ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด และรู้สึกปวดร้าวไปทั่วตัวขณะตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง บนพื้นหญ้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน อืม...ตัวผมเองก็เปียกปอนเหมือนกัน ฝนคงจะตกตอนที่ผมกำลังนอนสลบเหมือดอยู่ตรงนี้...
มันที่ไหนกันแน่นิ ? และผมไปไหนมา เกิดอะไรขึ้นกับผม ?
ผมสะบัดศีรษะรัวๆ เพื่อขับไล่ความมึนงง แต่มันก็แทบไม่ช่วยอะไร ยังคงมึนงงอยู่ดี เพียงลดลงบ้างนิดหนึ่งเท่านั้น แล้วก็มองไปรอบๆ...
มืด...มืดไปหมด แทบไม่เห็นอะไรเลย...
ผมพยายามเพ่ง ปรับสายตาให้เข้ากับความมืด แล้วก็เห็นเงาไม้น้อยใหญ่ตะคุ่มๆรอบตัว ท่ามกลางความมืด ดูๆไปคล้ายกับเงาปีศาจหรืออสุรกายที่กำลังจ้องรุมขย้ำผมอยู่อย่างหิวกระหาย
ที่แท้ ผมกำลังอยู่กลางป่านี่เอง
"แก๊กกกกกกกก"
เสียงนกแสก...คงจะใช่ ดังก้อง ทำลายความเงียบ
ผมน่าจะหวาดสะดุ้ง ใจตกลงไปที่ตาตุ่ม หัวใจผมมันน่าจะกำลังเต้นระส่ำในสภาพแวดล้อมชวนสยองแบบนี้สิ...
แต่แปลกจริง! ทำไมผมถึงนิ่งเฉยอยู่ได้ ??? ปกติผมกลัวความมืด ปอดแหกจะตาย!
แล้วผมก็ได้ยินเสียงสัตว์อีก 2 ชนิด ดังมาจากที่ไกลเสียงหนึ่ง และอีกเสียงหนึ่งดังอยู่เหนือศีรษะ
"โบ๋วววว.........อู๊........อู.......อู้ว์...."
แล้วก็มีการตอบรับด้วยเสียงแบบเดียวกันตามมาสองสามเสียง
"อู้กกกกกกก..... อุ้กอู้ร์กกกก อุ้กอู้ร์กกกก...."
ผมแหงนหน้าขึ้นไปดู อ้อ ไอ้นกเวรนี่เอง ! เกาะบนกิ่งไม้สูงเหนือศีรษะผมราวสองเมตร ตากลมโตเชียว...
แปลกใจตัวเองจริงๆ ทำไมใจมันนิ่งเหลือเกิน ไม่สะทกสะท้านอะไรเลย!
บอกตรงๆ ไม่ใช่คุยโม้....ผมนอนหลับต่อตรงนี้ต่อไปเลยก็ยังได้ !!
ผมแหงนมองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีนั้น มองเห็นพระจันทร์โดดเด่น
ใช่! วันนี้ ขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง สุกสว่างกลางท้องฟ้า มีเมฆบดบังประปราย
ยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือ ดูจากพรายน้ำในความมืด เกือบเที่ยงคืนแล้ว...เหลืออีก 15 นาที
คงต้องกลับบ้านเสียที พรุ่งนี้ต้องทำงานอีกนี่นา วันศุกร์ บ้าจริง! ทำไม่เป็นวันนี้ไปเลยวะ ?
ผมออกเดินดุ่มๆ ไปตามทาง ฝ่าความมืดไปเรื่อยๆ
ไม่กลัวอะไรเลยสักอย่าง เดินไปอย่างมั่นคง ไม่สะทกสะท้าน!
แต่...อ่อนเพลีย และ เริ่มรู้สึกหิวกระหาย...
เดินไปก็นึกไป ว่าก่อนหน้านี้ ผมไปทำอะไรที่ไหนมา ?
แล้วก็นึกภาพ งานปาร์ตี้ใต้แสงสลัว ในสถานที่แห่งหนึ่ง....ของเพื่อนสาวคนหนึ่งของไอ้ป๋อง
ไอ้ป๋อง มันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ส่วนผมเป็นครูสอนพละ ตอนเย็นที่ผ่านมา มันพาผมไปงานปาร์ตี้ฉลองวันเกิดของเธอ...
ศศิธร
ศศิธร หรือแอ๋ม เป็นคนสวย มีเสน่ห์ โดดเด่นที่สุดในงานปาร์ตี้ ผู้ชายหลายคนพยายามจีบเธอ แต่เธอก็เจรจาปราศัยกับเพื่อนๆทุกคนเหมือนกันหมด ไม่มีพิเศษอะไรกับใคร...จนกระทั่งมาเจอผม
ผมไม่ใช่คนหล่อเหลาอะไรนัก แต่ความที่ผมเป็นครูสอนพละ ผมจึงฟิตร่างกายอยู่เป็นประจำ ทำให้สรีระร่างกายดูดี อาจเป็นเพราะหุ่นของผมก็ได้ที่ดึงดูดความสนใจของเธอ
ผมได้โอกาสพูดคุยกับเธอมากกว่าใคร และเราคุยกันถูกคอมาก สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว เธอรินเหล้าให้ผมดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า และผมก็ดื่มทุกแก้วด้วยความชื่นมื่นในอารมณ์ จนมึนเมา...
ไอ้ป๋องจะพาผมกลับบ้าน แต่แอ๋มอาสาขอพาไปส่งเอง และขอให้ผมอยู่ต่ออีกหน่อย ตอนนั้นเพื่อนๆพากันทยอยกลับบ้านกันแล้ว โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มๆทั้งหลาย พวกนั้นคงผิดหวังที่แอ๋มให้ความสนใจผมคนเดียวกระมัง ?
และเมื่อเธอบอกว่าจะพาผมกลับเอง กับทั้งขอให้ผมอยู่ต่อ ไอ้ป๋องก็เลยขอตัวกลับบ้านไปอีกคน แล้วเข้ามากระซิบกระซาบกับผม
"กูโคตะระอิจฉาเมิงเลยว่ะเพื่อน! ขอให้ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดนะเว้ย!" มันว่าพร้อมยักคิ้วแล้วเดินออกประตูไป
จากนั้นผมกับแอ๋ม จึงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เธอยังรินเหล้าให้ผมอยู่เรื่อยๆ...
รู้สึกว่า ผมดื่มแก้วสุดท้าย แล้วก็เผลอฟุบหลับไป...
และก่อนจะหมดสติ รู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนโดนยุงตัวโตกัดที่ต้นคอ...
ตื่นขึ้นมาอีกที ก็มานอนอยู่กลางป่า...
ศศิธร...ทำไมเธอพาผมมาปล่อยไว้กลางป่า ?
หรือว่า เกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น กับเธอ ?
ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเธอ จึงรีบเดิน เพื่อให้พ้นออกจากป่าให้เร็วที่สุด
แล้วผมก็ออกมาจากป่าทึบนั้นจนได้ ขึ้นมายืนอยู่บนถนน แล้วก็เดินต่อไป
รู้สึกหิวกระหายมากขึ้น...
ตอนนี้ผมจำเส้นทางได้แล้ว เดินต่อไปอีกสักครึ่งกิโล ก็ถึงบ้านแล้ว
ผมเดินต่อไป...แล้วก็เห็น...โน่นไง บ้านผม ที่หัวมุมถนน ใกล้เสาไฟฟ้า...
หน้าบ้าน มีชายสี่ห้าคนชุมนุมกันอยู่ ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ
ไม่โจร ก็หัวขโมยแน่ๆ ผมนึกในใจ แล้วรีบวิ่งเข้าไป!
ไม่กี่วินาที ผมก็มาอยู่ใกล้ๆพวกมัน ไวมาก อย่างเหลือเชื่อ!
"เฮ้ย !!"
ผมร้องตวาดเสียงลั่น ไอ้ทรชนพวกนั้นหันขวับมาหาผมทันที และหนึ่งในพวกมันก็เอ่ยขึ้นพร้อมชูมีดในมือมาที่ผม
"เมิงเจ้าของบ้านนี้ใช่ไหม ? ส่งกุญแจบ้านมา ไม่งั้นตายแน่! พวกเรา ล้อมมันไว้!"
ผู้ชายอีก 4 คนพากันล้อมกรอบผม กะว่าไม่ให้ผมหนีไปทางไหนได้ แล้วไอ้ตัวหัวโจกก็ก้าวเข้ามาหาผม
ด้วยความเร็วซึ่งผมว่ายิ่งกว่าสายฟ้าแลบเสียอีก ร่างกายผมเคลื่อนไหววูบเดียวก็เข้าถึงตัวมัน จับข้อมือซึ่งถือมีดอยู่หักเสียงดังสนั่น
"กร๊อบบ!!"
"อ๊ากกกกกก"
ข้อมือไอ้หัวหน้าทรชนหักพับลง มีดร่วงตกลงบนพื้นทันที
"เฮ้ย! จัดการมันเว้ย !!" เสียงอีกคนหนึ่งแหกปากขึ้นมา แล้วอีก 4 คนนั่นก็กลุ้มรุมเข้ามา หวังจะรุมสกรัมผม
ร่างกายผมเคลื่อนไหวเพียงชั่วพริบตาหลังจากผลักไอ้หัวโจกกระเด็นลอยไปไม่รู้กี่วา วูบ...ไปอยู่หลังคนหนึ่ง วาบ...ไปอยู่หลังคนที่สอง แวบ...ไปข้างตัวคนที่สาม วูบอีกที อยู่ข้างหลังคนที่สี่
ทุกคนถูกผมกระแทกฝ่ามือลอยละลิ่วปลิวไปคนละทิศละทาง !!
"ไอ้พวกแย่งหมาเกิด !!"
ผมคำราม...และอีกวูบหนึ่งก็เข้าประชิดตัวคนหนึ่งซึ่งนอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้นถนน แข้งขาหรือแขนมันคงหักแน่ๆ จากการโดนผมฟาดลอยขึ้นไปบนอากาศแล้วตกลงมา...ใช่แล้ว...แขนขวามันหักจริงๆ กระดูกที่ข้อศอกแทงทะลุออกมาด้วยเลือดสดๆ กำลังไหลนองพื้น มันร้องครวญครางไม่ยอมหยุด
เลือด !!
ฆานประสาทของผมสัมผัสสูดกลิ่น...อาา...ทำไม มันจึงหอมหวนเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน !
ผมเคยเป็นคนไม่ถูกกับเลือดนี่นา ? ที่ผ่านมา แค่เห็นเลือดที่หมอเจาะตรวจในหลอดเข็ม ผมก็แทบจะเป็นลมแล้ว เลือดสดๆจากอุบัติเหตุยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ทำไมตอนนี้ ผมไม่เป็นแบบนั้นแล้ว! กลับจะปรี่เข้าหามันเสียอีก !!
ผมเป็นบ้าอะไรไปแล้วนี่ ?
มองดูไอ้สัสนั่นร้องโอดโอยบนพื้น สมน้ำหน้าแท้! แต่พอเห็นเลือดซึ่งกำลังไหลไม่ยอมหยุดจากข้อศอกที่มีแผลเปิดเหวอะกระดูกแทงทะลุนั่นแล้ว ผมต้องเผลออ้าปากโดยไม่รู้ตัว !
น้ำลายสอ....ไหลอาบริมฝีปาก และคาง แล้ว...
รู้สึกหนึบๆ ที่ฟัน...บริเวณริมฝีปากทั้งสองข้าง...มีอะไรบางอย่าง ดันทะลุงอกออกมา ข้างบน แล้วก็ข้างล่าง!
เขี้ยว !!!
ผมรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมดแล้ว และรู้แล้วว่า สิ่งที่ผมรู้สึกหิวกระหาย คืออะไร ?
ผมจับแขนข้างนั้นของไอ้ Ra ยำนั่นกระชากขึ้นมาอย่างฉับพลันทันใด ได้ยินเสียงกระดูกหัก "กร๊อบ" อีกครั้งตามด้วยเสียงแหกปากร้องไม่เป็นภาษามนุษย์ แล้วผมก็ก้มลงไปที่ศอกนั่น ฝังเขี้ยวลงไป
"กร๊วบบ"
แล้วดูดกินเลือดจากข้อศอก ดูดกินอย่างหิวกระหายสุดจะทน...
จ๊วบบ..อึกก...อึกก...
ไอ้ทรชนนี่ก็ดิ้นพราด ร้องลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน ร้องไปเถอะเมิง! ไม่มีใครช่วยเมิงได้หรอก!
ผมดื่มกินเลือดมันจนหนำใจ แล้วก็สลัดร่างของมันกระเด็นไปข้างทางอย่างไม่สนใจไยดี
แล้วก็เดินย่างสามขุมเข้าไปหาคนที่สองซึ่งอยู่ห่างออกไปสักสามวาเห็นจะได้
มันหน้าตาซีดเผือด ตาเหลือกเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาใกล้ มันคงมองเห็นผมแสยะยิ้มโชว์เขี้ยวให้มันเห็นชัดๆ และมันก็ลุกไม่ขึ้นเหมือนกัน ขามันหัก!
ผมมาอยู่ข้างหน้ามันแล้ว มันพยายามไขว่คว้าอะไรบางอย่างด้วยความร้อนรน แล้วมันก็คว้าเจอ! กระชากออกมาจากคอ ชูให้ผมดู...
สร้อยห้อยไม้กางเขน !
ผมเห็นแล้ว ยิ้มเยาะ อย่างสะใจ!
"ไอ่สัสส กูไม่ใช่คริสต์ว่ะ! เสียใจ!! มันไม่มีผลอะไรกับกูหรอก!!"
มันอ้าปากค้าง อาจเพราะความตกตะลึงหรือความทึ่ง อะไรก็ช่างหัวมันเถอะผมไม่สน คว้าคอมันให้ลุกขึ้นยืน แล้วกัดกร้วม! ฝังเขี้ยวลงไปที่ก้านคอจนจมมิด ดูดกินเลือดเพิ่ม!
"อ๊ากกกกกก"
ไอ้นี่ เลือดคนละกรุ๊บกับไอ้คนแรกแฮะ! เพราะรสชาตมันต่างกัน แต่ก็อร่อยไปอีกแบบ!
หางตาผมมองเห็นเดนคนอีกสามตัวกำลังตะเกียกตะกายคืบคลานหนีไปอยู่ ผมจึงผละจากคนที่สอง โดดเข้าหาคนที่สามซึ่งกำลังประคองตัวยืนเอามือพิงต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ มันร้องเสียงหลง ก่อนที่ข้างลำคอของมันจะถูกฝังด้วยคมเขี้ยวของผม!
ไอ้พวกนี้ เลือดคนละกรุ๊บกันเลยหรือวะเนี่ย ? นี่ก็อีกรสหนึ่งแล้ว !!
ขณะกำลังดื่มกินเลือด ผมก็เหลือบแลอีกสองคน พวกมันคงเจ็บตัวน้อยกว่าสามคนที่ผ่านมา เพราะยืนขึ้นได้แล้วกำลังกะโผลกกะเผลกเดินปนวิ่งหนีไป...
แต่ทว่า...ร่างของมันทั้งสอง กลับถูกโยนกระเด๋็นกลับมาตกบนพื้นใกล้ๆผม!
แล้วผมก็ได้ยินเสียงหวานๆ ซึ่งคุ้นหูเหลือเกิน กล่าวมาจากจุดที่ไอ้สองตัวนั่นถูจับโยนมา
"แหม...ติดอกติดใจแล้วเอาใหญ่เชียวนะคะ สุวิทย์! เหลือไว้ให้แอ๋มกินบ้างนะคะ!"
ผมถอนเขี้ยวออกจากคอไอ้คนที่สามแล้วผลักมันลงไปนอนกองกับพื้น หันมามองเจ้าของเสียง ซึ่งเข้ามายืนอยู่ใกล้ผมแล้ว
แอ๋ม...ศศิธร !
"คุณแอ๋ม..." ผมร้องเรียกชื่อเธอ
"อร่อยมากไหมคะ สุวิทย์ ?" เธอเอ่ยถามผมยิ้มๆ น้ำเสียงราบเรียบ หวานและเยือกเย็น
"ผม..." ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ถามเธอต่อ
"ผมกลายเป็นอย่างนี้ เพราะคุณ ใช่ไหม ?"
"ค่ะ!" เธอพยักหน้า
"แอ๋มอยู่อย่างโดดเดี่ยวเงียบเหงามานาน ต่อไปนี้แอ๋มจะไม่เหงาอีกต่อไปแล้ว! เพราะมีคุณ!"
ผมพยักหน้ารับ...และยิ้มให้เธอเช่นกัน
แปลก! ผมน่าจะโกรธแค้นที่เธอทำให้ผมเป็นเช่นนี้...แต่ผมกลับไม่โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย
คงเป็นเพราะผม หลงรักเธอเข้าจริงๆ
"คุณคงอิ่มหมีพีมันเต็มคราบแล้ว สองคนที่เหลือ แอ๋มขอ นะคะ"
ผมพยักหน้ายิ้มๆ จะให้ผมว่ายังไงดีล่ะ ? ผมไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
ศศิธร จัดการกับ "อาหาร" ของเธอจนเสร็จ ผมว่าในร่างกายของไอ้สองคนสุดท้ายนั่น คงแทบไม่เหลือเลือดสดๆแล้วกระมัง เพราะผมเห็นเธอดูดกินอย่างหิวโหยไม่แพ้ผมทีเดียว
จากนั้น เธอก็เข้ามาผม โอบกอดผมไว้ โน้มคอผมลงมา
ผมจูบเธออย่างดูดดื่ม เนิ่นนาน ใต้แสงจันทร์นั้น
แล้วผมก็ถามเธอ...โดยหันไปมองเหล่าเศษสวะสังคมทั้ง 5 ซึ่งนอนกระจัดกระจายบนพื้น
"เราจะจัดการอย่างไรกับไอ้พวกเดนคนเหล่านี้ดี ?"
"แล้วแต่คุณเลยค่ะ สุวิทย์"
"อืม..." ผมหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วถามปัญหาหนึ่งกับเธอ
"ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด พวกมันจะฟื้นขึ้นมาอีกที และจะเป็นแบบเราสองคน"
"ใช่ค่ะ สุวิทย์...เพราะคุณ และแอ๋ม ได้ 'เปลี่ยน' พวกมันแล้ว"
"เหมือนกับที่คุณเปลี่ยนผม"
"ใช่ค่ะ"
"ถ้างั้น หากพวกมันฟื้น ต้องชั่วร้ายกว่าเดิมแน่! เอาไว้ไม่ได้!"
"เห็นด้วยค่ะ! ตอนพวกมันเป็นมนุษย์ ก็เป็นคนเลวทราม เมื่อเป็นแวมไพร์ ไม่มีทางเป็นแวมไพร์ที่ดีได้"
"แวมไพร์ที่ดี เป็นไงจ๊ะ ?" ผมถามพลางลูบผมเธออย่างเปี่ยมความเสน่หา
"ก็...ไม่ทำร้ายคนดี ไม่ฆ่าคนดี จัดการแต่คนไม่ดี คนร้าย ซึ่งมีเยอะแยะค่ะ ในสังคมปัจจุบันนี้"
"เราจะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ ใช่ไหมจ๊ะ ?"
"ค่ะ สุวิทย์"
"แต่เราจะให้ไอ้พวกนี้เป็นอมตะไปด้วยไม่ได้ รวมทั้งคนชั่วทุกคนที่เราจะร่วมกันกำจัดต่อๆไปด้วย! มาเถิด ที่รัก! ช่วยผมเตรียมการกำจัดพวกมัน!"
"ทำไงคะ ?"
"ผมมีวิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุด! รับรองครับ!"
(มีต่ออีกนิดครับ)
⭐️🌙 🌕 ราตรีใต้แสงจันทร์ (ตอนเดียวจบ) 🌕 🌙⭐️
ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด และรู้สึกปวดร้าวไปทั่วตัวขณะตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่ง บนพื้นหญ้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน อืม...ตัวผมเองก็เปียกปอนเหมือนกัน ฝนคงจะตกตอนที่ผมกำลังนอนสลบเหมือดอยู่ตรงนี้...
มันที่ไหนกันแน่นิ ? และผมไปไหนมา เกิดอะไรขึ้นกับผม ?
ผมสะบัดศีรษะรัวๆ เพื่อขับไล่ความมึนงง แต่มันก็แทบไม่ช่วยอะไร ยังคงมึนงงอยู่ดี เพียงลดลงบ้างนิดหนึ่งเท่านั้น แล้วก็มองไปรอบๆ...
มืด...มืดไปหมด แทบไม่เห็นอะไรเลย...
ผมพยายามเพ่ง ปรับสายตาให้เข้ากับความมืด แล้วก็เห็นเงาไม้น้อยใหญ่ตะคุ่มๆรอบตัว ท่ามกลางความมืด ดูๆไปคล้ายกับเงาปีศาจหรืออสุรกายที่กำลังจ้องรุมขย้ำผมอยู่อย่างหิวกระหาย
ที่แท้ ผมกำลังอยู่กลางป่านี่เอง
"แก๊กกกกกกกก"
เสียงนกแสก...คงจะใช่ ดังก้อง ทำลายความเงียบ
ผมน่าจะหวาดสะดุ้ง ใจตกลงไปที่ตาตุ่ม หัวใจผมมันน่าจะกำลังเต้นระส่ำในสภาพแวดล้อมชวนสยองแบบนี้สิ...
แต่แปลกจริง! ทำไมผมถึงนิ่งเฉยอยู่ได้ ??? ปกติผมกลัวความมืด ปอดแหกจะตาย!
แล้วผมก็ได้ยินเสียงสัตว์อีก 2 ชนิด ดังมาจากที่ไกลเสียงหนึ่ง และอีกเสียงหนึ่งดังอยู่เหนือศีรษะ
"โบ๋วววว.........อู๊........อู.......อู้ว์...."
แล้วก็มีการตอบรับด้วยเสียงแบบเดียวกันตามมาสองสามเสียง
"อู้กกกกกกก..... อุ้กอู้ร์กกกก อุ้กอู้ร์กกกก...."
ผมแหงนหน้าขึ้นไปดู อ้อ ไอ้นกเวรนี่เอง ! เกาะบนกิ่งไม้สูงเหนือศีรษะผมราวสองเมตร ตากลมโตเชียว...
แปลกใจตัวเองจริงๆ ทำไมใจมันนิ่งเหลือเกิน ไม่สะทกสะท้านอะไรเลย!
บอกตรงๆ ไม่ใช่คุยโม้....ผมนอนหลับต่อตรงนี้ต่อไปเลยก็ยังได้ !!
ผมแหงนมองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีนั้น มองเห็นพระจันทร์โดดเด่น
ใช่! วันนี้ ขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง สุกสว่างกลางท้องฟ้า มีเมฆบดบังประปราย
ยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือ ดูจากพรายน้ำในความมืด เกือบเที่ยงคืนแล้ว...เหลืออีก 15 นาที
คงต้องกลับบ้านเสียที พรุ่งนี้ต้องทำงานอีกนี่นา วันศุกร์ บ้าจริง! ทำไม่เป็นวันนี้ไปเลยวะ ?
ผมออกเดินดุ่มๆ ไปตามทาง ฝ่าความมืดไปเรื่อยๆ
ไม่กลัวอะไรเลยสักอย่าง เดินไปอย่างมั่นคง ไม่สะทกสะท้าน!
แต่...อ่อนเพลีย และ เริ่มรู้สึกหิวกระหาย...
เดินไปก็นึกไป ว่าก่อนหน้านี้ ผมไปทำอะไรที่ไหนมา ?
แล้วก็นึกภาพ งานปาร์ตี้ใต้แสงสลัว ในสถานที่แห่งหนึ่ง....ของเพื่อนสาวคนหนึ่งของไอ้ป๋อง
ไอ้ป๋อง มันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ส่วนผมเป็นครูสอนพละ ตอนเย็นที่ผ่านมา มันพาผมไปงานปาร์ตี้ฉลองวันเกิดของเธอ...ศศิธร
ศศิธร หรือแอ๋ม เป็นคนสวย มีเสน่ห์ โดดเด่นที่สุดในงานปาร์ตี้ ผู้ชายหลายคนพยายามจีบเธอ แต่เธอก็เจรจาปราศัยกับเพื่อนๆทุกคนเหมือนกันหมด ไม่มีพิเศษอะไรกับใคร...จนกระทั่งมาเจอผม
ผมไม่ใช่คนหล่อเหลาอะไรนัก แต่ความที่ผมเป็นครูสอนพละ ผมจึงฟิตร่างกายอยู่เป็นประจำ ทำให้สรีระร่างกายดูดี อาจเป็นเพราะหุ่นของผมก็ได้ที่ดึงดูดความสนใจของเธอ
ผมได้โอกาสพูดคุยกับเธอมากกว่าใคร และเราคุยกันถูกคอมาก สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว เธอรินเหล้าให้ผมดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า และผมก็ดื่มทุกแก้วด้วยความชื่นมื่นในอารมณ์ จนมึนเมา...
ไอ้ป๋องจะพาผมกลับบ้าน แต่แอ๋มอาสาขอพาไปส่งเอง และขอให้ผมอยู่ต่ออีกหน่อย ตอนนั้นเพื่อนๆพากันทยอยกลับบ้านกันแล้ว โดยเฉพาะบรรดาหนุ่มๆทั้งหลาย พวกนั้นคงผิดหวังที่แอ๋มให้ความสนใจผมคนเดียวกระมัง ?
และเมื่อเธอบอกว่าจะพาผมกลับเอง กับทั้งขอให้ผมอยู่ต่อ ไอ้ป๋องก็เลยขอตัวกลับบ้านไปอีกคน แล้วเข้ามากระซิบกระซาบกับผม
"กูโคตะระอิจฉาเมิงเลยว่ะเพื่อน! ขอให้ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดนะเว้ย!" มันว่าพร้อมยักคิ้วแล้วเดินออกประตูไป
จากนั้นผมกับแอ๋ม จึงอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เธอยังรินเหล้าให้ผมอยู่เรื่อยๆ...
รู้สึกว่า ผมดื่มแก้วสุดท้าย แล้วก็เผลอฟุบหลับไป...
และก่อนจะหมดสติ รู้สึกเจ็บจี๊ดเหมือนโดนยุงตัวโตกัดที่ต้นคอ...
ตื่นขึ้นมาอีกที ก็มานอนอยู่กลางป่า...
ศศิธร...ทำไมเธอพาผมมาปล่อยไว้กลางป่า ?
หรือว่า เกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น กับเธอ ?
ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเธอ จึงรีบเดิน เพื่อให้พ้นออกจากป่าให้เร็วที่สุด
แล้วผมก็ออกมาจากป่าทึบนั้นจนได้ ขึ้นมายืนอยู่บนถนน แล้วก็เดินต่อไป
รู้สึกหิวกระหายมากขึ้น...
ตอนนี้ผมจำเส้นทางได้แล้ว เดินต่อไปอีกสักครึ่งกิโล ก็ถึงบ้านแล้ว
ผมเดินต่อไป...แล้วก็เห็น...โน่นไง บ้านผม ที่หัวมุมถนน ใกล้เสาไฟฟ้า...
หน้าบ้าน มีชายสี่ห้าคนชุมนุมกันอยู่ ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ
ไม่โจร ก็หัวขโมยแน่ๆ ผมนึกในใจ แล้วรีบวิ่งเข้าไป!
ไม่กี่วินาที ผมก็มาอยู่ใกล้ๆพวกมัน ไวมาก อย่างเหลือเชื่อ!
"เฮ้ย !!"
ผมร้องตวาดเสียงลั่น ไอ้ทรชนพวกนั้นหันขวับมาหาผมทันที และหนึ่งในพวกมันก็เอ่ยขึ้นพร้อมชูมีดในมือมาที่ผม
"เมิงเจ้าของบ้านนี้ใช่ไหม ? ส่งกุญแจบ้านมา ไม่งั้นตายแน่! พวกเรา ล้อมมันไว้!"
ผู้ชายอีก 4 คนพากันล้อมกรอบผม กะว่าไม่ให้ผมหนีไปทางไหนได้ แล้วไอ้ตัวหัวโจกก็ก้าวเข้ามาหาผม
ด้วยความเร็วซึ่งผมว่ายิ่งกว่าสายฟ้าแลบเสียอีก ร่างกายผมเคลื่อนไหววูบเดียวก็เข้าถึงตัวมัน จับข้อมือซึ่งถือมีดอยู่หักเสียงดังสนั่น
"กร๊อบบ!!"
"อ๊ากกกกกก"
ข้อมือไอ้หัวหน้าทรชนหักพับลง มีดร่วงตกลงบนพื้นทันที
"เฮ้ย! จัดการมันเว้ย !!" เสียงอีกคนหนึ่งแหกปากขึ้นมา แล้วอีก 4 คนนั่นก็กลุ้มรุมเข้ามา หวังจะรุมสกรัมผม
ร่างกายผมเคลื่อนไหวเพียงชั่วพริบตาหลังจากผลักไอ้หัวโจกกระเด็นลอยไปไม่รู้กี่วา วูบ...ไปอยู่หลังคนหนึ่ง วาบ...ไปอยู่หลังคนที่สอง แวบ...ไปข้างตัวคนที่สาม วูบอีกที อยู่ข้างหลังคนที่สี่
ทุกคนถูกผมกระแทกฝ่ามือลอยละลิ่วปลิวไปคนละทิศละทาง !!
"ไอ้พวกแย่งหมาเกิด !!"
ผมคำราม...และอีกวูบหนึ่งก็เข้าประชิดตัวคนหนึ่งซึ่งนอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้นถนน แข้งขาหรือแขนมันคงหักแน่ๆ จากการโดนผมฟาดลอยขึ้นไปบนอากาศแล้วตกลงมา...ใช่แล้ว...แขนขวามันหักจริงๆ กระดูกที่ข้อศอกแทงทะลุออกมาด้วยเลือดสดๆ กำลังไหลนองพื้น มันร้องครวญครางไม่ยอมหยุด
เลือด !!
ฆานประสาทของผมสัมผัสสูดกลิ่น...อาา...ทำไม มันจึงหอมหวนเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน !
ผมเคยเป็นคนไม่ถูกกับเลือดนี่นา ? ที่ผ่านมา แค่เห็นเลือดที่หมอเจาะตรวจในหลอดเข็ม ผมก็แทบจะเป็นลมแล้ว เลือดสดๆจากอุบัติเหตุยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ทำไมตอนนี้ ผมไม่เป็นแบบนั้นแล้ว! กลับจะปรี่เข้าหามันเสียอีก !!
ผมเป็นบ้าอะไรไปแล้วนี่ ?
มองดูไอ้สัสนั่นร้องโอดโอยบนพื้น สมน้ำหน้าแท้! แต่พอเห็นเลือดซึ่งกำลังไหลไม่ยอมหยุดจากข้อศอกที่มีแผลเปิดเหวอะกระดูกแทงทะลุนั่นแล้ว ผมต้องเผลออ้าปากโดยไม่รู้ตัว !
น้ำลายสอ....ไหลอาบริมฝีปาก และคาง แล้ว...
รู้สึกหนึบๆ ที่ฟัน...บริเวณริมฝีปากทั้งสองข้าง...มีอะไรบางอย่าง ดันทะลุงอกออกมา ข้างบน แล้วก็ข้างล่าง!
เขี้ยว !!!
ผมรู้สึกหูอื้อตาลายไปหมดแล้ว และรู้แล้วว่า สิ่งที่ผมรู้สึกหิวกระหาย คืออะไร ?
ผมจับแขนข้างนั้นของไอ้ Ra ยำนั่นกระชากขึ้นมาอย่างฉับพลันทันใด ได้ยินเสียงกระดูกหัก "กร๊อบ" อีกครั้งตามด้วยเสียงแหกปากร้องไม่เป็นภาษามนุษย์ แล้วผมก็ก้มลงไปที่ศอกนั่น ฝังเขี้ยวลงไป
"กร๊วบบ"
แล้วดูดกินเลือดจากข้อศอก ดูดกินอย่างหิวกระหายสุดจะทน...
จ๊วบบ..อึกก...อึกก...
ไอ้ทรชนนี่ก็ดิ้นพราด ร้องลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน ร้องไปเถอะเมิง! ไม่มีใครช่วยเมิงได้หรอก!
ผมดื่มกินเลือดมันจนหนำใจ แล้วก็สลัดร่างของมันกระเด็นไปข้างทางอย่างไม่สนใจไยดี
แล้วก็เดินย่างสามขุมเข้าไปหาคนที่สองซึ่งอยู่ห่างออกไปสักสามวาเห็นจะได้
มันหน้าตาซีดเผือด ตาเหลือกเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาใกล้ มันคงมองเห็นผมแสยะยิ้มโชว์เขี้ยวให้มันเห็นชัดๆ และมันก็ลุกไม่ขึ้นเหมือนกัน ขามันหัก!
ผมมาอยู่ข้างหน้ามันแล้ว มันพยายามไขว่คว้าอะไรบางอย่างด้วยความร้อนรน แล้วมันก็คว้าเจอ! กระชากออกมาจากคอ ชูให้ผมดู...
สร้อยห้อยไม้กางเขน !
ผมเห็นแล้ว ยิ้มเยาะ อย่างสะใจ!
"ไอ่สัสส กูไม่ใช่คริสต์ว่ะ! เสียใจ!! มันไม่มีผลอะไรกับกูหรอก!!"
มันอ้าปากค้าง อาจเพราะความตกตะลึงหรือความทึ่ง อะไรก็ช่างหัวมันเถอะผมไม่สน คว้าคอมันให้ลุกขึ้นยืน แล้วกัดกร้วม! ฝังเขี้ยวลงไปที่ก้านคอจนจมมิด ดูดกินเลือดเพิ่ม!
"อ๊ากกกกกก"
ไอ้นี่ เลือดคนละกรุ๊บกับไอ้คนแรกแฮะ! เพราะรสชาตมันต่างกัน แต่ก็อร่อยไปอีกแบบ!
หางตาผมมองเห็นเดนคนอีกสามตัวกำลังตะเกียกตะกายคืบคลานหนีไปอยู่ ผมจึงผละจากคนที่สอง โดดเข้าหาคนที่สามซึ่งกำลังประคองตัวยืนเอามือพิงต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ มันร้องเสียงหลง ก่อนที่ข้างลำคอของมันจะถูกฝังด้วยคมเขี้ยวของผม!
ไอ้พวกนี้ เลือดคนละกรุ๊บกันเลยหรือวะเนี่ย ? นี่ก็อีกรสหนึ่งแล้ว !!
ขณะกำลังดื่มกินเลือด ผมก็เหลือบแลอีกสองคน พวกมันคงเจ็บตัวน้อยกว่าสามคนที่ผ่านมา เพราะยืนขึ้นได้แล้วกำลังกะโผลกกะเผลกเดินปนวิ่งหนีไป...
แต่ทว่า...ร่างของมันทั้งสอง กลับถูกโยนกระเด๋็นกลับมาตกบนพื้นใกล้ๆผม!
แล้วผมก็ได้ยินเสียงหวานๆ ซึ่งคุ้นหูเหลือเกิน กล่าวมาจากจุดที่ไอ้สองตัวนั่นถูจับโยนมา
"แหม...ติดอกติดใจแล้วเอาใหญ่เชียวนะคะ สุวิทย์! เหลือไว้ให้แอ๋มกินบ้างนะคะ!"
ผมถอนเขี้ยวออกจากคอไอ้คนที่สามแล้วผลักมันลงไปนอนกองกับพื้น หันมามองเจ้าของเสียง ซึ่งเข้ามายืนอยู่ใกล้ผมแล้ว
แอ๋ม...ศศิธร !
"คุณแอ๋ม..." ผมร้องเรียกชื่อเธอ
"อร่อยมากไหมคะ สุวิทย์ ?" เธอเอ่ยถามผมยิ้มๆ น้ำเสียงราบเรียบ หวานและเยือกเย็น
"ผม..." ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ถามเธอต่อ "ผมกลายเป็นอย่างนี้ เพราะคุณ ใช่ไหม ?"
"ค่ะ!" เธอพยักหน้า "แอ๋มอยู่อย่างโดดเดี่ยวเงียบเหงามานาน ต่อไปนี้แอ๋มจะไม่เหงาอีกต่อไปแล้ว! เพราะมีคุณ!"
ผมพยักหน้ารับ...และยิ้มให้เธอเช่นกัน
แปลก! ผมน่าจะโกรธแค้นที่เธอทำให้ผมเป็นเช่นนี้...แต่ผมกลับไม่โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย
คงเป็นเพราะผม หลงรักเธอเข้าจริงๆ
"คุณคงอิ่มหมีพีมันเต็มคราบแล้ว สองคนที่เหลือ แอ๋มขอ นะคะ"
ผมพยักหน้ายิ้มๆ จะให้ผมว่ายังไงดีล่ะ ? ผมไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
ศศิธร จัดการกับ "อาหาร" ของเธอจนเสร็จ ผมว่าในร่างกายของไอ้สองคนสุดท้ายนั่น คงแทบไม่เหลือเลือดสดๆแล้วกระมัง เพราะผมเห็นเธอดูดกินอย่างหิวโหยไม่แพ้ผมทีเดียว
จากนั้น เธอก็เข้ามาผม โอบกอดผมไว้ โน้มคอผมลงมา
ผมจูบเธออย่างดูดดื่ม เนิ่นนาน ใต้แสงจันทร์นั้น
แล้วผมก็ถามเธอ...โดยหันไปมองเหล่าเศษสวะสังคมทั้ง 5 ซึ่งนอนกระจัดกระจายบนพื้น
"เราจะจัดการอย่างไรกับไอ้พวกเดนคนเหล่านี้ดี ?"
"แล้วแต่คุณเลยค่ะ สุวิทย์"
"อืม..." ผมหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วถามปัญหาหนึ่งกับเธอ
"ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด พวกมันจะฟื้นขึ้นมาอีกที และจะเป็นแบบเราสองคน"
"ใช่ค่ะ สุวิทย์...เพราะคุณ และแอ๋ม ได้ 'เปลี่ยน' พวกมันแล้ว"
"เหมือนกับที่คุณเปลี่ยนผม"
"ใช่ค่ะ"
"ถ้างั้น หากพวกมันฟื้น ต้องชั่วร้ายกว่าเดิมแน่! เอาไว้ไม่ได้!"
"เห็นด้วยค่ะ! ตอนพวกมันเป็นมนุษย์ ก็เป็นคนเลวทราม เมื่อเป็นแวมไพร์ ไม่มีทางเป็นแวมไพร์ที่ดีได้"
"แวมไพร์ที่ดี เป็นไงจ๊ะ ?" ผมถามพลางลูบผมเธออย่างเปี่ยมความเสน่หา
"ก็...ไม่ทำร้ายคนดี ไม่ฆ่าคนดี จัดการแต่คนไม่ดี คนร้าย ซึ่งมีเยอะแยะค่ะ ในสังคมปัจจุบันนี้"
"เราจะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ ใช่ไหมจ๊ะ ?"
"ค่ะ สุวิทย์"
"แต่เราจะให้ไอ้พวกนี้เป็นอมตะไปด้วยไม่ได้ รวมทั้งคนชั่วทุกคนที่เราจะร่วมกันกำจัดต่อๆไปด้วย! มาเถิด ที่รัก! ช่วยผมเตรียมการกำจัดพวกมัน!"
"ทำไงคะ ?"
"ผมมีวิธีที่ยอดเยี่ยมที่สุด! รับรองครับ!"
(มีต่ออีกนิดครับ)