จากคนด่าโรงพยาบาลว่าไม่ทำคลอด และคนอยากใช้30 บาท แต่ไม่ยอมจ่ายเงินสมทบแบบประกันสังคม เป็นภาระคนที่เสียภาษีเหมือนโดนโกง

คนเสียภาษี อยู่ในฐานภาษีหลบไม่ได้อยู่แล้ว

แต่เงินภาษีพวกนี้ถูกนำไปใช้แบบไม่คุ้มค่า

คนเสียภาษี บัตรคนจนก็ไม่ได้ ประกันสังคมก็จ่าย แต่สิทธิ์รักษาพยาบาลก็ไม่ดีเหมือนบัตรทอง เห็นเค้าว่ากันแบบนัน

แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ถ้าไม่เจ็บป่วยก็ไม่ต้องใช้ หรือมีประกันตัวเองก็ประหยัดเงินหลวงไป


แต่30 บาท ที่บอกให้คนจน จนจริงหรืออย่างแม่ค้าขายของมีรถขับ เรายังผ่อนรถบางวคนขึ้นรถเมล์เลย

แม่ค้ารวยกว่าอีก ใช้บัตรทองไม่ต้องเสียเงิน ขายของภาษีก็ไม่เสียรวยกว่าพวกเราอีก

สมมุติพวกแม่ค้า  คนยึดทางเท้าค้าขาย
พอไป รพ.ด่าโรงพยาบาลอีกว่ารักษาไม่ดี   แต่ตัวเองไม่เคยเสียภาษีทางตรงเลย

ชาวบ้านไม่เคยจ่ายสมทบอะไร แต่อยากได้การรักษาดี แต่ภาษีไม่ยอมเสีย

คนจ่ายประกันสังคมกลับเสียเปรียบ

แล้วอย่างชาวนาชาวไร่ ควรจะขึ้นทะเบียนและเก็บเงินมาสบทบลงเรื่องการแพทย์ด้วย

ไม่ใช่ขายข้าวได้กำไรก็แข่งกันไปถอยรถกระบะมาอวดกัน โดนยึดมาเป็นNPL ส่งผลถึงหุ้นที่เราถืออีก

ภาษีไม่เคยเสีย คิดเอาแต่ได้

พอมีจำนำข้าวก็เอา ไม่สนว่าประเทศจะพินาศ มีหนี้สิน

น่าจะลงโทษชาวนา โรงสีที่รับเงินการโกงจำนำข้าวด้วยเลย  ถ้าลดคนโกงตรงนี้ไปได้ 3-4 ล้านคน

ประเทศเราจะได้มีความั่นคงมากขึ้น เสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ ตัดเนื้อร้ายทิ้งไป

คนทำผิดต้องได้รับการลงโทษ คนพวกนี้ต้องมีส่วนช่วยจ่ายภาษีไม่ใช่ อ้างแต่ว่าจนแล้วจะดูดเงินไปใช้ฟรี

รัฐแบกไม่ไหวหรอก ไม่หาเงินแต่จะรอเงินจากรัฐอย่างเดียวมีที่ไหนลงทะเบียนคนจน 14 ล้าน

แถมไปให้ลูกหลานที่เรียนหนังสือมาลงทะเบียนถ้าเรียนปอตรีแล้วยังคิดแบบนี้ประเทศไม่มีอนาคตแน่ๆ

ต้องอยู่กับการซื้อเสียงประชานิยมไปอีก พรรคไหนจ่ายให้มากก็ได้เป็นรัฐบาลไปโกงต่อ

คนจ่ายภาษีมากรัฐควรให้ลดภาษีเยอะๆ ให้การรักษาที่ดีมีสมทบพิเศษให้

ไม่ใช่รัฐดูดออกไปแจกคนจน ที่รอแต่เงินอย่างเดียวโดยไม่ทำอะไรเลย

ไม่งั้นก็มาจนกันทั้งประเทศนิละ

ภาษีที่เราจ่ายควรได้ความมั่นคงของชาติ ได้ใช้เงินตอนแก่ ไม่ใช่เอาไปแจกฟรีๆให้กับคนที่ร่วมกับคนโกงชาติ

ตัวเองเลี่ยงภาษีหนีภาษีทุกอย่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
อยากให้ยกเลิกภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ยกเลิกประกันสังคมแล้วไปใช้ 30 บาทแทน แล้วให้ไปขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มแทน จะขึ้นเป็น 35% ก็ไม่เป็นไร ใช้มากก็จ่ายมาก ใช้น้อยก็จ่ายน้อย ยุติธรรมดี
ความคิดเห็นที่ 48
เราคิดว่า อาจจะมีการสับสนอะไรบางอย่างนะคะ

1.สิทธิ์ประกันสุขภาพทั่วหน่า ไม่ได้จำเพาะว่าเฉพาะสำหรับคนจน มันคือสิทธิ์ขั้นพื้นฐานสำหรับประชาชนทุกคนในประเทศเสมอเหมือนกัน  เว้นแต่จะเข้าระบบประกันสุขภาพประเภทอื่น เช่น ประกันสังคม สิทธิ์ข้าราชการ

คนมีเงินที่อยู่นอกระบบประกันสังคม เขาก็มีสิทธิ์อันนี้ที่รพ.ต้นสังกัดค่ะ แต่เขาไม่ใช้เอง
มันไม่ใช่สิทธิ์พิเศษสำหรับคนจน จขกท.เข้าใจผิดนะคะ

2.สิทธิ์รักษาของประกันสังคม กับ ของบัตรทอง
เริ่มสงสัยว่าอะไรดีกว่ากันแน่?
เราไม่กล้าฟันธงค่ะ เพราะไม่เคยรักษาโดยใช้สิทธิ์ประกันสังคม แต่เคยเห็นในพันทิปนี่แหละเห็นไวๆ มีคนเขียนว่า ออกจากงานแล้วแต่ยอมจ่ายเพื่อรักษาสิทธิ์ประกันสังคมไว้ ดีกว่าไปรักษาด้วยสิทธิ์บัตรทอง
ในทางกลับกัน เจ้าของกระทู้เชื่อ "เขาว่า" ไปเสียแล้ว

3.อ่านที่เขียนๆนี่ จะไม่อกแตกตายกันไปเลยเหรอคะ ถ้ารู้ว่า นักศึกษาของม.มหิดล มีสวัสดิการสุขภาพงบ 30,000 บาทต่อปี สิทธิ์บัตรทองจะถูกโอนย้ายเข้ารพ.รามาฯหรือรพ.ศิริราช (และจะคงอยู่ต่อไปแม้จบการศึกษา จนกว่าจะแจ้งย้ายรพ.ต้นสังกัดหรือโอนไปสิทธิ์รักษาอื่น)

พูดง่ายๆคือรักษาฟรีตามขอบข่ายสิทธิ์บัตรทองในรพ.ระดับโรงเรียนแพทย์ที่เขาว่าโอนสิทธิ์เข้ายากนักหนา แถมถ้าอะไรไม่อยู่ในข่ายสิทธิ์บัตรทอง มี 30,000 บาทช่วยอีกต่างหาก (แต่มีข้อจำกัดบางอย่างเหมือนกันค่ะ ไม่ได้ฟรีทั้งหมด)

มหาวิทยาลัยอื่นที่มีโรงเรียนแพทย์ เราไม่ทราบนะคะว่าทุกที่รึเปล่า อย่างน้อยก็จุฬาฯกับมช.ที่ใช้ระบบลักษณะนี้ค่ะ

4.เรื่องสิทธิ์บัตรทอง เรารู้สึกว่ามโนกันเยอะ และส่วนมากก็ไม่ใช่ผู้ใช้จริงด้วย (เราไม่ได้พูดถึงเฉพาะในกระทู้นี้นะคะ) เช่น

-ลัดคิว เอาพวกสิทธิพิเศษเข้าก่อนแม้ของตาสีตาสาเป็นอาการป่วยร้ายแรง
ความจริง: การรักษาก่อน-หลัง จัดลำดับตามความฉุกเฉินของอาการ

-มาเช้าได้ตรวจบ่าย รพ.ห่วยแตก
ความจริง: มันก็ตามคิวแหละ คนที่ได้ตรวจก่อนคือคนไข้นัด ถัดๆมาคือผู้ป่วย walk in ตามลำดับคิว จำนวนเท่าที่แผนกนั้นจะรองรับไหว
ึมาตอนเจ็ดโมง จะให้ตรวจตัวเองตอนเก้าโมงครึ่งแล้วจะให้เอาคนไข้นัดไปไว้ที่ไหน

-หมอขี้เกียจ กว่าจะลงตรวจก็สาย มีปล่อยให้คนไข้รอ(ตอนช่วงเที่ยง) ไม่ทำงาน
ความจริง: ตอนเช้าหมอราวด์วอร์ด  หมอ+พยาบาล+บุคลากรเจ้าหน้าที่ก็ต้องกินข้าวเหมือนกัน

5.เจ้าของกระทู้อาจจะต้องเตรียมลับมีดเชือดคอตัวเองไว้เผื่อๆ
ประกันสุขภาพ รวมการรักษาอาการเจ็บป่วยในทุกกรณีไม่มียกเว้นเลยรึเปล่าคะ? และถ้ารักษาเอกชน สุดท้ายสู้ค่ารักษาไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องใช้สิทธิ์บัตรทอง ตัวอย่างเยอะแยะไป

6.ทางที่ดีทุกคนรักษาสุขภาพตัวเองให้มากที่สุดไว้ดีกว่า จะสิทธิ์รักษาอะไร ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่อยากใช้ทั้งนั้น

ส่วนคนที่ใช้สิทธิ์รักษาใดๆอยู่ก็ตาม ก็ควรนึกไว้เสมอว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ค่ายา ค่าตรวจรักษาทำหัตถการใดๆ มีต้นทุน ซึ่งก็มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของใครซักคนแน่นอน

ใช้ยา อย่าให้ยาเหลือ ดูแลตัวเองให้ดีอย่าให้เป็นหนัก อย่าเรียกร้องนอนรพ.ถ้าไม่จำเป็น
เงินไม่น่าเสียดายค่ะ ถ้ามีการจัดสรรทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
ความคิดเห็นที่ 4
ผมเห็นด้วยในไอเดียที่ว่า


1. co payment ใครยอมจ่ายร่วม จึงได้ยาที่ดีกว่า
2. ใครซื้อกรมธรรภ์ จะได้ยาที่ดีกว่า

แต่ ไม่ว่าจะเป็น co payment , กรมธรรมภ์ ก้อควรมาเข้าคิวตามอาการ เท่าเทียมกันครับ

ผมเห็นว่า ไม่ว่าจะจ่ายเท่าไร หรือจะใช้ระบบ  Co payment ไม่ได้แก้ปัญหาความยุติธรรมในระบบคิว และ สิทธิในการได้เตียงคนไข้ที่ยุติธรรมครับ

ระบบที่เสนอ มันก็แค่ = ไล่คนจนออกไปนอกคิว เท่านั้น



ที่ถูกต้องคือ ควรรวม สามสิทธิ = ข้าราชการ + ปกส. + บัตรทอง = ให้เท่ากันทุกประการ
ชนิดที่ว่ายื่นบัตรที่หน้าห้องลงทะเบียนคนไข้ รพ.ไม่ต้องรู้ว่าใช้สิทธิไหนก็บริการเลย



ถ้างบประมาณไม่พอ จะลดบัญชียาก็ไม่ว่า
แต่ต้องลดพร้อมกันทุกระบบ


ถ้าจะเพิ่มบริการนอกบัญชี
ถ้ารัฐจะออกกรมธรรมภ์พิเศษ
ผมก้อเห็นด้วย
แต่ทุกคนควรต้องมา "เข้าคิว" ซื้อประกันเพิ่ม
ด้วยเงินส่วนตัวของตนอย่างเท่าเทียมกัน
กล่าวคือต้องควักเงินตัวเอง ถึงจะรู้สึกหวงแหน
และข้าราชการต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกับ ปชช.
"มาเข้าคิว" ซื้อประกันสุขภาพที่เหมือนกัน ถึงแฟร์ (รัฐควรเอางบพยาบาลข้าราชการมาจ่ายเป็นเงินเดือนข้าราชการ แล้วให้ข้าราชการมาซื้อประกันเพิ่มเอง)
และประกันที่ว่า ต้องให้ ปชช. ซื้อได้เหมือนกัน
และเวลายื่นบัตรประกันที่ว่าหน้าเค้าเตอร์ รพ. ต้องรอคิวต่อคิว เหมือนๆกันทุกคน ถึง แฟร์ ครับ
ความคิดเห็นที่ 23
ท่านเชื่อหรือไม่

ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ของคนเราคือ
ซื้อบ้าน. ซื้อรถ. แต่งงาน รักษาโรค.

.
.

สำหรับการรักษาโรค.
ประเทศของเรา มีจำนวนแพทย์และเตียง ต่อประชากร ไม่พอเพียง
หลายโรค คนไข้ส่วนใหญ่รอคิวการรักษา การผ่าตัด. จนตายไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคที่ซับซ้อน. ต้องการเครื่องมือวินิจฉัยราคาแพง
ซึ่งจะมีเฉพาะในโรงพยาบาลระดับโรงเรียนแพทย์

สำหรับ ประชากรกลุ่ม A + จะสามารถเข้าถึง


.......


สำหรับประชาชนกลุ่ม A+ จะสามารถเข้าถึงเตียงคนไข้ในโรงเรียนแพทย์

ส่วนประชาชนกลุ่ม A และ b+ จะต้องหาโรงพยาบาลเอกชน
และถ้าเป็นโรคร้ายแรง จะให้โรงพยาบาลเอกชนใช้ connection. ส่งต่อโรงเรียนแพทย์
ซึ่งคนกลุ่มนี้ จะต้องแลกด้วยเงินออมครึ่งชีวิต



.
.ส่วนประชากรกลุ่ม c และ d. มีโอกาสต่ำมากที่จะเข้าถึงการรักษา




.
.การที่เราปล่อยให้ประชากร กลุ่ม A ซึ่งมีกำลังทรัพย์
สามารถจ่ายโรงพยาบาลเอกชนได้โดยไม่มีปัญหา เรื่องการเงิน
แต่สุดท้ายเมื่อโรคร้ายแรง. ก้อจำเป็นต้อง ใช้การลัดคิวเข้ารักษาในโรงเรียนแพทย์
เพราะว่า. โรงพยาบาลเอกชน จะไม่ลงทุน เครื่องมือการแพทย์ที่ซับซ้อนและราคาแพง
.
.
.
บรรดา อาจารย์หมอ ที่อยู่โรงพยาบาลเอกชน จึงใช้อภิสิทธิ์ส่งคนไข้ เข้าใช้เครื่องตรวจรักษาของรัฐ
.

............................................

สำหรับ บางประเทศ เช่น สิงคโปร์

หมอที่อยู่โรงพยาบาลรัฐ. จะได้สวัสดิการดี ใกล้เคียง โรงพยาบาลเอกชน
และห้ามไปทำงานในโรงพยาบาลเอกชน


ด้วยวิธีนี้ เท่านั้น จึงสามารถป้องกันการที่หมอเอกชน ส่งคนไข้เข้ามาลัดคิวใช้ facilities ของโรงพยาบาลรัฐ
ซึ่งเป็นการบังคับกลายๆให้ รพ. เอกชนต้องลงทุน เครื่องมือที่ทันสมัยด้วยตนเอง
ส่วนเครื่องมือของรัฐ จะใช้อย่างยุติธรรม รักษาคนไข้ตามคิวและอาการ..


...............................


เมื่อโรงพยาบาลเอกชน ไม่สามารถส่งคนไข้เข้ามาโรงพยาบาลของรัฐด้วยการลัดคิวแล้ว
หมายความว่ากลุ่ม A.  และ. B + ถูกบังคับ ให้ต้องเข้าคิวรักษา. เหมือนคนกลุ่ม c และ d
และเมื่อคนกลุ่ม A. และ B +. ลำบาก ซึ่งรวมถึงคนกลุ่มที่ทำงานในระบบสาธารณสุขด้วย
จะเกิดแรงขับเคลื่อนในสังคมอย่างรุนแรง..ให้รัฐต้องผลิตแพทย์เพิ่มเติม
(กลุ่ม A + ไม่ต้องห่วง เขาสามารถจ่ายโรงพยาบาลเอกชนสบายๆ)


............................................

ถามว่า ประเทศไทย มีฐานะการเงินการคลัง ที่จะให้เงินเดือนแพทย์คนละสองล้านบาทต่อปี ภายใต้เงื่อนไขห้ามรับงานโรงพยาบาลเอกชน ได้ไหม


ตอบว่าได้...


แต่ไม่มีใครกล้าทำ...... เพราะคนที่มีอำนาจจะทำได้คือคนกลุ่ม A +
แลเมื่อทำขึ้นมาแล้ว คนที่จะเดือดร้อนคือ คนกลุ่ม a. และ b + ซึ่งเป็นชนชั้นกลางที่มีพลังมากที่สุดในทางสังคม
ความคิดเห็นที่ 5
รัฐคิดช่วยคนจนเป็นเรื่องที่ดีนะ เห็นด้วยกับการจัดสวัสดิการให้กับคนจนจริงๆ   แต่ที่เห็นๆนี้  จนไม่จริงก็เยอะอะ  แล้วเรื่องอายุ ของคนที่จะได้รับสวัสดิการ  น่าจะให้กับคนสูงอายุสักหน่อย  อายุน้อยๆ  เรี่ยวแรงยังมีทำงาน  เด็กแว้นก็ลงทะเบียนคนจนได้  กลางวันงานการไม่ทำ  กลางคืนออกอาละวาด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่