Lausanne: เยี่ยมบ้านของย่าและพ่อหลวงรัชกาลที่ 9

สวัสดีค่ะ

เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงจะรู้สึกคล้าย ๆ กันในช่วงเวลานี้ ... ในเวลาที่ วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 นั้นได้ใกล้เข้ามาทุกที ทุก ที ...

วันนี้ (21 ตุลาคม) เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญคือ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 และเพื่อน้อมรำลึกถึงสมเด็จย่า ครอบครัวของเราขอแบ่งปันประสบการณ์ ที่ได้ไปโลซานน์ ... เมืองที่ถือว่าเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งของสมเด็จย่าและลูก ๆ





สมเด็จย่า


3 ปีที่แล้ว ครอบครัวของพวกเราวางแผนไปโลซานน์ เพื่อตามไปดูสถานที่ที่พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเคยประทับอยู่ ก่อนที่จะไปโลซานน์ ฉันได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับพ่อหลวงในโลซานน์ทางอินเตอร์เน็ต เพราะเป็นแหล่งข้อมูลแหล่งเดียวที่สามารถหาได้ในเวลานั้น เมื่อได้อ่านเรื่องราวการใช้ชีวิตของท่านในโลซานน์ ฉันก็ยิ่งเกิดความประทับใจในคนคนหนึ่งขึ้นมาอย่างมาก นั่นก็คือ … สมเด็จย่า

ตอนที่ฉันเด็ก ๆ สมเด็จย่าท่านก็อายุมากแล้ว แต่ภาพที่ยังติดตาฉันอยู่ในทุกวันนี้ก็คือ ภาพของผู้หญิงใส่แว่น ตัวเล็ก ๆ ท่าทางใจดี ดูกระฉับกระเฉง และมักจะแต่งตัวอย่างเรียบง่าย มีหลายเรื่องของท่านที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน เรื่องราวการเดินทางมาที่โลซานน์และการใช้ชีวิตของท่านที่นี่ ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก

ในฐานะที่ฉันเองก็เป็นแม่คนหนึ่งที่ต้องเลี้ยงลูกในต่างแดน ฉันรู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเลี้ยงลูกให้คงความเป็นไทยทั้งทางมารยาทและภาษา สำหรับคนธรรมดาก็ว่ายากแล้ว แต่สำหรับแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกที่จะไปทำหน้าที่ของกษัตริย์ในอนาคต คงจะยากเกินกว่าจะสามารถบรรยายได้

สำหรับฉัน สมเด็จย่าจึงเป็นแบบอย่างของผู้หญิงที่ฉลาดและเข้มแข็ง และเป็นต้นแบบของแม่ที่เลี้ยงลูกในต่างแดนได้ดีอย่างแท้จริง



(มกราคม 2471 , จากหนังสือ King Bhumibol and the Thai Royal Family in Lausanne)



“ลูกของหม่อมฉัน หม่อมฉันรักอย่างดวงใจ และหม่อมฉันมีความตั้งใจอยู่เสมอที่จะนำให้ลูกไปในทางที่ถูกที่ดี สำหรับจะได้เป็นประโยชน์แต่ตัวเอง ญาติ และบ้านเมือง ตัวของหม่อมฉันเองทำประโยชน์อะไรให้บ้านเมืองไม่ได้มาก แต่ถ้าได้ช่วยลูก ๆ ให้ได้รับความอบรมและเล่าเรียนในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองได้แล้ว หม่อมฉันก็จะรู้สึกอิ่มใจเหมือนกัน”
(ข้อความในจดหมายที่สมเด็จย่าเขียนถึงสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า วันที่ 12 กรกฎาคม 2476)




ครอบครัวของพวกเราในโลซานน์ ปี 2557

 
กลางเดือนสิงหาคม 2557 พวกเรานั่งเครื่องบินมาลงที่เมืองเจนีวา แล้วนั่งรถไฟไม่ถึง 1 ชั่วโมงไปเมืองโลซานน์ พวกเราอยู่ที่โลซานน์ 5 วัน ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังเมืองอื่น ๆ ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์




พวกเราเช่าอพาร์ตเม้นท์จาก airbnb เพราะต้องการใช้ชีวิตแบบคนเมืองโลซานน์ให้ได้มากที่สุด เราได้อพาร์ตเมนต์หนึ่งห้องนอน อยู่ชั้นล่าง มีสวนเล็ก ๆ หลังห้อง เจ้าของห้องเป็นหญิงสาวใจดีได้จัดเตรียมของเล่นไว้ให้ลูกเราด้วย เราไม่ได้เจอหน้ากันแต่มีเรื่องให้ต้องติดต่อกันทางโทรศัพท์ เพราะพวกเราดันเดินหาอพาร์ตเมนท์ไม่เจอ เรากดรหัสลับตรงหน้าประตูตึกเพื่อปลดล็อคประตู เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นแรกแล้วกดกริ่งหน้าห้อง เพื่อนเจ้าของห้องเปิดประตูออกมาต้อนรับพวกเรา เกือบทุก ๆ วัน พวกเราจะแวะซื้ออาหารจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแถว ๆ ที่พัก ตอนเย็นเราก็ทำอาหารเหมือนอยู่ที่บ้าน




โดยบังเอิญ ที่พักของพวกเราอยู่บนถนนเส้นเดียวกับสถานพยาบาลมองซัวซีส์ (Clinique Montchoisi) สถานที่ประสูติของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ



จากวงเวียนหน้าสถานพยาบาลเดินตรงไปทางทะเลสาบเลอมอง (Lac Léman) จะมีทางเดินตรงไปยัง Olympic Museum พวกเราใช้เส้นทางนี้เดินไปยังทะเลสาบเลอมองอยู่หลายครั้ง



ถ้าเดินเลียบทะเลสาบไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอสถานที่สำคัญ ๆ ของคนไทย เช่น โรงแรมที่สมเด็จย่าเคยมาฮันนีมูน, สวนสาธารณะที่มีศาลาไทย, ทะเลสาบเลอมองเขตปุยยีที่พ่อหลวงและรัชกาลที่ 8 ทรงเล่นเรือใบช่วงหน้าร้อน



การเดินทางในโลซานน์ครั้งนี้ พวกเราเดินเท้ากันตลอด บางทีลูกก็เดินเอง บางทีพ่อก็เอาลูกขี่คอเดิน สลับกับการที่พ่อแม่ผลัดกันแบกลูกใส่เป้อุ้ม ถ้าลูกเหนื่อยหรือง่วงก็หลับคาเป้อุ้มได้เลย ที่นี่พวกเราต้องเดินขึ้นเดินลงเนินอยู่บ่อย ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสมเด็จย่าท่านจึงสามารถเดินพิชิตยอดดอยอินทนนท์ได้ ในขณะที่มีอายุ 64 ปีครึ่ง!


ในระหว่างที่พวกเราเดินในโลซานน์ เราก็พยายามจินตนาการกันว่า เมื่อประมาณ 60-80 ปีก่อน สภาพถนนที่เราเดิน บ้านเรือนที่เราผ่าน มันจะประมาณไหน ส่วนตัวแล้วคิดว่า ถ้าไม่นับอาคารสมัยใหม่ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากตอนนี้เท่าไรนัก นอกจากจะมีรถราเพิ่มขึ้น มีคนเยอะมากขึ้น แต่โลซานน์ก็ถือว่ายังเป็นเมืองที่สงบอยู่มาก
 
ถนนแถว ๆ ด้านหลังสถานีรถไฟโลซานน์



เห็นโบสถ์ใหญ่ประจำเมืองอยู่ไกล ๆ ตรงจุดนี้มีนกพิราบอยู่เยอะทีเดียว



สวนสาธารณะ ที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านที่พักอาศัย



ในเมืองมีกิจกรรมที่จะพยายามทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้น หนึ่งในนั้นคือ Lausanne Jardins Festival ที่จัดในช่วงหน้าร้อน โดยเปิดโอกาสให้คนมาตกแต่งจัดสวนตามถนน หลังคา ระเบียง พื้นที่ปล่อยร้างในตัวเมือง งานครั้งต่อไปจะมีในปี 2562 เป็นครั้งที่ 6



ตลาดวันเสาร์บริเวณลานหน้า Palais de Rumine พวกเรานึกถึงภาพที่สมเด็จย่าและลูก ๆ ออกมาเดินจ่ายตลาดเมื่อ 80 ปีก่อน โบสถ์ด้านหลัง คือ Lausanne Cathedral โบสถ์ใหญ่ประจำเมืองโลซานน์



ภายในโบสถ์ Lausanne Cathedral น่าจะคงสภาพเดิมกับเมื่อ 80 ปีก่อน




ข้อความที่คนมือบอนเขียนทิ้งเอาไว้ แต่มันก็จริงแท้ทีเดียว พวกเราก็รู้สึกอย่างนี้ในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่



“The street is the best museum.”





แผนที่เมือง และ สถานที่สำคัญของคนไทย



แผนที่นี้พวกเราใช้ตอนเดินเที่ยวในโลซานน์ โดยได้มาร์คจุดสำคัญ ๆ เอาไว้บนแผนที่ แต่ก็ยังขาด สถานเลี้ยงเด็กชองโซเลย์ (Champ Soleil) และโรงเรียนประถมเมียร์มองต์ (Ecole Miremont) ที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน รู้แต่ว่าในเมืองโลซานน์มีถนนชื่อ Champ Soleil ด้วย



 
1. สถานีรถไฟเมืองโลซานน์
2. โรงแรม Beau-Rivage Palace Hotel สมเด็จย่าเคยมาพักที่นี่ระหว่างฮันนีมูนในพ.ศ. 2463 (Chemin de Beau-Rivage 21)
3. อพาร์ตเมนท์หลังแรกของครอบครัวมหิดล (Avenue Auguste-Tissot 16/ Avenue Tissot 16)
4. ตลาดแถวโบสถ์ Eglise Saint-François ที่สมเด็จย่าท่านมาบ่อย ๆ (Place Saint-François)
5. โรงเรียน Ecole Nouvelle de la Suisse Romande (Chemin de Rovéréaz 20)
6. พระตำหนักวิลล่าวัฒนา (Chemin de Chamblandes 51)
7. ศาลาไทย, สวนสาธารณะเดอน็องตู (Denantou)
8. ตึกหลังหนึ่งของ Lausanne University สมัยก่อน (Palais de Rumine, Place de la Riponne 6)
9. อพาร์ตเมนท์ที่สมเด็จย่าแยกออกมาอยู่ หลังพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงอภิเษกสมรส (Av. de l’ Avant-Poste 19)
10. สถานพยาบาล Montchoisi ที่ประสูติของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ (สุดถนน Avenue Fantaisie, ทางเข้าอยู่ที่ Chemin des Allinges 10)


มาตามรอยครอบครัวของสมเด็จย่าและพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยกันนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่