ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะยอร์กยาการ์ตาและบาหลี ตอนที่ 2


             กลับมารีวิวอีกครั้งกับทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะยอร์กยาการ์ตาและบาหลี  ตอนที่  2   หลังจากห่างหายไปนานเนื่องจากงานที่พันรัดตัวบวกกับเดินสายเที่ยวดะทั้งในประเทศและต่างประเทศในทริปใหม่ ๆ  อยู่เสมอ    ว่าง ๆ จะลงกระทู้ทริปใหม่ ๆ ที่เพิ่งไปมาเล่าให้ฟังนะครับพอดีช่วงนี้ว่าง ๆ เห็นว่ากระทู้รีวิวเที่ยวอินโดนีเซียเริ่มไม่ค่อยมีก็เลยรีวิวให้ต่อนะครับ  เผื่อมีท่านใดสนใจอยากตามรอยเที่ยวดะแบบผมบ้าง   กระทู้นี้อาจไม่ถูกใจใครบ้างก็ได้เพราะสไตล์การเที่ยวของผมจะเน้นอยู่ที่เมืองนั้น ๆ นานหน่อยแล้วเจาะลึกชมสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองนั้นจนเกือบทั่วนะครับ  โดยในตอนนี้จะเน้นชมโบราณสถานกลุ่มจันทิที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองยอร์กยากาตาร์ไปถึงเมืองเมคลัง
             ถ้าใครเป็นคอชอบของเก่า  ชอบดูโบราณสถานก็แสดงว่าคุณมาชมถูกกระทู้แล้วนะครับ   แต่ถ้าไม่ใช่คอประวัติศาสตร์แล้วคุณก็สามารถเข้ามาศึกษาข้อมูลวิธีการเดินทางและร่วมเที่ยวขี่รถชมจันทิไปกับผมได้นะครับ   เผื่อโอกาสดีได้ไปเที่ยวที่ยอร์กยาการ์ตาและบาหลีเหมือนผมจะได้บรรจุสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นไว้ในลิสต์การเดินทางของคุณได้    

             ถ้าพร้อมออกเดินทางแล้ว  มาทำความรู้กับทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะยอร์กยาการ์ตาและบาหลี  13  วันของผมก่อนนะครับ
                     วันแรก    :   เดินทางจากกรุงเทพฯ - กัวลาลัมเปอร์ - ยอร์กยากาตาร์  และเที่ยวถนนมาลิโอโบโร่ยามค่ำคืน
                     วันที่  2   :   เที่ยวโซนตะวันออกของย็อกยา  (กลุ่มจันทิปรัมบานัน)
                     วันที่  3   :   เที่ยวโซนตอนเหนือของย็อกยา  (กลุ่มจันทิบุโรพุทโธ)
                     วันที่  4   :   เที่ยวโซนตะวันออกเฉียงใต้ของย็อกยา  (กลุ่มจันทิอิโจ + น้ำตก)
                     วันที่  5   :   เที่ยวโซนตอนใต้ของย็อกยา  (ชายหาด + น้ำตก)
                     วันที่  6   :   เที่ยวโซนเดียงพลาโต  (กลุ่มจันทิอรชุน)
                     วันที่  7   :   เที่ยวในเมืองย็อกยา  (วังสุลต่าน)  และเดินทางไปเกาะบาหลี เดินเที่ยวถนนเลเกียนยามค่ำคืน
                     วันที่  8   :   เที่ยวโซนตอนเหนือของบาหลี  (กลุ่มปุระในเมืองสิงคราช)
                     วันที่  9   :   เล่นน้ำชายหาดกูตา  และเดินเที่ยวย่านอูบุด    
                     วันที่ 10  :   เที่ยวโซนตะวันออกของบาหลี  (เมืองสีมาระปุระ และอัมละปุระ)
                     วันที่ 11  :   เที่ยวโซนตอนกลางของบาหลี  (กลุ่มปุระเบซากีห์)
                     วันที่ 12  :   เที่ยวโซนตอนใต้ของบาหลี   (เมืองเดนปาซาร์ + ปุระทานาลอค)
                     วันที่ 13  :   เดินทางกลับกรุงเทพฯ  

วันที่  3   :   เที่ยวโซนตอนเหนือของย็อกยา  (กลุ่มจันทิบุโรพุทโธ)

                     วันนี้ออกเดินทางขี่รถมอเตอร์ไซค์แต่เช้า  8  โมงกว่า  เพราะต้องขี่รถไปไกลเที่ยวชมกลุ่มจันทิบุโรพุทโธที่ตั้งอยู่ตอนเหนือของเมืองยอร์กยาการ์ตา   จันทิแรกที่แวะไปชมเพราะอยู่ระหว่างทางก่อนถึงบุโรพุทโธก็คือ  จันทิงาเวน  (Candi  Ngawen)


ระยะทางที่ขี่รถจากโรงแรมไปจันทิงาเวนก็ไม่ไกลมากประมาณ  30  ก.ม.  ถนนดีเพราะเป็นถนนหลัก  2  เลนส์ที่วิ่งไปเมืองเมคลังและบุโรพุทโธ   ขี่รถสัก  1  ช.ม.  ก็ถึงแล้ว


                 จันทิงาเวนเป็นจันทิที่สร้างขึ้นเนื่องในศาสนาพุทธนิกายมหายานเหมือนเช่นบุโรพุทโธ  โดยสร้างขึ้นตามรูปแบบของจันทิในศิลปะชวาภาคกลาง   ภายในจันทิยังคงเห็นรูปปั้นพระพุทธรูปบางองค์หลงเหลืออยู่ที่เดิมที่ไม่มีพระเศียรแล้ว      


                 เดินชมรอบจันทินี้ก็เห็นว่าเพิ่งจะบูรณะเสร็จได้ไม่นาน   จันทิมีขนาดไม่ใหญ่มากเล็กกว่าจันทิเมนดุตที่จะไปชมเล็กน้อย  แต่ก็พอมีอะไรให้ดูชมได้บ้างไม่ถึงกับไม่เหลือเป็นโครงสร้างอาคารเสียเลย     โดยจันทิแห่งนี้สร้างเป็น  3  หลังอยู่ใกล้กัน  โดยจันทิประธานมีขนาดใหญ่และยังสมบูรณ์กว่าจันทิบริวาร


จันทิข้าง ๆ ของจันทิประธานที่เหลือร่องรอยเพียงแค่ซากฐานแล้ว


บริเวณฐานอาคารของจันทิประธานก็ยังปรากฏภาพสลักที่เป็นเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ในศาสนาพุทธนิกายมหายานหลงเหลืออยู่บ้าง


ภาพสลักบางส่วนก็ถูกถอดแยกออกจากจันทิ  ไปจัดแสดงไว้บริเวณสนามหญ้าใกล้ทางเข้าชมจันทิแทน


ที่มุมฐานของจันทิมีรูปสลักสิงห์ยืนชูขาหน้าอยู่ที่มุมทั้ง  4  ทิศของจันทิประธาน  แต่ช่างก็ลงรายละเอียดอย่างชัดเจนทำให้เราทราบว่าสิงห์เหล่านี้เป็นตัวผู้ทุกตัวเลยนะครับ
  

                            เสร็จจากการเที่ยวชมจันทิงาเวนแล้ว    ผมก็ขี่รถไปเที่ยวชม   จันทิเมนดุต  (Candi  Mendut)  เป็นแห่งต่อไป   ตอนไปที่รถมอเตอร์ไซค์ก็เห็นพลาสติกคลุมรถกันแดดอยู่   สงสัยชาวบ้านแถวนี้เห็นผมเป็นนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมจันทิงาเวน  เขาเลยมีน้ำใจเอาผ้าคลุมรถให้กันเบาะรถร้อนเวลาขี่ต่อนะครับ    ผมเลยพูดกล่าวขอบคุณเป็นภาษาบาฮาซากับเขาไปเพราะมีน้ำใจกับนักท่องเที่ยวดีจริง ๆ   ถนนระหว่างทางที่ขี่รถจากจันทิงาเวนไปจันทิเมนดุตก็ไม่ไกลมาก  แค่ประมาณ  7  ก.ม.  เท่านั้น  แถมเป็นถนนในหมู่บ้านที่ราดยางตลอด  จึงขี่รถได้สบายเลยครับเพราะรถราไม่เยอะแถมร่มรื่นด้วยต้นไม้ต่าง ๆ  อีกด้วย  วิวสองข้างทางก็เป็นทุ่งนาของชาวบ้าน  สวนผัก  ต้นมะพร้าว และลำธารต่าง ๆ   บรรยากาศน่าขี่รถเที่ยวชมอย่างช้า ๆ เลยครับ

   

จันทิเมนดุตเป็นจันทิที่สร้างขึ้นในศาสนาพุทธนิกายมหายาน   เป็นจันทิที่เหลือเพียงหลังเดียวแต่มีขนาดใหญ่กว่าจันทิงาเวน   เป็นศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง   สร้างในยุคเดียวกับบุโรพุทโธและจันทิปะวนที่อยู่ใกล้ ๆ กันนะครับ

มุมมองจันทิเมนดุตคู่กับป้ายจันทิ   ถ่ายบริเวณลานจอดรถหน้าจันทิเมนดุต  ใกล้ ๆ จันทิมีต้นไทรขนาดใหญ่ปล่อยกิ่งย้อยลงมา


ด้านหน้าทางเข้าจันทิมีร้านขายของที่ระลึกอยู่หลายร้าน  
  

อาคารหลังคาสีแดงที่เป็นบ้านเล็กเหมือนป้อมนั่นแหละครับคือ  ที่จำหน่ายตั๋วเข้าชมจันทิเมนดุต   เมื่อเสียเงินค่าเข้าชมแล้วเราก็สามารถเดินเข้าไปชมจันทิเมนดุตได้  


บริเวณด้านข้างจันทิประธาน  จะมีกองหินอยู่ซึ่งเป็นร่องรอยหลักฐานของอาคารต่าง ๆ ที่พังลงของจันทิบริวารภายในจันทิเมนดุต


ผมเดินชมรอบ ๆ จันทิประธานเพื่อชมภาพสลักอันงดงามที่ผนังของจันทิ   ถึงแม้ที่นี่จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าที่ปรัมบานันหรือบุโรพุทโธ  แต่กลับมีภาพสลักทื่งดงามหลายจุดให้ได้ชมกัน   


เช่น  ภาพสลักภาพนี้ที่มีขนาดใหญ่อยู่บริเวณผนังด้านหลังของจันทิประธาน  สันนิษฐานว่าสลักภาพเป็นพระโพธิสัตว์


ที่ผนังเก็จมุมของจันทิประธานก็มีภาพสลักรูปอัษฎมหาโพธิสัตว์


และผนังด้านอื่น ๆ รอบจันทิประธานก็สลักเป็นรูปพระโพธิสัตว์ต่าง ๆ ในทุกด้าน


ที่ฐานของจันทิประธานและผนังด้านนอกของบันไดทางขึ้นจันทิประธานก็มีภาพสลักเล่าเรื่องนิทานต่าง ๆ  ของปัญจตันตระ


เรียกว่าถ้าเรามีความรู้เรื่องราวของนิทานเหล่านี้  เราก็จะดูภาพสลักเล่าเรื่องเหล่านี้ได้อย่างสนุกสนาน  เพลินไปกับงานศิลปกรรมเหล่านี้เลยครับ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่