เราย้ายมาอยู่ตปท.กับสามีได้ปีกว่าแล้วค่ะ แต่ก่อนหน้านี้ต้องอาศัยอยู่กับพ่อแม่สามีเพราะไม่สามารถหาบ้านอยู่ได้ (ประเทศที่เราอยู่มีปัญหาเรื่องที่อยู่ไม่พออาศัย) เราก็ทำตัวเหมือนที่บ้านเราสอนมาค่ะว่าทำตัวให้เหมือนอยู่บ้านตัวเอง เราข่วยเค้าทำความสะอาด ซักผ้า ทำอาหารให้เกือบทุกวัน ดูแลบ้านให้ พูดได้ว่าช่วยลดภาระให้พ่อแม่สามีไปได้เยอะเพราะทั้งคู่ทำงาน จนได้ฉายาลูกสะใภ้ดีเด่นจากเพื่อนๆของพ่อแม่สามี แล้วเราก็เข้ากับน้องชายของสามีได้ดีเพราะรู้จักกันมาก่อน
ปัญหามาเริ่มตอนนัองชายมีแฟนค่ะ ตอนแรกพวกเราตื่นเต้นกันมาก อยากเจอแฟนน้องสุดๆแต่พอเจอแล้วไม่เป็นอย่างที่เราหวังไว้กัน แฟนน้องไม่มีมารยาทและหยาบคายมาก พ่อกับแม่ก็อึ้งๆกันไปค่ะเพราะไม่คิดว่าน้องจะไปคว้าคนแบบนี้มา ทุกคนคุยกันว่าเพื่อความสุขของน้องชายเราต้องพยายามอดทนกับพฤติกรรมแฟนน้องชายให้ได้ ซึ่งเราก็ทนค่ะทั้งๆที่เราไม่ชอบคนประเภทนี้
หลังจากนั้นน้องพาแฟนมางานแต่งงานของเราทั้งๆที่รู้จักกับแฟนได้สองเดือน แล้วแฟนน้องอยู่ในรูปงานแต่งเราแทบทุกรูป พอเสร็จพิธีพ่อแม่ก็พาไปเลี้ยงอาหารราคาแพง พอแฟนน้องทานเข้าไปก็พูดออกมาว่า ไม่เห็นจะอร่อย เงียบกันทั้งโต๊ะเลยค่ะ หลังจากนั้นแฟนน้องก็เริ่มแสดงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เชิญตัวเองมาบ้านในวันเกิดเราซึ่งเราขอทุกคนว่าเราไม่อยากฉลองวันเกิด เราอยากอยู่กับสามีแค่สองคน แต่แม่สามีบอกว่านั่นแฟนน้องต้องยอมรับให้ได้ เราก็โอเคค่ะ ยอมไปอีกหน มาทนไม่ไหวเอาตอนงานเลี้ยงแต่งงานที่จัดขึ้นสำหรับเพื่อนๆเท่านั้น แฟนน้องอยู่ๆโผล่มาบ้าน เดินแนะนำตัวเองกับแขกทุกคนแล้วก้เหมือนเคยค่ะ ร่วมถ่ายรูปอีกรอบ วันต่อมาเราเปิดดูเฟซบุคก็เห็นรูปงานปาร์ตี้แล้วเจอรูปน้องแฟนอีก เราสติขาดกดปิดเฟซบุคทำให้แม่สามีไม่พอใจบอกว่าเราทำตัวเป็นเด็ก สามีเราก็อธิบายไปว่า จะให้เรารู้สึกยังไง เรายอมทำตามพ่อแม่เค้าขอมาตลอด ไม่มีสิทธิเลือกกระทั่งคนที่จะมาร่วมงานแต่ง เราโดนบังคับให้ใช้เวลากับคนที่เราไม่ชอบเป็นเวลาหลายเดือนจะให้เรารู้สึกโอเคได้ไง แล้วตอนนั้นเรากับสามีจะรับแมวมาเลี้ยง แม่สามีก็ขู่ว่าถ้าไม่ยอมรับแฟนน้องก้ไม่ต้องเอาแมวมาอยู่บ้านนี้ ที่นี่บ้านชั้น พวกเธอต้องทำตามที่ชั้นบอก ตอนนั้นเรากับสามีโกรธมากถึงขั้นไม่คุยกับแม่สามี แต่ผ่านไปซักพักแม่สามีก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มาเป็นเรื่องอีกหนตอนสามีต้องย้ายไปเรียนต่ออีกเมืองแล้วหาที่อยู่ไม่ได้ จะได้หอพักอีกทีก็หนึ่งเดือนหลังจากเปิดเรียน แต่ตอนนั้นน้องชายได้หอพักแล้วในเมืองเดียวกัน และน้องชายก็เสนอให้สามีมาพักด้วยก่อนจะได้ไม่ต้องไปเช่าโรงแรม แฟนน้องก็แสดงออกทันทีค่ะว่าไม่ต้องการให้สามีไปอยู่ จนทะเลาะกับน้องชายใหญ่โตก่อนเธอจะยอมน้องชายในที่สุด ตอนนี้สามีเราได้หอพักตัวเองแต่น้องชายก็พยายามเสนอให้เรากับสามีใช้เวลากับน้องชายและแฟนน้องให้มากขึ้น เราก็ปฏิเสธไปด้วยเหตุผลว่าเหนื่อยจากงานบ้าง อยากอยู่เงียบๆบ้าง จนเมื่อวานน้องชายพิมพ์แชทมาหาเรื่องหอพักแล้วบอกว่าถ้าได้หอพักใหม่ น้องจะช่วยย้ายของ น้องคิดว่าหอพักสามีตอนนี้เล็กไปแล้วแฟนน้องก็จะช่วยขับรถย้ายของให้ เราก็ขอบคุณไปแต่ไม่ได้บอกว่าจะรับน้ำใจไว้ น้องพิมพ์ตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร ครอบครัวมีไว้เพื่อช่วยเหลือกัน เราปรี๊ดเลยค่ะ เพราะตลอดเวลาเราโดนเอาคำนี้มาบังคับให้เรายอมกับทุกอย่างตลอด แล้วแฟนน้องมาเป็นครอบครัวเราตอนไหน เราเลยบอกน้องไปว่าเราต้องคุยกันแล้วล่ะ
เมื่อวานเราได้คุยกับน้องแล้วบอกน้องไปตรงๆว่าเราไม่อยากใช้เวลากับแฟนน้อง เราไม่สามารถเป็นเพื่อนกับแฟนน้องได้ซึ่งเราพยายามแล้ว เราพยายามอย่างหนักจนเราเป็นฝ่ายเครียดและปวดหัวทุกครั้งที่เจอแฟนน้อง น้องก็บอกว่าน้องรู้ว่าเราไม่ชอบแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง หลังจากนั้นน้องก็โทรเล่าให้แม่สามีฟัง
แล้วก็เป็นเรื่องอีกรอบ แม่สามีต่อว่าสามีแรงมาก (ที่เค้าไม่คุยกับเราเพราะเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้) สามีเราก็โมโหแล้วว่าแม่ไปพร้อมกับยกตัวอย่างว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับแม่เอง แม่จะทำยังไง จบที่แม่สามีขู่ว่าต่อไปนี้จะไม่ช่วยเหลืออะไรเราอีกแล้วตัดสาย
คือเราคิดว่าเราก็ผิดที่ไม่สามารถยอมรับแฟนน้องได้ แต่นี่เป็นวันแรกในรอบครึ่งปีที่เรารู้สึกโล่งแบบบอกไม่ถูก โล่งมากที่ไม่ต้องตามใจแม่สามี โล่งมากที่ไม่ต้องคอยหาข้อแก้ตัวว่าทำไมไม่อยากเจอแฟนน้อง
ส่วนพ่อสามีแกเป็นคนดีนะคะ แกไม่มีปากเสียงใดๆในบ้านแต่แกมักจะให้กำลังใจเราเสมอ
ขอบคุณสำหรับพื้นที่ระบายค่ะ
อึดอัดกับแม่สามีและสมาชิกครอบครัวสามี
ปัญหามาเริ่มตอนนัองชายมีแฟนค่ะ ตอนแรกพวกเราตื่นเต้นกันมาก อยากเจอแฟนน้องสุดๆแต่พอเจอแล้วไม่เป็นอย่างที่เราหวังไว้กัน แฟนน้องไม่มีมารยาทและหยาบคายมาก พ่อกับแม่ก็อึ้งๆกันไปค่ะเพราะไม่คิดว่าน้องจะไปคว้าคนแบบนี้มา ทุกคนคุยกันว่าเพื่อความสุขของน้องชายเราต้องพยายามอดทนกับพฤติกรรมแฟนน้องชายให้ได้ ซึ่งเราก็ทนค่ะทั้งๆที่เราไม่ชอบคนประเภทนี้
หลังจากนั้นน้องพาแฟนมางานแต่งงานของเราทั้งๆที่รู้จักกับแฟนได้สองเดือน แล้วแฟนน้องอยู่ในรูปงานแต่งเราแทบทุกรูป พอเสร็จพิธีพ่อแม่ก็พาไปเลี้ยงอาหารราคาแพง พอแฟนน้องทานเข้าไปก็พูดออกมาว่า ไม่เห็นจะอร่อย เงียบกันทั้งโต๊ะเลยค่ะ หลังจากนั้นแฟนน้องก็เริ่มแสดงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เชิญตัวเองมาบ้านในวันเกิดเราซึ่งเราขอทุกคนว่าเราไม่อยากฉลองวันเกิด เราอยากอยู่กับสามีแค่สองคน แต่แม่สามีบอกว่านั่นแฟนน้องต้องยอมรับให้ได้ เราก็โอเคค่ะ ยอมไปอีกหน มาทนไม่ไหวเอาตอนงานเลี้ยงแต่งงานที่จัดขึ้นสำหรับเพื่อนๆเท่านั้น แฟนน้องอยู่ๆโผล่มาบ้าน เดินแนะนำตัวเองกับแขกทุกคนแล้วก้เหมือนเคยค่ะ ร่วมถ่ายรูปอีกรอบ วันต่อมาเราเปิดดูเฟซบุคก็เห็นรูปงานปาร์ตี้แล้วเจอรูปน้องแฟนอีก เราสติขาดกดปิดเฟซบุคทำให้แม่สามีไม่พอใจบอกว่าเราทำตัวเป็นเด็ก สามีเราก็อธิบายไปว่า จะให้เรารู้สึกยังไง เรายอมทำตามพ่อแม่เค้าขอมาตลอด ไม่มีสิทธิเลือกกระทั่งคนที่จะมาร่วมงานแต่ง เราโดนบังคับให้ใช้เวลากับคนที่เราไม่ชอบเป็นเวลาหลายเดือนจะให้เรารู้สึกโอเคได้ไง แล้วตอนนั้นเรากับสามีจะรับแมวมาเลี้ยง แม่สามีก็ขู่ว่าถ้าไม่ยอมรับแฟนน้องก้ไม่ต้องเอาแมวมาอยู่บ้านนี้ ที่นี่บ้านชั้น พวกเธอต้องทำตามที่ชั้นบอก ตอนนั้นเรากับสามีโกรธมากถึงขั้นไม่คุยกับแม่สามี แต่ผ่านไปซักพักแม่สามีก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มาเป็นเรื่องอีกหนตอนสามีต้องย้ายไปเรียนต่ออีกเมืองแล้วหาที่อยู่ไม่ได้ จะได้หอพักอีกทีก็หนึ่งเดือนหลังจากเปิดเรียน แต่ตอนนั้นน้องชายได้หอพักแล้วในเมืองเดียวกัน และน้องชายก็เสนอให้สามีมาพักด้วยก่อนจะได้ไม่ต้องไปเช่าโรงแรม แฟนน้องก็แสดงออกทันทีค่ะว่าไม่ต้องการให้สามีไปอยู่ จนทะเลาะกับน้องชายใหญ่โตก่อนเธอจะยอมน้องชายในที่สุด ตอนนี้สามีเราได้หอพักตัวเองแต่น้องชายก็พยายามเสนอให้เรากับสามีใช้เวลากับน้องชายและแฟนน้องให้มากขึ้น เราก็ปฏิเสธไปด้วยเหตุผลว่าเหนื่อยจากงานบ้าง อยากอยู่เงียบๆบ้าง จนเมื่อวานน้องชายพิมพ์แชทมาหาเรื่องหอพักแล้วบอกว่าถ้าได้หอพักใหม่ น้องจะช่วยย้ายของ น้องคิดว่าหอพักสามีตอนนี้เล็กไปแล้วแฟนน้องก็จะช่วยขับรถย้ายของให้ เราก็ขอบคุณไปแต่ไม่ได้บอกว่าจะรับน้ำใจไว้ น้องพิมพ์ตอบกลับมาว่าไม่เป็นไร ครอบครัวมีไว้เพื่อช่วยเหลือกัน เราปรี๊ดเลยค่ะ เพราะตลอดเวลาเราโดนเอาคำนี้มาบังคับให้เรายอมกับทุกอย่างตลอด แล้วแฟนน้องมาเป็นครอบครัวเราตอนไหน เราเลยบอกน้องไปว่าเราต้องคุยกันแล้วล่ะ
เมื่อวานเราได้คุยกับน้องแล้วบอกน้องไปตรงๆว่าเราไม่อยากใช้เวลากับแฟนน้อง เราไม่สามารถเป็นเพื่อนกับแฟนน้องได้ซึ่งเราพยายามแล้ว เราพยายามอย่างหนักจนเราเป็นฝ่ายเครียดและปวดหัวทุกครั้งที่เจอแฟนน้อง น้องก็บอกว่าน้องรู้ว่าเราไม่ชอบแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง หลังจากนั้นน้องก็โทรเล่าให้แม่สามีฟัง
แล้วก็เป็นเรื่องอีกรอบ แม่สามีต่อว่าสามีแรงมาก (ที่เค้าไม่คุยกับเราเพราะเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้) สามีเราก็โมโหแล้วว่าแม่ไปพร้อมกับยกตัวอย่างว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับแม่เอง แม่จะทำยังไง จบที่แม่สามีขู่ว่าต่อไปนี้จะไม่ช่วยเหลืออะไรเราอีกแล้วตัดสาย
คือเราคิดว่าเราก็ผิดที่ไม่สามารถยอมรับแฟนน้องได้ แต่นี่เป็นวันแรกในรอบครึ่งปีที่เรารู้สึกโล่งแบบบอกไม่ถูก โล่งมากที่ไม่ต้องตามใจแม่สามี โล่งมากที่ไม่ต้องคอยหาข้อแก้ตัวว่าทำไมไม่อยากเจอแฟนน้อง
ส่วนพ่อสามีแกเป็นคนดีนะคะ แกไม่มีปากเสียงใดๆในบ้านแต่แกมักจะให้กำลังใจเราเสมอ
ขอบคุณสำหรับพื้นที่ระบายค่ะ