สวัสดีทุกท่านครับ พอดีได้มีโอกาสเดินทางกับสายการบินไทย สายการบินแห่งชาติ เที่ยวบินที่ TG 926 จากกรุงเทพฯ ไปแฟรงก์เฟิร์ต ผ่านการแวะจอดส่งผู้โดยสารภายในประเทศและแวะรับผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มเติมที่ภูเก็ตครับ โดยเที่ยวบินนี้ใช้เครื่องบินแบบ Airbus A350-900 XWB ให้บริการ 3 เที่ยว/สัปดาห์ ทุก ๆ วันอาทิตย์ พุธ และศุกร์ครับ สำหรับประสบการณ์การเดินทางครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ขอเชิญรับชมได้เลยครับ
Flight: TG926
Route: BKK-HKT
Departure Time: 9.30 AM
Arrival Time: 10.55 AM
Route: HKT-FRA
Departure Time: 12.50 PM
Arrival Time: 7.05 PM
Duration: 15 hr 35 mins
Aircraft: Airbus A359
Registration: HS-THG (ภูผาม่าน)
Seat: 12A
สำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจของการบินไทย เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว สามารถ check-in ได้ที่ row A เลยครับ จากนั้นสามารถเข้า ตม. ได้ที่ช่อง Frast Track ได้เลย ถือได้ว่า อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้มากเลยทีเดียว และเมื่อผ่าน security check และ ตม. มาแล้ว ลงบันไดเลื่อนมาชั้น 3 ก็จะพามายัง Royal Silk Lounge ทันทีเลยครับ แต่ที่ผมตรงไปก่อนก็คือ Royal Orchid Spa ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Lounge เลยครับ โดยผู้โดยสารชั้นธุรกิจสามารถเลือกรับบริการได้ 2 อย่าง คือนวดคอบ่าไหล่หรือนวดเท้าเป็นเวลา 30 นาทีครับ โดยจะต้องลงทะเบียนก่อน และถ้ามีคิวนวดอยู่ก่อนหน้าก็จะมีบริเวณให้นั่งรอครับ สักครู่ก็จะได้รับบริการน้ำสมุนไพร บรรยากาศภายในดูดีมาก มีห้องน้ำบริการด้วยครับ
และเมื่อถึงคิวแล้วก็จะมีพนักงานมาเชิญเข้าไปในห้องนวดครับ ครั้งนี้ผมเลือกนวดคอบ่าไหล่ครับ
เสร็จแล้วพนักงานก็จะถามว่าจะรับเครื่องดื่มร้อนไหม มีน้ำตะไคร้กับน้ำขิงให้เลือกครับ พร้อมกันนี้จะมีแบบประเมินมาขอรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการด้วยนะครับ
นวดเสร็จแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายและพร้อมสำหรับการเดินทางไกลแล้วครับ พอมีเวลาเหลือนิดหน่อย ขอกลับเข้ามาเติมพลังใน lounge นิดหน่อยครับ
วันนี้ boarding ที่ gate E1A ครับ เดินค่อนข้างไกลเลยทีเดียว แต่เที่ยวบินนี้จะต้องบินไปลงภูเก็ตก่อน ดังนั้น ผู้โดยสารระหว่างประเทศก็จะต้องขึ้นรถบ้สเพื่อมาขึ้นเครื่องที่จอดไว้บริเวณหลุมจอดของเที่ยวบินภายในประเทศครับ ขึ้นเครื่องมาแล้วพนักงานต้อนรับก็นำทางมายังที่นั่งของผม 12A เลยครับ ซึ่งเครื่องบินรุ่นนี้ในชั้นธุรกิจจัดที่นั่งแบบ 1-2-1 ทุกที่นั่งจึงติดทางเดินและผู้โดยสามารถลุกเดินออกจากที่นั่งได้โดยไม่รบกวนผู้โดยสารคนอื่นเลยครับ และนั่ง A กับ K จะติดริมหน้าต่างและมีโต๊ะวางของคั่นระหว่างที่นั่งกับทางเดิน ทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัวดีครับ
วันนี้การจราจรค่อนข้างหน้าแน่นหน่อยครับ เครื่องบินต้องต่อคิวกัน take-off หลายลำเลยทีเดียว
เมื่อเครื่องบินขึ้นมาได้สักพักและสัญญาณรัดเข็มขัดดับลงแล้ว บรรดาพนักงานต้อนรับก็เริ่มเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มครับ วันนี้เป็นข้าวมันไก่ครับ ข้าวมันหุงกำลังดีและไก่ก็เนื้อนุ่มมากครับ ส่วนน้ำจิ้มถือว่าเด็ดเลยทีเดียวครับ ของหวานเป็นขนมทองหยอด ฝอยทอง และลูกชุบครับ
ทานอาหารเสร็จได้สักพัก เครื่องก็จะ landing ที่สนามบินภูเก็ตแล้วครับ ยังไม่ทันได้ดูหนังเลย ฮ่า ๆ เมื่อถึงสนามบินภูเก็ตเรียบร้อยแล้ว เครื่องจะมาจอดเทียบที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ครับ อาคารดูดีทันสมัยเลยทีเดียว ผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะต้องเดินทางต่อก็จะต้องแยกไปส่วนผู้โดยสารต่อเครื่องระหว่างประเทศ ต้องผ่าน seurity check อีกครั้งและจะได้รับป้าย transit card สีเขียว ๆ นี่เลยครับ
เดินเล่นดูของรอประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ก็ได้ยินเสียงประกาศเรียก boarding ขึ้นเครื่องแล้วครับ ถือว่าใช้เวลารอไม่นานเลย และนี่ก็คือคุณภูผาม่านที่จะพาผมเดินทางในวันนี้ครับ
ขึ้นเครื่องมาแล้วก็กลับมายังที่นั่ง 12A ที่เดิมครับ คราวนี้มีดอกกล้วยไม้เอื้องหลวงสีม่วงมาวางต้อนรับที่โต็ะข้างที่นั่งด้วยครับ
หลังจากนั้นไม่ทาง คุณพนักงานต้อนรับพร้อมด้วยคุณผู้จัดการบนเที่ยวบินก็เข้ามาแนะนำตัวกับผู้โดยสารแต่ละคนครับ พร้อมกับถามว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรก่อนหรือเปล่า ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นแชมเปญแก้วนี้ครับ มาพร้อมกับถั่วนานาชนิดและผลไม้อบแห้งครับ จากนั้นคุณพนักงานต้อนรับก็จะแจ้งรายละเอียดการบริการบนเที่ยวกับพร้อมกับสอบถามผู้โดยสารด้วยครับว่า จะรับอาหารแต่ละมื้อเป็นประเภทไหนบ้าง จะรับอาหารตอนไหน หากนอนหลับอยู่และถึงเวลาเสิร์ฟอาหารจะต้องการให้ปลุกหรือเปล่า เป็นต้น
เครื่องบิน take-off แล้วครับ ที่ชอบอีกอย่างหนึ่งสำหรับเครื่องบินรุ่นนี้ก็คือ tail camera นี่แหละครับ
ที่นั่งชั้นธุรกิจบนเครื่องบินรุ่นนี้เป็นที่นั่งแบบใหม่ครับ มีแผงควบคุมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่มีปุ่มเยอะมาก ๆ ครับ มีระบบนวดหลังด้วย แต่ผมรู้สึกว่าเก้าอี้รุ่นนี้จะนวดเบากว่าเก้าอี้รุ่นก่อนครับ ไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ ตรงข้างที่วางแขนมี storage compartment ให้ด้วยครับ แต่ใครใส่ของเล็ก ๆ ก็ระวังนะครับ เพราะมันลึกมากเลยทีเดียว ระวังจะล้วงขึ้นมาลำบากครับ
สำหรับระบบความบันเทิงบนเครื่องก็มีจอ touch-screen ขนาด 16 นิ้วครับ รับชมความบันเทิงต่าง ๆ ได้แบบเต็มตาเลยทีเดียว นอกจากนั้นที่รีโมทควบคุมก็มีจอภาพเล็ก ๆ มาให้ด้วยครับ สามารถตรวจสอบว่าบินถึงไหนแล้วโดยที่ยังดูหนังอยู่ด้วยได้ครับ สะดวกดี และการสัมผัสทั้งจอภาพและรีโมทก็ลื่นไหลเลยทีเดียว
ในส่วนของ Ottoman ก็กว้างดีครับ
สำหรับอาหารมื้อแรกนั้น มีให้เลือกทั้งอาหาร "สำรับไทย" และอาหารตะวันตกครับ ผมนั้นเลือกเป็นอาหารไทยอย่างไม่ต้องลังเลอะไรเลย มื้อแรกก็เป็นข้าวสวย บวบผัดไข่ ยำเนื้อไก่ แกงพะแนงหมู ต้มยำทะเลน้ำใสครับ ทานเสร็จแล้วก็มีเมนูผลไม้กับชีสให้ด้วย แต่ผมขอข้ามไปเป็นของหวานเลยดีกว่า ผมเลือกเป็นกล้วยเชื่อมราดครีมกะทิครับ หวานนุ่มอร่อยมากครับ
สำหรับชั้นธุรกิจมี All day dine ด้วยนะครับ ถ้ารู้สึกหิวก็สามารถสั่งอะไรมาทานได้เลย แต่ที่ผมรู้สึกแปลกใจคือ เที่ยวบินนี้มีให้เลือกแค่ผลไม้ ขนม กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น เที่ยวบินก่อน ๆ หน้านี้ที่ผมเคยบินจะมีให้เลือกเยอะมาก เช่น หมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว เกี๊ยวน้ำ บะหมี่ เป็นต้น ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าทางการบินไทยตัดเมนูเหล่านั้นออกไปให้เหลือแค่นี้หรือเปล่า
มาดู Amenity Kit กันบ้าง ครั้งนี้ได้เป็นกระเป๋าจาก Greyhound ครับ ข้างในก็ประกอบไปด้วย ชุดแปรงฟัน น้ำยาบ้วนปาก หวี ที่ปิดตา ที่อุดหู ลิปบาล์ม ครีมทาผิว และที่เปลี่ยนไปจากเที่ยวบินก่อน ๆ ที่ผมเคยขึ้นคือ ถุงเท้าหายไปแต่ได้เป็นรองเท้าแตะ slippers มาแทนครับ
บนเที่ยวบินแจกน้ำดื่มเป็นขวดให้ด้วยครับ บนเที่ยวบิน outbound นี้ได้รับเป็นน้ำแร่ออร่าครับ แต่ก่อนหน้านี้ inbound มาได้เป็นน้ำแร่ Evian เลยครับ
บนเที่ยวบินนี้คุณพนักงานต้อนรับกับคุณ in-flight manager ใจดีมากครับ บริการดีมาก ดึก ๆ กลัวจะหิวก็มีผลไม้กับขนมมาให้ด้วยครับ ผมเลยขอดื่มกาแฟเสริมด้วยสักถ้วยนะครับ
มาสำรวจห้องน้ำบ้างนะครับ สำหรับห้องน้ำของชั้นธุรกิจก็จะตกแต่งด้วยดอกกล้วยไม้ ทำให้รู้สึกสดชื่นได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียวครับ อย่างไรก็ดี ผมมองหาถังขยะที่มี sensor อยู่นานครับ เห็นว่าเป็นจุดที่พิเศษสำหรับเครื่องบินรุ่นนี้ แต่ว่าไม่เจอบนเที่ยวบินนี้ครับ
นึกว่าจะมีอยู่ใน A350 ทุกตัวเสียอีก
และแล้ว ช่วงเวลาดีดีก็มักจะผ่านไปเร็วครับ ก่อนเครื่องจะ landing ประมาณ 3 ชั่วโมง คุณพนักงานต้อนรับก็นำเครื่องดื่มและถั่วมาเสิร์ฟครับ ครั้งนี้ผมขอเลือกเป็นน้ำอัญชัญมะนาวครับ จากนั้นอาหารมื้อที่สองก็ถูกเสิร์ฟครับ ผมก็เลือกอาหารไทยเช่นเคย ครั้งนี้ได้เป็น ข้าวสวยกับบวบผัดไข่เหมือนเดิม ไข่ลูกเขย เนื้อผัดน้ำมันหอย และเป็ดตุ๋นมะนาวดองครับ ทานอิ่มมากจริง ๆ เลยขอข้ามของหวานไปเลยครับ
ก่อนเครื่องลง คุณพนักงานต้อนรับและคุณผู้จัดการก็จะเดินมาขอบคุณผู้โดยสารแต่ละคนที่เลือกเดินทางกับการบินไทยครับ สร้างความประทับใจได้ดีเลยทีเดียวครับ และในที่สุดก็เดินทางถึงสนามบินแฟรงก์เฟิร์ตโดยสวัสดิภาพครับ
จบแล้วครับสำหรับประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษกับสายการบินไทย สำหรับตัวผมเองก็มีโอกาสได้เดินทางบ่อยกับสายการบินหลาย ๆ สาย แต่เมื่อได้เดินทางกับการบินไทยก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความอุ่นใจทุกครั้งครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะครับ สวัสดีครับ
[CR] ประสบการณ์การเดินทางกับการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 926 (กรุงเทพฯ-แฟรงก์เฟิร์ต via ภูเก็ต) ชั้นธุรกิจ Royal Silk Class
Flight: TG926
Route: BKK-HKT
Departure Time: 9.30 AM
Arrival Time: 10.55 AM
Route: HKT-FRA
Departure Time: 12.50 PM
Arrival Time: 7.05 PM
Duration: 15 hr 35 mins
Aircraft: Airbus A359
Registration: HS-THG (ภูผาม่าน)
Seat: 12A
สำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจของการบินไทย เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว สามารถ check-in ได้ที่ row A เลยครับ จากนั้นสามารถเข้า ตม. ได้ที่ช่อง Frast Track ได้เลย ถือได้ว่า อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้มากเลยทีเดียว และเมื่อผ่าน security check และ ตม. มาแล้ว ลงบันไดเลื่อนมาชั้น 3 ก็จะพามายัง Royal Silk Lounge ทันทีเลยครับ แต่ที่ผมตรงไปก่อนก็คือ Royal Orchid Spa ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Lounge เลยครับ โดยผู้โดยสารชั้นธุรกิจสามารถเลือกรับบริการได้ 2 อย่าง คือนวดคอบ่าไหล่หรือนวดเท้าเป็นเวลา 30 นาทีครับ โดยจะต้องลงทะเบียนก่อน และถ้ามีคิวนวดอยู่ก่อนหน้าก็จะมีบริเวณให้นั่งรอครับ สักครู่ก็จะได้รับบริการน้ำสมุนไพร บรรยากาศภายในดูดีมาก มีห้องน้ำบริการด้วยครับ
และเมื่อถึงคิวแล้วก็จะมีพนักงานมาเชิญเข้าไปในห้องนวดครับ ครั้งนี้ผมเลือกนวดคอบ่าไหล่ครับ
เสร็จแล้วพนักงานก็จะถามว่าจะรับเครื่องดื่มร้อนไหม มีน้ำตะไคร้กับน้ำขิงให้เลือกครับ พร้อมกันนี้จะมีแบบประเมินมาขอรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการด้วยนะครับ
นวดเสร็จแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายและพร้อมสำหรับการเดินทางไกลแล้วครับ พอมีเวลาเหลือนิดหน่อย ขอกลับเข้ามาเติมพลังใน lounge นิดหน่อยครับ
วันนี้ boarding ที่ gate E1A ครับ เดินค่อนข้างไกลเลยทีเดียว แต่เที่ยวบินนี้จะต้องบินไปลงภูเก็ตก่อน ดังนั้น ผู้โดยสารระหว่างประเทศก็จะต้องขึ้นรถบ้สเพื่อมาขึ้นเครื่องที่จอดไว้บริเวณหลุมจอดของเที่ยวบินภายในประเทศครับ ขึ้นเครื่องมาแล้วพนักงานต้อนรับก็นำทางมายังที่นั่งของผม 12A เลยครับ ซึ่งเครื่องบินรุ่นนี้ในชั้นธุรกิจจัดที่นั่งแบบ 1-2-1 ทุกที่นั่งจึงติดทางเดินและผู้โดยสามารถลุกเดินออกจากที่นั่งได้โดยไม่รบกวนผู้โดยสารคนอื่นเลยครับ และนั่ง A กับ K จะติดริมหน้าต่างและมีโต๊ะวางของคั่นระหว่างที่นั่งกับทางเดิน ทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัวดีครับ
วันนี้การจราจรค่อนข้างหน้าแน่นหน่อยครับ เครื่องบินต้องต่อคิวกัน take-off หลายลำเลยทีเดียว
เมื่อเครื่องบินขึ้นมาได้สักพักและสัญญาณรัดเข็มขัดดับลงแล้ว บรรดาพนักงานต้อนรับก็เริ่มเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มครับ วันนี้เป็นข้าวมันไก่ครับ ข้าวมันหุงกำลังดีและไก่ก็เนื้อนุ่มมากครับ ส่วนน้ำจิ้มถือว่าเด็ดเลยทีเดียวครับ ของหวานเป็นขนมทองหยอด ฝอยทอง และลูกชุบครับ
ทานอาหารเสร็จได้สักพัก เครื่องก็จะ landing ที่สนามบินภูเก็ตแล้วครับ ยังไม่ทันได้ดูหนังเลย ฮ่า ๆ เมื่อถึงสนามบินภูเก็ตเรียบร้อยแล้ว เครื่องจะมาจอดเทียบที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ครับ อาคารดูดีทันสมัยเลยทีเดียว ผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะต้องเดินทางต่อก็จะต้องแยกไปส่วนผู้โดยสารต่อเครื่องระหว่างประเทศ ต้องผ่าน seurity check อีกครั้งและจะได้รับป้าย transit card สีเขียว ๆ นี่เลยครับ
เดินเล่นดูของรอประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ก็ได้ยินเสียงประกาศเรียก boarding ขึ้นเครื่องแล้วครับ ถือว่าใช้เวลารอไม่นานเลย และนี่ก็คือคุณภูผาม่านที่จะพาผมเดินทางในวันนี้ครับ
ขึ้นเครื่องมาแล้วก็กลับมายังที่นั่ง 12A ที่เดิมครับ คราวนี้มีดอกกล้วยไม้เอื้องหลวงสีม่วงมาวางต้อนรับที่โต็ะข้างที่นั่งด้วยครับ
หลังจากนั้นไม่ทาง คุณพนักงานต้อนรับพร้อมด้วยคุณผู้จัดการบนเที่ยวบินก็เข้ามาแนะนำตัวกับผู้โดยสารแต่ละคนครับ พร้อมกับถามว่าจะรับเครื่องดื่มอะไรก่อนหรือเปล่า ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นแชมเปญแก้วนี้ครับ มาพร้อมกับถั่วนานาชนิดและผลไม้อบแห้งครับ จากนั้นคุณพนักงานต้อนรับก็จะแจ้งรายละเอียดการบริการบนเที่ยวกับพร้อมกับสอบถามผู้โดยสารด้วยครับว่า จะรับอาหารแต่ละมื้อเป็นประเภทไหนบ้าง จะรับอาหารตอนไหน หากนอนหลับอยู่และถึงเวลาเสิร์ฟอาหารจะต้องการให้ปลุกหรือเปล่า เป็นต้น
เครื่องบิน take-off แล้วครับ ที่ชอบอีกอย่างหนึ่งสำหรับเครื่องบินรุ่นนี้ก็คือ tail camera นี่แหละครับ
ที่นั่งชั้นธุรกิจบนเครื่องบินรุ่นนี้เป็นที่นั่งแบบใหม่ครับ มีแผงควบคุมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่มีปุ่มเยอะมาก ๆ ครับ มีระบบนวดหลังด้วย แต่ผมรู้สึกว่าเก้าอี้รุ่นนี้จะนวดเบากว่าเก้าอี้รุ่นก่อนครับ ไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ ตรงข้างที่วางแขนมี storage compartment ให้ด้วยครับ แต่ใครใส่ของเล็ก ๆ ก็ระวังนะครับ เพราะมันลึกมากเลยทีเดียว ระวังจะล้วงขึ้นมาลำบากครับ
สำหรับระบบความบันเทิงบนเครื่องก็มีจอ touch-screen ขนาด 16 นิ้วครับ รับชมความบันเทิงต่าง ๆ ได้แบบเต็มตาเลยทีเดียว นอกจากนั้นที่รีโมทควบคุมก็มีจอภาพเล็ก ๆ มาให้ด้วยครับ สามารถตรวจสอบว่าบินถึงไหนแล้วโดยที่ยังดูหนังอยู่ด้วยได้ครับ สะดวกดี และการสัมผัสทั้งจอภาพและรีโมทก็ลื่นไหลเลยทีเดียว
ในส่วนของ Ottoman ก็กว้างดีครับ
สำหรับอาหารมื้อแรกนั้น มีให้เลือกทั้งอาหาร "สำรับไทย" และอาหารตะวันตกครับ ผมนั้นเลือกเป็นอาหารไทยอย่างไม่ต้องลังเลอะไรเลย มื้อแรกก็เป็นข้าวสวย บวบผัดไข่ ยำเนื้อไก่ แกงพะแนงหมู ต้มยำทะเลน้ำใสครับ ทานเสร็จแล้วก็มีเมนูผลไม้กับชีสให้ด้วย แต่ผมขอข้ามไปเป็นของหวานเลยดีกว่า ผมเลือกเป็นกล้วยเชื่อมราดครีมกะทิครับ หวานนุ่มอร่อยมากครับ
สำหรับชั้นธุรกิจมี All day dine ด้วยนะครับ ถ้ารู้สึกหิวก็สามารถสั่งอะไรมาทานได้เลย แต่ที่ผมรู้สึกแปลกใจคือ เที่ยวบินนี้มีให้เลือกแค่ผลไม้ ขนม กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น เที่ยวบินก่อน ๆ หน้านี้ที่ผมเคยบินจะมีให้เลือกเยอะมาก เช่น หมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว เกี๊ยวน้ำ บะหมี่ เป็นต้น ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าทางการบินไทยตัดเมนูเหล่านั้นออกไปให้เหลือแค่นี้หรือเปล่า
มาดู Amenity Kit กันบ้าง ครั้งนี้ได้เป็นกระเป๋าจาก Greyhound ครับ ข้างในก็ประกอบไปด้วย ชุดแปรงฟัน น้ำยาบ้วนปาก หวี ที่ปิดตา ที่อุดหู ลิปบาล์ม ครีมทาผิว และที่เปลี่ยนไปจากเที่ยวบินก่อน ๆ ที่ผมเคยขึ้นคือ ถุงเท้าหายไปแต่ได้เป็นรองเท้าแตะ slippers มาแทนครับ
บนเที่ยวบินแจกน้ำดื่มเป็นขวดให้ด้วยครับ บนเที่ยวบิน outbound นี้ได้รับเป็นน้ำแร่ออร่าครับ แต่ก่อนหน้านี้ inbound มาได้เป็นน้ำแร่ Evian เลยครับ
บนเที่ยวบินนี้คุณพนักงานต้อนรับกับคุณ in-flight manager ใจดีมากครับ บริการดีมาก ดึก ๆ กลัวจะหิวก็มีผลไม้กับขนมมาให้ด้วยครับ ผมเลยขอดื่มกาแฟเสริมด้วยสักถ้วยนะครับ
มาสำรวจห้องน้ำบ้างนะครับ สำหรับห้องน้ำของชั้นธุรกิจก็จะตกแต่งด้วยดอกกล้วยไม้ ทำให้รู้สึกสดชื่นได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียวครับ อย่างไรก็ดี ผมมองหาถังขยะที่มี sensor อยู่นานครับ เห็นว่าเป็นจุดที่พิเศษสำหรับเครื่องบินรุ่นนี้ แต่ว่าไม่เจอบนเที่ยวบินนี้ครับ นึกว่าจะมีอยู่ใน A350 ทุกตัวเสียอีก
และแล้ว ช่วงเวลาดีดีก็มักจะผ่านไปเร็วครับ ก่อนเครื่องจะ landing ประมาณ 3 ชั่วโมง คุณพนักงานต้อนรับก็นำเครื่องดื่มและถั่วมาเสิร์ฟครับ ครั้งนี้ผมขอเลือกเป็นน้ำอัญชัญมะนาวครับ จากนั้นอาหารมื้อที่สองก็ถูกเสิร์ฟครับ ผมก็เลือกอาหารไทยเช่นเคย ครั้งนี้ได้เป็น ข้าวสวยกับบวบผัดไข่เหมือนเดิม ไข่ลูกเขย เนื้อผัดน้ำมันหอย และเป็ดตุ๋นมะนาวดองครับ ทานอิ่มมากจริง ๆ เลยขอข้ามของหวานไปเลยครับ
ก่อนเครื่องลง คุณพนักงานต้อนรับและคุณผู้จัดการก็จะเดินมาขอบคุณผู้โดยสารแต่ละคนที่เลือกเดินทางกับการบินไทยครับ สร้างความประทับใจได้ดีเลยทีเดียวครับ และในที่สุดก็เดินทางถึงสนามบินแฟรงก์เฟิร์ตโดยสวัสดิภาพครับ
จบแล้วครับสำหรับประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษกับสายการบินไทย สำหรับตัวผมเองก็มีโอกาสได้เดินทางบ่อยกับสายการบินหลาย ๆ สาย แต่เมื่อได้เดินทางกับการบินไทยก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความอุ่นใจทุกครั้งครับ ขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะครับ สวัสดีครับ