ตอนนี้ใครๆก็ชอบขุดคุ้ยเหตุการณ์ในอดีตกันค่ะ
ใครทำอะไรไว้...ตามล่าหาความจริงมาเปิดเผยกัน
เช่น..น้องเบส..ผ่านไปเกือบปีเพื่งจะรู้ตัวว่าพูดจาน่าตำหนิ..
ช่างรู้สึกตัวช้าเสียจริงๆ มัวนอนหลับหรือมีคนสะกิดให้ทำ
มาดูเรื่องปากท้องกันดีกว่าค่ะ เรื่องข้าวที่มีปัญหามาทุกสมัย
ใครๆอย่ามาเถียงว่าไม่มีคนเตือนว่า...
"รัฐบาลจะพังเพราะจำนำข้าว.."
ดร.โกร่ง วีรพงษ์ รามางกูร สับจำนำข้าวอีกรอบ
เขียนบน กรกฎาคม 18, 2013
ดร.โกร่ง วีรพงษ์ รามางกูร สับจำนำข้าวอีกรอบ
12 กค.นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ กล่าวในการปาฐกถาพิเศษภาคเกษตรไทยในทศวรรษหน้า ระบุว่า รัฐบาลคงไม่สามารถดำเนินนโยบายจำนำข้าวเป็นระยะเวลานานได้ เพราะจะกระทบต่อฐานะการคลังของประเทศ ทำให้เกิดวิกฤติการเงินและสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อส่วนรวม เขาบอกว่า ท้ายที่สุดรัฐบาลต้องยกเลิกการอุดหนุนราคาสินค้าเกษตร เพราะมีผลต่อฐานะของประเทศ ซึ่งรัฐบาลควรส่งเสริมภาคเกษตร 3 เรื่องหลัก คือ ลดต้นทุนด้านขนส่งให้ครบวงจร การเจรจาการค้ากับต่างประเทศ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มการวิจัยการเกษตรให้มากขึ้น ทั้งยังต้องปรับนโยบายลดการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรดั้งเดิม เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และส่งเสริมสินค้าเกษตรทางเลือก เช่น ปาล์มน้ำมัน สินค้าประมง และไม้โตเร็ว ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่อง “ภาคการเกษตรถือว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก มีการจ้างงานร้อยละ 30 ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งแม้จะมีสัดส่วนต่อจีดีพีเพียงร้อยละ 10 แต่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกจำนวนมาก เพราะกลายเป็นวัตถุดิบต่อเนื่องให้ภาคอุตสาหกรรม ทำให้เกิดภาคการขนส่งและการส่งออกสร้างรายได้กับประเทศได้กว่าร้อยละ 80 จึงเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ควรพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” นายวีรพงษ์กล่าว
หลังจากนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ระบุหากรัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่อไป จะอันตรายต่อฐานะการคลังและเกิดวิกฤติการเงินว่า ยังไม่เห็นว่าจะมีสัญญาณอะไรที่บอกว่าจะเป็นอันตรายต่อฐานะการคลัง ซึ่งรัฐบาลยืนยันที่จะเดินหน้าดูแลเกษตรกรต่อไป โดยมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อ
ฐานะทางการคลัง เนื่องจากปัจจุบันตัวเลขต่างๆ อาทิ อัตราหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ตัวเลขการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลก็ยังขยายตัวได้ตามเป้า ขณะที่ตัวเลขดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดยังอยู่ในกรอบที่เหมาะสม นายกิตติรัตน์กล่าวว่า รัฐบาลจะยังคงนโยบายรับจำนำข้าวที่ตันละ 1.5 หมื่นบาทต่อไป เนื่องจากยังสามารถที่จะบริหารจัดการในส่วนดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะใช้งบประมาณในการดำเนินและดูแลโครงการดังกล่าวให้อยู่ในระดับที่เหมาะ สม ไม่ให้กระทบกับฐานะทางการคลัง เพราะต้องการให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้การอุปโภคบริโภคภายในประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่มีการกลับไปใช้โครงการประกันราคาสินค้าเกษตรอีกอย่าง แน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นชัดเจนแล้วว่า โครงการรับจำนำข้าวมีประโยชน์มากกว่าโครงการดังกล่าว เพราะทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลมายังเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ด้วย
ดร.โกร่ง ก่อนโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเริ่มต้นเสียด้วยซ้ำ ดร.โกร่งเคยเตือนรัฐบาลว่าโครงการรับจำนำข้าวจะไปไม่รอด จะขาดทุน ก่อความเสียหายแก่ประเทศถึงขนาดที่จะหายนะได้ทีเดียว แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ฟัง จนบัดนี้รับจำนำข้าวไปได้เพียง 3 ฤดูกาลขาดทุนไปแล้ว 2.6 แสนล้านบาท การออกมาเตือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์อีกครั้งจึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอันตรายที่ น่ารับฟังเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนดร.กิตติรัตน์นั้น เป็นรัฐมนตรีคลังที่เคยได้รับฉายาว่าเป็นนักการเมือง “โกหกสีขาว” ถ้าโครงการรับจำนำข้าวดีจริงคงไม่ประกาศลดราคาจำนำข้าวจากตันละ 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาท และกลืนน้ำลายตนเองกลับมาขึ้นราคาเดิมหลังจากนั้นเพียง 10 กว่าวัน เพราะกลัวชาวนาถล่ม
http://www.thaisocialist.com/word/?p=1148
สับเละเทะ....ยิ่งกว่าโจ๊กใส่ไข่เลยค่ะ
((มาลาริน)) สังคมกำลังย้อนอดีตน้องเบสกัน..เรามาย้อนอดีตกันดูบ้างค่ะ..มันน่าชื่นมื่น..ดร.โกร่งเตือน รบ.จะพังเพราะจำนำข้าว
ใครทำอะไรไว้...ตามล่าหาความจริงมาเปิดเผยกัน
เช่น..น้องเบส..ผ่านไปเกือบปีเพื่งจะรู้ตัวว่าพูดจาน่าตำหนิ..
ช่างรู้สึกตัวช้าเสียจริงๆ มัวนอนหลับหรือมีคนสะกิดให้ทำ
มาดูเรื่องปากท้องกันดีกว่าค่ะ เรื่องข้าวที่มีปัญหามาทุกสมัย
ใครๆอย่ามาเถียงว่าไม่มีคนเตือนว่า...
"รัฐบาลจะพังเพราะจำนำข้าว.."
ดร.โกร่ง วีรพงษ์ รามางกูร สับจำนำข้าวอีกรอบ
เขียนบน กรกฎาคม 18, 2013
ดร.โกร่ง วีรพงษ์ รามางกูร สับจำนำข้าวอีกรอบ
12 กค.นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ กล่าวในการปาฐกถาพิเศษภาคเกษตรไทยในทศวรรษหน้า ระบุว่า รัฐบาลคงไม่สามารถดำเนินนโยบายจำนำข้าวเป็นระยะเวลานานได้ เพราะจะกระทบต่อฐานะการคลังของประเทศ ทำให้เกิดวิกฤติการเงินและสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อส่วนรวม เขาบอกว่า ท้ายที่สุดรัฐบาลต้องยกเลิกการอุดหนุนราคาสินค้าเกษตร เพราะมีผลต่อฐานะของประเทศ ซึ่งรัฐบาลควรส่งเสริมภาคเกษตร 3 เรื่องหลัก คือ ลดต้นทุนด้านขนส่งให้ครบวงจร การเจรจาการค้ากับต่างประเทศ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มการวิจัยการเกษตรให้มากขึ้น ทั้งยังต้องปรับนโยบายลดการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรดั้งเดิม เช่น ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และส่งเสริมสินค้าเกษตรทางเลือก เช่น ปาล์มน้ำมัน สินค้าประมง และไม้โตเร็ว ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่อง “ภาคการเกษตรถือว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก มีการจ้างงานร้อยละ 30 ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งแม้จะมีสัดส่วนต่อจีดีพีเพียงร้อยละ 10 แต่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกจำนวนมาก เพราะกลายเป็นวัตถุดิบต่อเนื่องให้ภาคอุตสาหกรรม ทำให้เกิดภาคการขนส่งและการส่งออกสร้างรายได้กับประเทศได้กว่าร้อยละ 80 จึงเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ควรพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” นายวีรพงษ์กล่าว
หลังจากนั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ระบุหากรัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวต่อไป จะอันตรายต่อฐานะการคลังและเกิดวิกฤติการเงินว่า ยังไม่เห็นว่าจะมีสัญญาณอะไรที่บอกว่าจะเป็นอันตรายต่อฐานะการคลัง ซึ่งรัฐบาลยืนยันที่จะเดินหน้าดูแลเกษตรกรต่อไป โดยมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อ
ฐานะทางการคลัง เนื่องจากปัจจุบันตัวเลขต่างๆ อาทิ อัตราหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ตัวเลขการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลก็ยังขยายตัวได้ตามเป้า ขณะที่ตัวเลขดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดยังอยู่ในกรอบที่เหมาะสม นายกิตติรัตน์กล่าวว่า รัฐบาลจะยังคงนโยบายรับจำนำข้าวที่ตันละ 1.5 หมื่นบาทต่อไป เนื่องจากยังสามารถที่จะบริหารจัดการในส่วนดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะใช้งบประมาณในการดำเนินและดูแลโครงการดังกล่าวให้อยู่ในระดับที่เหมาะ สม ไม่ให้กระทบกับฐานะทางการคลัง เพราะต้องการให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้การอุปโภคบริโภคภายในประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่มีการกลับไปใช้โครงการประกันราคาสินค้าเกษตรอีกอย่าง แน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นชัดเจนแล้วว่า โครงการรับจำนำข้าวมีประโยชน์มากกว่าโครงการดังกล่าว เพราะทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลมายังเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ด้วย
ดร.โกร่ง ก่อนโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเริ่มต้นเสียด้วยซ้ำ ดร.โกร่งเคยเตือนรัฐบาลว่าโครงการรับจำนำข้าวจะไปไม่รอด จะขาดทุน ก่อความเสียหายแก่ประเทศถึงขนาดที่จะหายนะได้ทีเดียว แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ฟัง จนบัดนี้รับจำนำข้าวไปได้เพียง 3 ฤดูกาลขาดทุนไปแล้ว 2.6 แสนล้านบาท การออกมาเตือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์อีกครั้งจึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอันตรายที่ น่ารับฟังเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนดร.กิตติรัตน์นั้น เป็นรัฐมนตรีคลังที่เคยได้รับฉายาว่าเป็นนักการเมือง “โกหกสีขาว” ถ้าโครงการรับจำนำข้าวดีจริงคงไม่ประกาศลดราคาจำนำข้าวจากตันละ 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาท และกลืนน้ำลายตนเองกลับมาขึ้นราคาเดิมหลังจากนั้นเพียง 10 กว่าวัน เพราะกลัวชาวนาถล่ม
http://www.thaisocialist.com/word/?p=1148
สับเละเทะ....ยิ่งกว่าโจ๊กใส่ไข่เลยค่ะ