ก็ไม่เคยคิดนะคะว่าตัวเองเป็น พ่อเเม่เราเลิกกันตั้งเเต่อายุ6ขวบค่ะ ตอนนั้นไปอยู่กับเเม่ได้ประมาณ2ปี เเต่เราไม่ค่อยได้อยู่กับเเม่เพราะเเม่ไปทำงาน ยายตะเป็นคนดูเเลเรามากกว่าค่ะ จากนั้นก็ย้ายมาอยู่กับพ่อ พ่อเราค่อนข้างจะหัวโบราณหน่อยๆ เราคิดว่านะ เพราะตอนนี้ท่านก็อายุมากพอสมควร 50+ แล้วค่ะ เราอายุ 16 ปี คุณแม่ 30+ จำได้ว่าช่วงที่เรามาอยู่กับพ่อประมาณป.4-ป.6 เราคิดอยากฆ่าตัวตายหลายครั้ง เราเป็นลูกคนเดียว เลยถูกตั้งความหวังไว้สูงมาก อยู่ที่บ้านเราไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ พ่อเลยจะชอบคุยกับครูว่าอยู่ที่บ้านตื่นสายไม่ช่วยทำไรเลยขี้เกียจไม่ร่าเริง บางครั้งครูก็แปลกใจนะ เราอยู่ที่โรงเรียนคือเด็กกิจกรรมเลย เรียนดี กีฬาเก่ง ร่าเริง
ช่วงนั้นพ่อก็ชอบพูดให้ฟังตลอดเลยนะว่าเมื่อก่อนพ่อลำบากมากไม่มีความรู้ ซึ่งเราเข้าใจว่าว่ารักอยากให้มีอนาคตดีๆ เราถูกเปรียบเทียบมาตั้งเเต่เด็กโดยพ่อ พ่อชอบพูดว่าทำไมไม่เป็นเหมือนคนนั้นคนนี้ไม่ดีเหมือนคนอื่น คนนั้นขยันเรียนเก่ง ทั้งๆที่เกรดเรา 3.80 มาโดยตลอด บางครั้งสมองมันกลัวโดนอัตโนมัตว่าทำอะไรให้พ่อไม่พอใจเเล้วต้องโดนด่า จะทำอะไรไปไหนเลยคิดไปว่าจะโดนด่าหมด ซึ่งเราคิดว่าตัวเองในตอนนั้นทำไมถึงเป็นแบบนั้นกัน พ่อตั้งการให้เราอยู่ในกรอบเเบบเปะๆ เราเข้าใจว่าท่านหวังดี พอเราโตมาอีกหน่อยตอนม.1 เราเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากกลับบ้านเลย กลับบ้านมาก็เอาหมกตัวอยู่เเต่ในห้อง นอนๆหลับๆเเค่นั้น พ่อเคยว่าให้เราว่าเราเล่นยา มีเเต่คนเล่นยาเเหละที่ทำเเบบนั้น พ่อพูดงี้ บ้านเราอยู่ชนบทนะ ไกลตัวเมืองมากๆ แถวๆบ้านก็ไม่ค่อยมีเด็กรุ่นเดียวกันเลย ไม่ได้ไปเที่ยวไหน พ่อไม่เคยพาไปเที่ยวหรอก ไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อน พ่อไม่ให้มีแฟน55 ปกติใช่ไหมล่า ก็อยากให้ลูกเรียนก่อน ตอน ม.1เราแอบมีแฟน ครูจับได้ พ่อก็เลยรู้ ตอนนั้นก็ทะเลาะกันใหญ่ เราก็คิดว่านี่เราทำให้พ่อผิดหวังอีกแล้วหรอ ตอนม.1เป็นอะไรที่เเย่มากนะ ไม่อยากกลับบ้าน อยากอยู่โรงเรียนอยากอยู่กับเพื่อนไม่อยากกลับบ้านเลย เคยคิดว่าถ้าเราหายไปทุกคนตะเป็นยังไงกันนะ พอจบม.1 เราย้ายไปอยู่กับเเม่ เราออกเรียน ไปทำงาน ใช้ขีวิตเป็นของตัวเอง หาเงินเลี้ยงตัวเองไม่เคยจอเงินพ่อหรือเเม่อีกเป็นเวลา2ปี ตอนนั้นเราเหนื่อยมาก เเต่กลับมีความสุขมากเเปลกๆ จนตอนนี้เรากลับมาอยู่กับพ่อ ได้ประมาณ5 เดือนเเล้ว ความรู้สึกอยากตายกลับมาอีกครั้ง พ่อบอกว่าคนอย่างเราทำอะไรไม่ได้หรอก ไม่มีอนาคต โตไปก็เเค่นั้นทำไรไม่ได้ เราคิดมาตลอดนะถ้าเราไม่มีอนาคตจะอยู่ไปทำไม คิดเเบบนี้ซ้ำๆ ไม่เคยมองเห็นภาพตัวเองในอนาคตเเล้วยิ้มอย่างมีความสุขเลย มันมองเห็นอนาคตเป็นสีดำไม่มีอะไรเลย จนถึงวันนี้ว่ามันเเปลกๆ ทำไมเราถึงคิดเเบบนั้นมาตลอดตั้งเเต่เด็กกันนะ ช่วงนี้เรากลับมาบ้าน ไปทำงานกลับมาก็มีเเต่เพื่อนรู้ใจ คือโทรศัพท์มือถือ พ่อก็บอกเราติดมือถือเกินไป เก็บตัวอยู่เเต่ในห้อง ว่างก็ขึ้นห้องนอน คือเรามีเเค่สิ่งนี้จริงๆที่เเก้เหงา เเถวบ้านไม่มีเพื่อนไม่มีที่ไหนให้ไปด้วย เราไม่เคยปรึกษาพ่อนะ เวลาเครียดอะไรไม่ค่อยได้ปรึกษา ตอนเด็กๆเคยปรึกษาเเล้ว เเต่ไม่ได้คำเเนะนำมากลับกลายเป็นเป็นสั่งเเนวๆให้อยู่ในกรอบที่พ่อสร้างมาที่ต้องการมากกว่า พ่อชอบพูดว่าทำไมไม่มีความกล้าที่จะเเสดงออกบ้างเลยดูลูกคนอื่นสิ กล้าร้องเพลงไปประกวด พูดแบบนั้นทั้งๆที่ไม่เคยพาเราไปเรียนดนตรีหรือร้องเพลงกับเราเลย พูดว่าลูกเพื่อนตัวเล็กนิดเดียวว่ายน้ำเก่งเเล้วทำไมไม่เป็นเเบบนั้นบ้าง พูดแบบนั้นทั้งๆที่ไม่เคยพาไปสระว่ายน้ำ จนถึงทุกวันนี้เรามานั่งคิดว่าวันๆเราพูดอะไรกับพ่อบ้าง 80%ตลอดชีวิตที่เกิดมา พ่อจะบอกให้เราเป็นเเบบในอุดมคติที่พ่อคิดไว้ ส่วนอีก 10%ก็เล่าเรื่องพ่อในตอนเด็กให้ฟัง 10%เล่าถึงความล้มเหลวของเเม่ เเล้วบอกว่าเราเหมือนเเม่
จนถึงตอนนี้เราก็ยังมองไม่เห็นอนาคตของเราเลย
เป็นโรคซึมเศร้ารึป่าวค่ะ
ช่วงนั้นพ่อก็ชอบพูดให้ฟังตลอดเลยนะว่าเมื่อก่อนพ่อลำบากมากไม่มีความรู้ ซึ่งเราเข้าใจว่าว่ารักอยากให้มีอนาคตดีๆ เราถูกเปรียบเทียบมาตั้งเเต่เด็กโดยพ่อ พ่อชอบพูดว่าทำไมไม่เป็นเหมือนคนนั้นคนนี้ไม่ดีเหมือนคนอื่น คนนั้นขยันเรียนเก่ง ทั้งๆที่เกรดเรา 3.80 มาโดยตลอด บางครั้งสมองมันกลัวโดนอัตโนมัตว่าทำอะไรให้พ่อไม่พอใจเเล้วต้องโดนด่า จะทำอะไรไปไหนเลยคิดไปว่าจะโดนด่าหมด ซึ่งเราคิดว่าตัวเองในตอนนั้นทำไมถึงเป็นแบบนั้นกัน พ่อตั้งการให้เราอยู่ในกรอบเเบบเปะๆ เราเข้าใจว่าท่านหวังดี พอเราโตมาอีกหน่อยตอนม.1 เราเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากกลับบ้านเลย กลับบ้านมาก็เอาหมกตัวอยู่เเต่ในห้อง นอนๆหลับๆเเค่นั้น พ่อเคยว่าให้เราว่าเราเล่นยา มีเเต่คนเล่นยาเเหละที่ทำเเบบนั้น พ่อพูดงี้ บ้านเราอยู่ชนบทนะ ไกลตัวเมืองมากๆ แถวๆบ้านก็ไม่ค่อยมีเด็กรุ่นเดียวกันเลย ไม่ได้ไปเที่ยวไหน พ่อไม่เคยพาไปเที่ยวหรอก ไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อน พ่อไม่ให้มีแฟน55 ปกติใช่ไหมล่า ก็อยากให้ลูกเรียนก่อน ตอน ม.1เราแอบมีแฟน ครูจับได้ พ่อก็เลยรู้ ตอนนั้นก็ทะเลาะกันใหญ่ เราก็คิดว่านี่เราทำให้พ่อผิดหวังอีกแล้วหรอ ตอนม.1เป็นอะไรที่เเย่มากนะ ไม่อยากกลับบ้าน อยากอยู่โรงเรียนอยากอยู่กับเพื่อนไม่อยากกลับบ้านเลย เคยคิดว่าถ้าเราหายไปทุกคนตะเป็นยังไงกันนะ พอจบม.1 เราย้ายไปอยู่กับเเม่ เราออกเรียน ไปทำงาน ใช้ขีวิตเป็นของตัวเอง หาเงินเลี้ยงตัวเองไม่เคยจอเงินพ่อหรือเเม่อีกเป็นเวลา2ปี ตอนนั้นเราเหนื่อยมาก เเต่กลับมีความสุขมากเเปลกๆ จนตอนนี้เรากลับมาอยู่กับพ่อ ได้ประมาณ5 เดือนเเล้ว ความรู้สึกอยากตายกลับมาอีกครั้ง พ่อบอกว่าคนอย่างเราทำอะไรไม่ได้หรอก ไม่มีอนาคต โตไปก็เเค่นั้นทำไรไม่ได้ เราคิดมาตลอดนะถ้าเราไม่มีอนาคตจะอยู่ไปทำไม คิดเเบบนี้ซ้ำๆ ไม่เคยมองเห็นภาพตัวเองในอนาคตเเล้วยิ้มอย่างมีความสุขเลย มันมองเห็นอนาคตเป็นสีดำไม่มีอะไรเลย จนถึงวันนี้ว่ามันเเปลกๆ ทำไมเราถึงคิดเเบบนั้นมาตลอดตั้งเเต่เด็กกันนะ ช่วงนี้เรากลับมาบ้าน ไปทำงานกลับมาก็มีเเต่เพื่อนรู้ใจ คือโทรศัพท์มือถือ พ่อก็บอกเราติดมือถือเกินไป เก็บตัวอยู่เเต่ในห้อง ว่างก็ขึ้นห้องนอน คือเรามีเเค่สิ่งนี้จริงๆที่เเก้เหงา เเถวบ้านไม่มีเพื่อนไม่มีที่ไหนให้ไปด้วย เราไม่เคยปรึกษาพ่อนะ เวลาเครียดอะไรไม่ค่อยได้ปรึกษา ตอนเด็กๆเคยปรึกษาเเล้ว เเต่ไม่ได้คำเเนะนำมากลับกลายเป็นเป็นสั่งเเนวๆให้อยู่ในกรอบที่พ่อสร้างมาที่ต้องการมากกว่า พ่อชอบพูดว่าทำไมไม่มีความกล้าที่จะเเสดงออกบ้างเลยดูลูกคนอื่นสิ กล้าร้องเพลงไปประกวด พูดแบบนั้นทั้งๆที่ไม่เคยพาเราไปเรียนดนตรีหรือร้องเพลงกับเราเลย พูดว่าลูกเพื่อนตัวเล็กนิดเดียวว่ายน้ำเก่งเเล้วทำไมไม่เป็นเเบบนั้นบ้าง พูดแบบนั้นทั้งๆที่ไม่เคยพาไปสระว่ายน้ำ จนถึงทุกวันนี้เรามานั่งคิดว่าวันๆเราพูดอะไรกับพ่อบ้าง 80%ตลอดชีวิตที่เกิดมา พ่อจะบอกให้เราเป็นเเบบในอุดมคติที่พ่อคิดไว้ ส่วนอีก 10%ก็เล่าเรื่องพ่อในตอนเด็กให้ฟัง 10%เล่าถึงความล้มเหลวของเเม่ เเล้วบอกว่าเราเหมือนเเม่
จนถึงตอนนี้เราก็ยังมองไม่เห็นอนาคตของเราเลย