สวัสดีครับ หายไปเคลียร์ธุระส่วนตัวนานมากเลย รีบกลับมาเพราะกลัวคนจะลืม แล้วก็จะหายไปอีกเพราะติดธุระที่โรงเรียนครับ55 หลังจากวันจันทร์ที่ 20 ไป จะพยายามลงให้ได้สัปดาห์ละตอนนะครับ ฝากติดตามด้วยครับ
.......................................................................
หลายชั่วยามแล้วที่เขาทิ้งข้าให้อยู่ลำพังในห้องปิดตาย มีเพื่อนคลายเหงาเพียงเหล่าหนังสือบนชั้นที่เต็มไปด้วยตรรกะพิลึกพิลั่น และทิวทัศน์มืดครึ้มนอกระเบียง
แต่ข้าเชื่อ...ว่าเขาจะต้องกลับมาหาข้าอีก เพราะเขาสนใจข้า...ใช่! เขาสนใจข้าแล้ว เขาจะอยากมาหาข้า ข้ารู้เพราะความหวั่นไหวมันสะท้อนอยู่ในดวงตาเขาเหมือนเงาของดวงอาทิตย์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ ข้าดีใจจนยิ้มแก้มปริ นอนกลิ้งไปมาเพื่อสูดกลิ่นเจ้าของที่แท้จริงของเตียงนี้...มีคนสนใจข้า ข้ากำลังจะได้รับความรัก!
ข้ากลิ้งจนพอใจก็ผุดลุกไปสังเกตการณ์ที่ระเบียงอีกครั้ง กองทัพช่วยเหลือขยับตำแหน่งจากที่ดูเมื่อเช้าเพียงไม่กี่หลา นี่คงจะเป็นแผนหลอกดึงความสนใจ โดยกองกำลังช่วยเหลือที่แท้จริงนั้นล่วงหน้าออกมาก่อนแล้ว เหมือนอย่างคราวที่เราไปช่วยเหลือเจ้าชายแห่งแคว้นแสงเหนือจากพวกโจรกบฏ ตอนนั้นข้าร้องแทบตายเพื่อจะขอเดินทางไปกับกองกำลังช่วยเหลือที่แท้จริง แต่พี่ลูเซียสไม่ให้ เขาหวงข้าเกินกว่าจะพาบุกป่าฝ่าดงไปเจออันตราย ข้าเลยต้องยอมทนอยู่กับทัพหลอก ทนฟังพวกทหารผู้ใหญ่เสียดสีว่าร้ายจนต้องไปนั่งร้องไห้ลำพัง
ใช่...องค์หญิงแพททริเซียผู้เลอโฉมและเปี่ยมไปด้วยสติปัญญาผู้นี้ล่ะ เคยเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่โดนค่อนแคะไม่เว้นวันมาก่อน!
อาณาจักรแห่งรุ่งอรุณถือกำเนิดได้โดยคนสามคน คือพ่อ พี่ชาย และแม่ข้า พ่อข้าเคยเป็นแม่ทัพหนุ่มรูปงามที่หลงรักกับเจ้าหญิงแห่งแคว้นดาวประกายพรึก พวกเขาแอบมีสัมพันธ์กันหลายครั้ง จนพลาดท่าขึ้นมา ทั้งพ่อข้าและเจ้าหญิงต่างตกใจกลัว เพราะพวกเขาไม่สามารถครองรักกันได้อย่างเปิดเผย แต่หนึ่งชีวิตในครรภ์กำลังจะทำความลับแตก
และไฟแห่งรักก็ได้จุดประกายสิ่งที่ท้าทายที่สุดขึ้นมา พ่อข้าวางแผนลักพาตัวเจ้าหญิงพร้อมกับพาทหารและคนสำคัญของแคว้นที่ไม่ชอบพระราชาออกไปด้วย แม้เบื้องหลังนั้นเป็นการยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่าย ทว่าสิ่งที่คนนอกคิดคือแม่ทัพอาเธอร์ พ่อของข้าคือคนโฉดผู้ก่อกบฏ
เหล่ากบฏและตัวประกันปลอมๆ ตั้งชุมชนอยู่ในป่าเขานานเกือบปี พี่ชายข้าก็ถือกำเนิดขึ้น เด็กทารกไม่เหมาะกับสภาพป่าที่เต็มไปด้วยแมลงและอากาศหนาวเย็น พี่ลูเซียสป่วยเป็นไข้ป่าที่ติดจากยุง เดือดร้อนคนภายในต้องลอบเข้าเมืองเพื่อหายามารักษา ทว่ากลับถูกคนของแคว้นดาวประกายพรึกสะกดรอยตามจนเจอที่อยู่ของพวกเขา
เกิดการปะทะขึ้นอีกครั้ง ชุมชนกบฏโดนบุกรุกในยามราตรี ส่วนหนึ่งหลบหนีออกมาได้ ส่วนหนึ่งเคยเป็นคนใหญ่คนโตของแคว้น ก็ไหลลื่นว่าตนยังคงจงรักภักดีและถูกพากลับไปอย่างปลอดภัย แต่ก็มีบางส่วนที่ถูกสังหารและโดนลูกหลงจากการบุกรุก...เจ้าหญิงแห่งแคว้นดาวประกายพรึกเป็นหนึ่งในนั้น มีคนเล่าให้ฟังว่านางมีปากมีเสียงกับพ่อข้าในคืนนั้นพอดี และก็หนีไปนอนที่กระท่อมร้างไกลตาผู้คน คนของแคว้นดาวประกายพรึกเป็นทหารหนุ่มฉกกรรจ์ เห็นหญิงสาวสะสวยอยู่ลำพังไม่ทันสังเกตว่าคือใคร ก็ลงมือขืนใจก่อนจะฆ่าทิ้ง
พ่อข้าที่เป็นผู้นำในขณะนั้นเห็นว่าไม่อาจสู้ไหว ก็พาพี่ลูเซียสกับคนที่เหลืออีกหยิบมือหนีไปไกลถึงท่าเรือทางใต้ ชุมชนท่าเรือไม่ขึ้นกับแคว้นหรืออาณาจักรใด ผู้คนอยู่โดยพึ่งพาอาศัยกัน หารายได้จากการส่งอาหารกับข้าวของเครื่องใช้แลกสมบัติจากพวกโจรสลัดที่จะมาจอดเรือเทียบท่านานๆ ครั้ง ที่นั่น พ่อข้าได้พบกับ ‘ซิลบี้’ หญิงสาวแก่นแก้วนางหนึ่งที่มาช่วยคลายความเศร้าลงได้ พวกเขาเผลอใจให้กัน และไม่นานทารกหญิงตัวน้อยนามแพททริเซียก็ลืมตาดูโลก
แม้จะมีคนมาเยียวยาหัวใจ แต่ความแค้นของอดีตแม่ทัพอาเธอร์ก็ไม่ได้ลดถอย เขาผูกมิตรกับเหล่าหัวหน้าโจรสลัดทั้งสี่ รวมพวกเขาให้เป็นหนึ่ง ก่อนจะยกทัพเรือบุกไปยังแคว้นดาวประกายพรึก ผลคือชนะสงคราม อาเธอร์สถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ และเปลี่ยนชื่อให้เป็นแคว้นรุ่งอรุณ เพื่อเป็นการบอกว่าดาวประกายพรึกได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว
ข้าและพี่ลูเซียสได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหญิงและเจ้าชายของแคว้น แต่ข้ากลับไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นลูกกษัตริย์ เหมือนอย่างที่พี่ชายผู้มีเชื้อสายราชวงศ์ได้รับ ในวัยเยาว์ เด็กหญิงลูกครึ่งนักรบและสาวชาวเลมีหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ พอผสมกับผิวสีน้ำผึ้งไม่ขาวนวลเหมือนคนในวัง ยิ่งทำให้เวลาข้ายืนคู่กับพี่ลูเซียสก็เหมือนหงส์กับห่าน พวกพี่เลี้ยงชอบแอบหัวเราะเยาะข้า แถมยังเซาะแซะเสียดสีจนข้ากลายเป็นเด็กขี้อาย
แต่พี่ลูเซียสคือกำลังใจของข้า เขาคือแสงสว่างที่ทำให้ข้าฮึดสู้และพัฒนาตัวเอง ข้าพบว่าตนมีจุดเด่นคือความฉลาด ข้าสามารถจดจำผังเมืองทั้งหมดได้ตั้งแต่แปดขวบ เขียนแบบราชวังหลังใหม่เมื่อสิบขวบ และวางแผนการรบขยายอาณานิคมได้เมื่ออายุสิบสอง ฉายากุหลาบซ่อนหนามได้มาจากการที่ข้าทำให้แคว้นรุ่งอรุณกลายเป็นอาณาจักรทรงอำนาจ มีแคว้นน้อยใหญ่มาสวามิภักดิ์นี่ล่ะ
ชื่อโฉมงามแห่งรุ่งอรุณนั้นมาทีหลัง ดั่งที่คนบอกว่าเด็กผู้หญิงเมื่อเยาว์วัยอาจขี้เหร่ แต่พอโตขึ้นกลับสวยเหมือนเทพธิดาได้ ข้าก็เช่นกัน เกียรติศัพท์ความงามเริ่มแผ่ขยายไปเรื่อยเมื่อข้าอายุได้สิบสี่ เจ้าชายจากต่างแคว้นเริ่มส่งทูตมาเจริญสัมพันธไมตรี แต่พวกคุณชายเจ้าสำอางไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ คนสวนหุ่นล่ำกับทหารยามหน้าเข้มต่างหากที่ข้าชอบ!
ใช่! ข้าเป็นเจ้าหญิงที่ใฝ่ต่ำประมาณนั้นเลยล่ะ ใครจะเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวสูงศักดิ์บนหอคอยงาช้าง มีพ่อกับพี่ชายคอยหวง จะกินจะนอนจะนั่งก็ต้องเรียบร้อย ขนาดผายลมยังต้องขมิบให้เสียงกับกลิ่นออกมาน้อยที่สุด ผู้ติดตามก็มีแต่หญิงสาวด้วยกัน การได้มองชายฉกรรจ์ผิวเข้มหน้าคมยกแขนขึ้นปาดเหงื่อมันเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก ส่วนพวกองค์ชายเอวบางร่างน้อยอย่าหวังว่าข้าจะชายตาแลเลย เหอะ!
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำข้าหลุดจากภวังค์ รีบจัดผมเผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะปั้นหน้าขรึม เพราะคิดว่าเป็นสาวใช้ปีศาจที่ยกอาหารกลางวันมาให้ แต่พอประตูเปิดออก คนที่เดินเข้ามากลับทำข้าใจเต้น
จอมมารก้าวเข้ามาในห้องโดยไม่ลืมปิดประตู เขาไม่สบตาข้า หน้าขาวซีดนั้นมีสีชมพูระเรื่อปรากฎให้เห็น เกิดความเงียบระหว่างเราอยู่นาน ข้าเลยต้องทำลายมันลง
“อะแฮ่มๆ!” ข้ากระแอม “คิดถึงข้า หรือแค่เข้ามาเอาของล่ะ...ท่านจอมมาร” ข้าเดินเข้าไปใกล้เขา แล้วยกฝ่ามือขึ้นลูบไล้ตามสาบเสื้อ กลิ่นตัวเขาเหมือนกับไอน้ำเดือด มันให้ความรู้สึกอบอุ่นและเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน
หมับ!
“อ๊ะ!!” ข้าร้อง เมื่อจอมมารจับมือข้าไว้แน่น เขาอุ้มข้าขึ้นบ่าก่อนจะพาไปโยนลงบนเตียง สองแขนรวบตัวข้าไว้อย่างแน่นหนา
“ข้าตัดสินใจแล้ว” จอมมารเอ่ยเสียงสั่น “มาเป็นเมียข้านี่”
โปรดติดตามตอนต่อไป
(18+) เจ้าหญิงวุ่นวายกับมารร้ายสุดหล่อ ตอนที่ 3
หลายชั่วยามแล้วที่เขาทิ้งข้าให้อยู่ลำพังในห้องปิดตาย มีเพื่อนคลายเหงาเพียงเหล่าหนังสือบนชั้นที่เต็มไปด้วยตรรกะพิลึกพิลั่น และทิวทัศน์มืดครึ้มนอกระเบียง
แต่ข้าเชื่อ...ว่าเขาจะต้องกลับมาหาข้าอีก เพราะเขาสนใจข้า...ใช่! เขาสนใจข้าแล้ว เขาจะอยากมาหาข้า ข้ารู้เพราะความหวั่นไหวมันสะท้อนอยู่ในดวงตาเขาเหมือนเงาของดวงอาทิตย์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ ข้าดีใจจนยิ้มแก้มปริ นอนกลิ้งไปมาเพื่อสูดกลิ่นเจ้าของที่แท้จริงของเตียงนี้...มีคนสนใจข้า ข้ากำลังจะได้รับความรัก!
ข้ากลิ้งจนพอใจก็ผุดลุกไปสังเกตการณ์ที่ระเบียงอีกครั้ง กองทัพช่วยเหลือขยับตำแหน่งจากที่ดูเมื่อเช้าเพียงไม่กี่หลา นี่คงจะเป็นแผนหลอกดึงความสนใจ โดยกองกำลังช่วยเหลือที่แท้จริงนั้นล่วงหน้าออกมาก่อนแล้ว เหมือนอย่างคราวที่เราไปช่วยเหลือเจ้าชายแห่งแคว้นแสงเหนือจากพวกโจรกบฏ ตอนนั้นข้าร้องแทบตายเพื่อจะขอเดินทางไปกับกองกำลังช่วยเหลือที่แท้จริง แต่พี่ลูเซียสไม่ให้ เขาหวงข้าเกินกว่าจะพาบุกป่าฝ่าดงไปเจออันตราย ข้าเลยต้องยอมทนอยู่กับทัพหลอก ทนฟังพวกทหารผู้ใหญ่เสียดสีว่าร้ายจนต้องไปนั่งร้องไห้ลำพัง
ใช่...องค์หญิงแพททริเซียผู้เลอโฉมและเปี่ยมไปด้วยสติปัญญาผู้นี้ล่ะ เคยเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่โดนค่อนแคะไม่เว้นวันมาก่อน!
อาณาจักรแห่งรุ่งอรุณถือกำเนิดได้โดยคนสามคน คือพ่อ พี่ชาย และแม่ข้า พ่อข้าเคยเป็นแม่ทัพหนุ่มรูปงามที่หลงรักกับเจ้าหญิงแห่งแคว้นดาวประกายพรึก พวกเขาแอบมีสัมพันธ์กันหลายครั้ง จนพลาดท่าขึ้นมา ทั้งพ่อข้าและเจ้าหญิงต่างตกใจกลัว เพราะพวกเขาไม่สามารถครองรักกันได้อย่างเปิดเผย แต่หนึ่งชีวิตในครรภ์กำลังจะทำความลับแตก
และไฟแห่งรักก็ได้จุดประกายสิ่งที่ท้าทายที่สุดขึ้นมา พ่อข้าวางแผนลักพาตัวเจ้าหญิงพร้อมกับพาทหารและคนสำคัญของแคว้นที่ไม่ชอบพระราชาออกไปด้วย แม้เบื้องหลังนั้นเป็นการยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่าย ทว่าสิ่งที่คนนอกคิดคือแม่ทัพอาเธอร์ พ่อของข้าคือคนโฉดผู้ก่อกบฏ
เหล่ากบฏและตัวประกันปลอมๆ ตั้งชุมชนอยู่ในป่าเขานานเกือบปี พี่ชายข้าก็ถือกำเนิดขึ้น เด็กทารกไม่เหมาะกับสภาพป่าที่เต็มไปด้วยแมลงและอากาศหนาวเย็น พี่ลูเซียสป่วยเป็นไข้ป่าที่ติดจากยุง เดือดร้อนคนภายในต้องลอบเข้าเมืองเพื่อหายามารักษา ทว่ากลับถูกคนของแคว้นดาวประกายพรึกสะกดรอยตามจนเจอที่อยู่ของพวกเขา
เกิดการปะทะขึ้นอีกครั้ง ชุมชนกบฏโดนบุกรุกในยามราตรี ส่วนหนึ่งหลบหนีออกมาได้ ส่วนหนึ่งเคยเป็นคนใหญ่คนโตของแคว้น ก็ไหลลื่นว่าตนยังคงจงรักภักดีและถูกพากลับไปอย่างปลอดภัย แต่ก็มีบางส่วนที่ถูกสังหารและโดนลูกหลงจากการบุกรุก...เจ้าหญิงแห่งแคว้นดาวประกายพรึกเป็นหนึ่งในนั้น มีคนเล่าให้ฟังว่านางมีปากมีเสียงกับพ่อข้าในคืนนั้นพอดี และก็หนีไปนอนที่กระท่อมร้างไกลตาผู้คน คนของแคว้นดาวประกายพรึกเป็นทหารหนุ่มฉกกรรจ์ เห็นหญิงสาวสะสวยอยู่ลำพังไม่ทันสังเกตว่าคือใคร ก็ลงมือขืนใจก่อนจะฆ่าทิ้ง
พ่อข้าที่เป็นผู้นำในขณะนั้นเห็นว่าไม่อาจสู้ไหว ก็พาพี่ลูเซียสกับคนที่เหลืออีกหยิบมือหนีไปไกลถึงท่าเรือทางใต้ ชุมชนท่าเรือไม่ขึ้นกับแคว้นหรืออาณาจักรใด ผู้คนอยู่โดยพึ่งพาอาศัยกัน หารายได้จากการส่งอาหารกับข้าวของเครื่องใช้แลกสมบัติจากพวกโจรสลัดที่จะมาจอดเรือเทียบท่านานๆ ครั้ง ที่นั่น พ่อข้าได้พบกับ ‘ซิลบี้’ หญิงสาวแก่นแก้วนางหนึ่งที่มาช่วยคลายความเศร้าลงได้ พวกเขาเผลอใจให้กัน และไม่นานทารกหญิงตัวน้อยนามแพททริเซียก็ลืมตาดูโลก
แม้จะมีคนมาเยียวยาหัวใจ แต่ความแค้นของอดีตแม่ทัพอาเธอร์ก็ไม่ได้ลดถอย เขาผูกมิตรกับเหล่าหัวหน้าโจรสลัดทั้งสี่ รวมพวกเขาให้เป็นหนึ่ง ก่อนจะยกทัพเรือบุกไปยังแคว้นดาวประกายพรึก ผลคือชนะสงคราม อาเธอร์สถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ และเปลี่ยนชื่อให้เป็นแคว้นรุ่งอรุณ เพื่อเป็นการบอกว่าดาวประกายพรึกได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว
ข้าและพี่ลูเซียสได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหญิงและเจ้าชายของแคว้น แต่ข้ากลับไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นลูกกษัตริย์ เหมือนอย่างที่พี่ชายผู้มีเชื้อสายราชวงศ์ได้รับ ในวัยเยาว์ เด็กหญิงลูกครึ่งนักรบและสาวชาวเลมีหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ พอผสมกับผิวสีน้ำผึ้งไม่ขาวนวลเหมือนคนในวัง ยิ่งทำให้เวลาข้ายืนคู่กับพี่ลูเซียสก็เหมือนหงส์กับห่าน พวกพี่เลี้ยงชอบแอบหัวเราะเยาะข้า แถมยังเซาะแซะเสียดสีจนข้ากลายเป็นเด็กขี้อาย
แต่พี่ลูเซียสคือกำลังใจของข้า เขาคือแสงสว่างที่ทำให้ข้าฮึดสู้และพัฒนาตัวเอง ข้าพบว่าตนมีจุดเด่นคือความฉลาด ข้าสามารถจดจำผังเมืองทั้งหมดได้ตั้งแต่แปดขวบ เขียนแบบราชวังหลังใหม่เมื่อสิบขวบ และวางแผนการรบขยายอาณานิคมได้เมื่ออายุสิบสอง ฉายากุหลาบซ่อนหนามได้มาจากการที่ข้าทำให้แคว้นรุ่งอรุณกลายเป็นอาณาจักรทรงอำนาจ มีแคว้นน้อยใหญ่มาสวามิภักดิ์นี่ล่ะ
ชื่อโฉมงามแห่งรุ่งอรุณนั้นมาทีหลัง ดั่งที่คนบอกว่าเด็กผู้หญิงเมื่อเยาว์วัยอาจขี้เหร่ แต่พอโตขึ้นกลับสวยเหมือนเทพธิดาได้ ข้าก็เช่นกัน เกียรติศัพท์ความงามเริ่มแผ่ขยายไปเรื่อยเมื่อข้าอายุได้สิบสี่ เจ้าชายจากต่างแคว้นเริ่มส่งทูตมาเจริญสัมพันธไมตรี แต่พวกคุณชายเจ้าสำอางไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ คนสวนหุ่นล่ำกับทหารยามหน้าเข้มต่างหากที่ข้าชอบ!
ใช่! ข้าเป็นเจ้าหญิงที่ใฝ่ต่ำประมาณนั้นเลยล่ะ ใครจะเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวสูงศักดิ์บนหอคอยงาช้าง มีพ่อกับพี่ชายคอยหวง จะกินจะนอนจะนั่งก็ต้องเรียบร้อย ขนาดผายลมยังต้องขมิบให้เสียงกับกลิ่นออกมาน้อยที่สุด ผู้ติดตามก็มีแต่หญิงสาวด้วยกัน การได้มองชายฉกรรจ์ผิวเข้มหน้าคมยกแขนขึ้นปาดเหงื่อมันเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก ส่วนพวกองค์ชายเอวบางร่างน้อยอย่าหวังว่าข้าจะชายตาแลเลย เหอะ!
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำข้าหลุดจากภวังค์ รีบจัดผมเผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะปั้นหน้าขรึม เพราะคิดว่าเป็นสาวใช้ปีศาจที่ยกอาหารกลางวันมาให้ แต่พอประตูเปิดออก คนที่เดินเข้ามากลับทำข้าใจเต้น
จอมมารก้าวเข้ามาในห้องโดยไม่ลืมปิดประตู เขาไม่สบตาข้า หน้าขาวซีดนั้นมีสีชมพูระเรื่อปรากฎให้เห็น เกิดความเงียบระหว่างเราอยู่นาน ข้าเลยต้องทำลายมันลง
“อะแฮ่มๆ!” ข้ากระแอม “คิดถึงข้า หรือแค่เข้ามาเอาของล่ะ...ท่านจอมมาร” ข้าเดินเข้าไปใกล้เขา แล้วยกฝ่ามือขึ้นลูบไล้ตามสาบเสื้อ กลิ่นตัวเขาเหมือนกับไอน้ำเดือด มันให้ความรู้สึกอบอุ่นและเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน
หมับ!
“อ๊ะ!!” ข้าร้อง เมื่อจอมมารจับมือข้าไว้แน่น เขาอุ้มข้าขึ้นบ่าก่อนจะพาไปโยนลงบนเตียง สองแขนรวบตัวข้าไว้อย่างแน่นหนา
“ข้าตัดสินใจแล้ว” จอมมารเอ่ยเสียงสั่น “มาเป็นเมียข้านี่”