านล่ะคะ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าร้านไหนที่อร่อยอ่ะ”
ใช่แล้วข้ามไปจะเจอ Songfa 2 ร้าน คือร้านที่อยู่ตรงทางม้าลายเลย เป็นร้านห้องแอร์ และร้านข้างๆกันถัดไปนิดเดียวอยู่ตรงหัวมุมเป็นร้านเปิดโล่ง
พี่ปุ่น: “ร้านนี้ก็ได้ เราว่าเหมือนกันแหละ เค้าคงแค่ขยายร้าน”
เราเลือกเข้าร้านตรงทางม้าลาย ที่เป็นร้านที่เราเห็นตอนแรก ข้างในร้านสวยเลย ดูคลาสสิคๆ


พนักงานต้อนรับกันอย่างแข็งขันมาก


ที่โต๊ะด้านข้างจะมีก๊อกน้ำอยู่ข้างๆ โต๊ะ
ลูกไผ่: “มีก๊อกตรงนี้ด้วยอ่ะค่ะ เค้าเอาไว้ทำอะไรหว่า”
พี่ปุ่น: “ไม่รู้เหมือนกันแฮะ”
ลูกไผ่: “หรือเป็นก๊อกชาร้อนให้เรากดเอง”
พี่ปุ่น: “เราว่าไม่น่าใช่นะ”
และเราก็ยังไม่ได้คำตอบจนถึงตอนนี้ 555

เราเลือกสั่งบักกุเต๋ส่วนเป็นที่เป็นเนื้อดีที่สุด 1 ชาม รสชาติอร่อยเลย เราชอบน้ำซุปของเค้ามาก จะมีความพริกไทยอยู่ค่อนข้างเยอะ ทานๆอยู่ก็จะมีพนักงานมาคอยเติมน้ำซุปให้เรื่อยๆ ดีจุง


ขาหมู 1 จาน เราว่าธรรมดานะ รู้สึกว่าขาหมูบ้านเราเข้มข้นกว่า 555
และผักดอง 1 ถ้วยเล็ก รู้สึกคิดถูกที่สั่งมา อร่อยและตัดเลี่ยนได้ดีเลย


มื้อนี้จ่ายค่าเสียหายไปที่ 24 SGD (795 บาท)

เต็มพลังแล้วเราก็เริ่มออกเดินกันไปเรื่อย ผ่านย่านที่ดูจะเป็นที่พักที่ฝรั่งพักกันค่อนข้างเยอะแถวๆ Rainbow Bridge


ลูกไผ่: “สะพานยังไม่เปิดไฟเลยอ่ะค่ะ ถ้าเปิดแล้วก็จะเป็นสีรุ้งถ่ายรูปสวยเลย ไว้เราค่อยกลับมาถ่ายเนอะ”
พี่ปุ่น: “อื้ม”

เราเดินผ่านทางเดินริมน้ำ ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหารริมน้ำน่านั่งทั้งนั้นเลย ทางเดินตรงนี้มีคนมาวิ่งออกกำลัง ละก็ปั่นจักรยานกันเยอะอยู่


ผ่านทางนี้ก็จะเจอสวนที่มีลูกเหล็กกลมๆใหญ่ๆ วางอยู่ 4-5 ลูก
พี่ปุ่น: “ลูกนี้ไงที่เค้าถ่ายรูปกัน”


แล้วก็เดินกันต่อ
พี่ปุ่น: “รู้สึกว่าถ้าเราเห็นโรงแรมฟูเลอตัน แสดงว่าเราใกล้ถึง Marina Bay ละ”
ลูกไผ่: “อ้าว นี่ไงคะ โรงแรม”


เราเดินไปตามสะพานเรื่อยๆ เราก็มาถึง Marina Bay ฝั่งที่มี Merlion ตั้งอยู่ คนเยอะเลย

พี่ปุ่น: “นี่เค้ามานั่งรอดูตึกโชว์เล่นไฟ”
ลูกไผ่: “อ๊ะ จริงด้วย ไผ่อ่านในรีวิวเค้าบอกจะมีโชว์เล่นไฟด้วย”
          “ฟ้ายังไม่มืดเลยอ่ะค่ะ ถ่ายรูปตอนนี้จะยังไม่ค่อยสวย”
พี่ปุ่น: “ช่ายย”
ชื่อสินค้า:   4 วัน 4 คืน ประสบการณ์นอนสนามบิน กิน เที่ยว รอบเกาะสิงคโปร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่