รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์จะซื้อเกวียนละ 2 หมืน หรือ 3 หมื่นก็ได้ เพราะไม่ใช่เงินคุณยิ่งลักษณ์ มันเป็นเงินภาษีอากรของประชาชน และแกก็ชาญฉลาดมาก รัฐบาลนี้ เอาเงินภาษีอากรมาซื้อใจประชาชน จะให้ 1.5 หมื่นบาท 2 หมื่นบาท หรือ 3 หมื่นบาทก็ได้ ชาวนาก็ชอบ พอขายรัฐบาลก็ชอบ แต่พอขายข้าวขาดทุนก็เป็นเรื่องของคน 60 กว่าล้านคนที่ต้องรับผิดชอบ ผมมองดูแล้วมันไม่มีความเป็นธรรมในคน 60 กว่าล้านคน"
นี่คือมุมมองของ "กำนันทรง"หรือ ทรง องค์ชัยวัฒนะ ผู้ก่อตั้งตลาดกลางค้าข้าวแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2508 ที่อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ หรือที่รู้จักกันในนาม "ท่าข้าวกำนันทรง" ตลาดกลางซื้อขายข้าวเปลือกใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่สะท้อนความเป็นห่วงภาระที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนทั้งประเทศจากการดำเนินโครงการรับจำข้าวทุกเมล็ด ตันละ 15,000 บาทของรัฐบาล
ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในวงการค้าข้าวมานานกว่า 40 ปี ท่าข้าวกำนันทรง จึงเป็นพื้นที่ต้อนรับนายกฯ ตั้งแต่ยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ บรรหาร ศิลปอาชา และชวน หลีกภัย ที่ลงไปขอความเห็นนโยบายข้าว ถึง จ.นครสวรรค์
เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ลงไปขอความเห็นเรื่องข้าวกับกำนันทรง ตั้งแต่ยังไม่ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
"ผมแนะนำคุณทักษิณว่า นโยบ้าวต้องให้ชาวนาอยู่ได้ แต่ต้องไม่ให้ผู้บริโภคเดือดร้อน พอบอกเช่นนั้น คุณทักษิณก็ไม่ค่อนสนใจเท่าไหร่ แต่คุณทักษิณบอกเลยว่าต้องจำนำข้าวแน่ ผมก็บอกไปว่าจำนำข้าวจะมีการรั่วไหลเยอะ ถ้าท่านอยากเป็นนายกฯตลอดกาล ท่านไปจัดหาแหล่งน้ำดีกว่ามาทำเรื่องจำนำ ถ้าทำอย่างนั้นได้จะเป็นประโยชน์กับเกษตรกร เพราะเมื่อเกษตรกรมีแหล่งน้ำเพาะปลูก แรงงานก็จะไม่ไหลมาอยู่ในกทม."
แต่หลังจากพ.ต.ท.ทักษิณก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ เขาก็เดินหน้านโยบายรับจำนำข้าว และ ท่าข้าวกำนันทรงก็เป็นหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรับจำนำข้าว จนต้องปิดตัวลงในปี 2549
"กำนันทรง" ยังเปรียบเทียบนโยบายรับจำนำข้าวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรว่า ทุกนโยบายมีการทุจริตเหมือนกันหมด แต่รูปแบบและผู้ได้รับประโยชน์จากการทุจริตต่างกัน
"รัฐบาลของคุณทักษิณรับจำนำข้าว รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ ใช้ประกันราคาข้าว รวมความแล้วถ้าจะโกงก็โกงทุกรัฐบาล แต่วิธีการโกงประกันราคาข้าวส่วนใหญ่ชาวนาโกงรัฐบาล เช่นมีที่ดินที่ไม่ทำนาก็มาอ้างว่าทำนา มาขึ้นทะเบียนแต่จริงๆไม่ได้ปลูกข้าว แต่ชาวนาโกงผมก็ว่าเงินไม่ได้มากเท่าไหร่"
ส่วนรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ซื้อข้าวเกวียนละ1.5 หมื่น จริงๆจะซื้อ 2 หมื่น 3 หมื่นก็ได้เพราะไม่ใช่เงินขงตัวเอง มันเป็นเงินภาษีอากรของประชาชน สุดท้ายข้าวก็ไปกองอยู่ในโกดัง รัฐบาลมีอำนาจจะซื้อเอง ขายเองก็ได้ หรือจะเปิดประมูลโดยวิธีการอะไรก็ได้ เพราะเขามีอำนาจ จะทำอะไรก็ได้ คือก็มีการโกง แต่ไม่ใช่โกงหลากหลาย โกงคนเดียวเลย ประกันราคาข้าวชาวนาโกงหลายล้านคน แต่จำนำข้าวพวกหลายล้านคนไม่ต้องโกง โกงคนเดียว
"กำนันทรง"บอกว่า ในฐานะที่เป็นพลเมืองคนหนึ่ง อยากฝากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำที่เป็นหัวใจสำคัญของเกษตรกร และราคาข้าวก็อย่าให้แพงเกินไปจนกรรมกรเดือดร้อน ส่วนการคอร์รัปชั่นมันมีมาทุกสมัย ขึ้นอยู่กับว่าจะมีมากหรือน้อย จึงอยากขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เอาใจใส่ให้การทุจริตเบาบางลง แต่จะให้ได้ 100% คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์พยายมเรื่องแหล่งน้ำ ปลูกป่า และโครงการพระราชดำริต่างๆ ได้คุณยิ่งลักษณ์จะเป็นนายกฯอีก
ที่มาหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจออนไล
รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์จะซื้อเกวียนละ 2 หมืน หรือ 3 หมื่นก็ได้ เพราะไม่ใช่เงินคุณยิ่งลักษณ์ มันเป็นเงินภาษีอากรของประชาชน แล
นี่คือมุมมองของ "กำนันทรง"หรือ ทรง องค์ชัยวัฒนะ ผู้ก่อตั้งตลาดกลางค้าข้าวแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2508 ที่อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ หรือที่รู้จักกันในนาม "ท่าข้าวกำนันทรง" ตลาดกลางซื้อขายข้าวเปลือกใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่สะท้อนความเป็นห่วงภาระที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนทั้งประเทศจากการดำเนินโครงการรับจำข้าวทุกเมล็ด ตันละ 15,000 บาทของรัฐบาล
ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในวงการค้าข้าวมานานกว่า 40 ปี ท่าข้าวกำนันทรง จึงเป็นพื้นที่ต้อนรับนายกฯ ตั้งแต่ยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ บรรหาร ศิลปอาชา และชวน หลีกภัย ที่ลงไปขอความเห็นนโยบายข้าว ถึง จ.นครสวรรค์
เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ลงไปขอความเห็นเรื่องข้าวกับกำนันทรง ตั้งแต่ยังไม่ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
"ผมแนะนำคุณทักษิณว่า นโยบ้าวต้องให้ชาวนาอยู่ได้ แต่ต้องไม่ให้ผู้บริโภคเดือดร้อน พอบอกเช่นนั้น คุณทักษิณก็ไม่ค่อนสนใจเท่าไหร่ แต่คุณทักษิณบอกเลยว่าต้องจำนำข้าวแน่ ผมก็บอกไปว่าจำนำข้าวจะมีการรั่วไหลเยอะ ถ้าท่านอยากเป็นนายกฯตลอดกาล ท่านไปจัดหาแหล่งน้ำดีกว่ามาทำเรื่องจำนำ ถ้าทำอย่างนั้นได้จะเป็นประโยชน์กับเกษตรกร เพราะเมื่อเกษตรกรมีแหล่งน้ำเพาะปลูก แรงงานก็จะไม่ไหลมาอยู่ในกทม."
แต่หลังจากพ.ต.ท.ทักษิณก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ เขาก็เดินหน้านโยบายรับจำนำข้าว และ ท่าข้าวกำนันทรงก็เป็นหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรับจำนำข้าว จนต้องปิดตัวลงในปี 2549
"กำนันทรง" ยังเปรียบเทียบนโยบายรับจำนำข้าวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรว่า ทุกนโยบายมีการทุจริตเหมือนกันหมด แต่รูปแบบและผู้ได้รับประโยชน์จากการทุจริตต่างกัน
"รัฐบาลของคุณทักษิณรับจำนำข้าว รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ ใช้ประกันราคาข้าว รวมความแล้วถ้าจะโกงก็โกงทุกรัฐบาล แต่วิธีการโกงประกันราคาข้าวส่วนใหญ่ชาวนาโกงรัฐบาล เช่นมีที่ดินที่ไม่ทำนาก็มาอ้างว่าทำนา มาขึ้นทะเบียนแต่จริงๆไม่ได้ปลูกข้าว แต่ชาวนาโกงผมก็ว่าเงินไม่ได้มากเท่าไหร่"
ส่วนรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ซื้อข้าวเกวียนละ1.5 หมื่น จริงๆจะซื้อ 2 หมื่น 3 หมื่นก็ได้เพราะไม่ใช่เงินขงตัวเอง มันเป็นเงินภาษีอากรของประชาชน สุดท้ายข้าวก็ไปกองอยู่ในโกดัง รัฐบาลมีอำนาจจะซื้อเอง ขายเองก็ได้ หรือจะเปิดประมูลโดยวิธีการอะไรก็ได้ เพราะเขามีอำนาจ จะทำอะไรก็ได้ คือก็มีการโกง แต่ไม่ใช่โกงหลากหลาย โกงคนเดียวเลย ประกันราคาข้าวชาวนาโกงหลายล้านคน แต่จำนำข้าวพวกหลายล้านคนไม่ต้องโกง โกงคนเดียว
"กำนันทรง"บอกว่า ในฐานะที่เป็นพลเมืองคนหนึ่ง อยากฝากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำที่เป็นหัวใจสำคัญของเกษตรกร และราคาข้าวก็อย่าให้แพงเกินไปจนกรรมกรเดือดร้อน ส่วนการคอร์รัปชั่นมันมีมาทุกสมัย ขึ้นอยู่กับว่าจะมีมากหรือน้อย จึงอยากขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เอาใจใส่ให้การทุจริตเบาบางลง แต่จะให้ได้ 100% คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์พยายมเรื่องแหล่งน้ำ ปลูกป่า และโครงการพระราชดำริต่างๆ ได้คุณยิ่งลักษณ์จะเป็นนายกฯอีก
ที่มาหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจออนไล