ก่อนอื่นอยากให้เข้าไปดูว่าทำไมปี 54 ถึงน้ำท่วมหนักกันก่อน
ที่มา http://www.thaiwater.net/current/menu.html
ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลของปี54

ถ้าเรามาย้อนดูภาพข้อมูลน้ำท่วม 11 ปี ย้อนหลัง  แสดงให้เห็นว่า จุดๆไหนที่มีน้ำท่วมบ่อยที่สุด

ขอโฟกัสเฉพาะภาคกลางและกทม.  (ภาคเหนือไม่ขอพูดถึงเพราะ ท่วมขังไม่นาน น้ำก็ไหลลงสู้พื้นที่ต่ำกว่าอย่างรวดเร็ว)
ลักษณะพื้นที่ของภาคกลางจะเป็นพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำ เวลาฤดูน้ามา ก็จะไหลรวมลงในพื้นที่ที่ต่ำกว่าเป็นประจำ จึงทำให้เกิดน้ำท่วมขัง จึงเหมาะแก่การปลูกข้าว  ซึ่งเป็นลักษณะทางกายภาพของภาคกลาง

ถ้าเรามาดูเฉพาะโซนภาคกลางตอนบน
อำเภอที่น้ำท่วมแทบจะตลอดทุกๆครั้งโดยแม่น้ำที่ไหลผ่านจุดๆนี้ก็จะเป็นแม่น้ำยม ซึ่งแม่น้ำยมเป็นแม่น้ำสายเดียวที่ยังไม่มีเขื่อนกั้น (ฤดูแล้งก็แล้งหนัก ฤดูฝนก็ท่วมทุกปี ถ้ามีเขื่อนหน้าแล้งก็ปล่อยน้ำจากเขื่อนหน้าฝนก็เก็บน้ำไว้ใช้หน้าแล้งได้) จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมปริมาณน้ำหลากได้ เวลาหน้าน้ำก็จะท่วมพื้นที่นี้เป็นประจำ
แม้น้ำยมเพิ่งจะแล้งไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเอง ตอนนี้ท่วมอีกแล้ว

หลังจากเมื่อน้ำมารวมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่ นครสวรรค์แล้ว เขื่อนเจ้าพระยาจังหวัด ชัยนาท จะเป็นผู้ควบคุมน้ำ อีกที
เมื่อน้ำไหลลงมาเขตภาคกลางตอนล่าง น้ำก็จะไหลลงไปในแอ่งกระทะขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วย พื้นที่ที่ท่วมเป็นประจำทุกๆปีตามภาพ

และเวลาน้ำท่วม(ในพื้นที่เดิมๆ)ทีไรนักข่าวทุกสำนักก็จะหามุมน้ำท่วมที่ดูน่ากลัวเกินความจริงมารายงานทุกๆครั้ง ทำให้ประชาชนตื่นตกใจตลอด


ถ้าเราจะตรวจสอบเองคร่าวๆว่า น้ำจะท่วมหนักเหมือนปี 54 มั้ย ก็ลองเข้าไปที่เวบ http://www.thaiwater.net/v3/
เพื่อดูปริมาณน้ำในเขื่อนและปริมาณน้ำเก็บสะสมไว้หน้าแล้ง  
   ถ้าหากน้ำเก็บสะสมน้อย โอกาสที่น้ำจะท่วมก็น้อยตามไปด้วย
   ถ้าหากน้ำเก็บสะสมมาก และจำนวนวันที่จะหมดฤดูฝนเหลือมาก (แปลว่ายังมีน้ำฝนตกได้อีกมาก) ก็จะมีโอกาสท่วมมากขึ้น
   ถ้าหากน้ำเก็บสะสมมาก แต่จำนวนวันเหลือน้อยแล้ว (จะหมดฤดูฝนแล้ว) โอกาสที่น้ำจะท่วมก็จะน้อยเช่นกัน
อย่างเช่นแบบนี้อีกไม่กี่วันก็จะหมดฤดูฝนแล้ว จึงสรุปได้ว่าปีนี้ กรุงเทพไม่ได้ท่วมแบบนั้นอีกแน่นอน


นานๆจะโพสซักที ถ้าข้อมูลไม่ครบขออภัยด้วยครับ