ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนครับว่า...คำว่า "ประสบความสำเร็จ" ของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน
บางคนมองถึงตำแหน่งหน้าที่ บางคนมองในเรื่องรายได้ บางคนมองถึงความสมดุลระหว่างชีวิต
ส่วนตัวกับชีวิตการทำงาน หรืออื่นๆ แล้วแต่ว่าเราจะให้นิยามกับคำนี้ว่าอย่างไร
...สำหรับผมแล้ว เมื่อตัดสินใจเลือกทางเดินอาชีพมนุษย์เงินเดือนโดยทุ่มเททั้งแรงกายและ
แรงใจอย่างสุดตัวนั้น เคยตั้งเป้าหมายความสำเร็จของตนเอง ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานแรกๆ เอาไว้ว่า
"ต้องได้ร่วมงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และตำแหน่งก่อนเกษียณต้องไม่ต่ำกว่าผู้จัดการ"
ซึ่งในตอนนี้ผมอายุ 30 ปีแล้ว เหลือเวลาอีกประมาณ 20-25 ปีในการไล่ล่าความฝันที่ตั้งไว้...
ปัจจุบันผมทำงานอยู่ในบริษัทที่มีชื่อเสียงติดอันดับ TOP 5 ของโลก ในธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรม
ยานยนต์ ที่มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเมืองไทย ชื่อเสียงของแบรนด์สินค้าค่อนข้าง
เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนเรื่องรายได้หรือสวัสดิการก็ไม่ใช่เรื่องต้องกังวล เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ มีความโดดเด่นในเรื่องโบนัสและสวัสดิการต่างๆ พอสมควร
ความท้าทายที่ผมยังต้องพิสูจน์ตัวเองคือ ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน โดยต้องไปให้ถึง
ระดับผู้จัดการให้ได้ !!!
ผมทำงานในฝ่าย Administration ตำแหน่ง HR Officer (เจ้าหน้าที่ HR ตัวเล็กๆ)
บริษัทที่ทำงานอยู่ปัจจุบัน เป็นบริษัทที่ 2 ครับ ทำงานมาแล้ว 3 ปี (ประสบการณ์รวม 8 ปี)
(บริษัทแรกอยู่มา 5 ปี ชีวิตมีความสุขดีครับ ทั้งเรื่องงาน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และรายได้
แต่เมื่อโอกาสมาถึง ผมก็ไม่ปิดกั้นโอกาสของตัวเอง ที่จะได้ร่วมงานกับบริษัทระดับโลกครับ)
อีกหนึ่งความสำเร็จตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ที่ผมได้ร่วมงานในบริษัทปัจจุบันคือ
ผลการประเมินการปฏิบัติงานประจำปี โดยได้ผลการประเมินที่โดดเด่นกว่าพนักงานคนอื่นครับ
ซึ่งผมมีหลักการทำงาน ดังนี้ครับ
1.ไม่เลือกงาน ไม่เกี่ยงงาน : ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ งานมีมูลค่าหรืองานเบ๊ทั่วไป
เมื่อผู้บังคับบัญชามอบหมายแล้ว ผมจะทำมันให้ดีที่สุด โดยไม่เคยโบ๊ยว่า ต้องเป็นงานของ
คนนั้นหรืองานของคนนี้ เมื่อได้รับมอบหมายแล้วถือเป็นความรับผิดชอบของเราครับ
หรือแม้กระทั่งแผนกอื่นมาขอความช่วยเหลือ ถ้าไม่เกินความสามารถ ผมไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง
เพราะวันใดวันหนึ่งเราอาจจะต้องพึ่งพาเขา ดังนั้นสร้างมิตรดีกว่าศัตรู Service Mind เป็นเรื่องสำคัญ
2.ไม่เคยนินทาหัวหน้างานลับหลัง : ข้อเสียหนึ่งที่ผมพบเจอบ่อยๆ ของพนักงานออฟฟิศ
คือ ชอบนินทาหัวหน้างาน หรือผู้บังคับบัญชา ส่วนตัวผมเองไม่เคยที่จะนินทา แต่จะพยายาม
ทำความเข้าใจว่า ทำไมหัวหน้างานถึงตัดสินใจแบบนี้ ทำไมเขาถึงคิดแบบนี้ ถ้าเป็นเราจะตัดสินใจ
อย่างไร ถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา
3.ไม่แทงข้างหลังหรือนินทาเพื่อนร่วมงาน : โปรดจำไว้ว่าไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร
สำหรับพนักงานออฟฟิศ สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือ นินทาเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งให้เพื่อนร่วมงาน
อีกคนหนึ่งฟัง และเมื่อเพื่อนร่วมงานทำผิดพลาด ผมไม่เคยไปฟ้องหัวหน้างานเพื่อเอาหน้า หรือ
ซ้ำเติมเขา แต่สิ่งที่ผมเลือกทำคือให้คำปรึกษาหรือให้กำลังใจ (ถ้าผมไม่คิดไปเอง ผมเชื่อว่า
ผมค่อนข้างเป็นที่รักของหลายคนในออฟฟิศ เว้นแต่ว่าผมจะหลงตัวเอง หรือสำคัญตัวผิด)
4. หาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ เพื่อปรับใช้กับการทำงาน : ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก
โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับการทำงาน เช่น กฎหมายแรงงาน, หลักจิตวิทยาต่างๆ หรือชอบ
ที่จะขอบริษัทออกไปอบรมเกี่ยวกับความรู้ทางด้าน HR อยู่บ่อยๆ เมื่อไปอบรมกลับมาแล้ว
ก็เอามาปรับใช้ในการทำงาน สร้างผลงานออกมาให้หัวหน้างานเห็น หรือสามารถให้คำปรึกษา
ที่ดีแก่หัวหน้างานได้ ดังนั้นเมื่อผมขออกไปอบรมข้างนอกทีไร หัวหน้างานไม่เคยขัดข้องเลย
5.อย่าเลียหัวหน้างานเด็ดขาด : อันนี้ความเชื่อส่วนตัวครับ เพราะผมเชื่อว่าหัวหน้างาน
ไม่ได้โง่ เขามองออกว่าใครทำงาน ใครเลีย (เว้นแต่หัวหน้างานบางคนจะไม่รู้จริงๆ)
ดังนั้น ผมว่าเอาผลงาน เอาความความหน้าของงาน มาขายให้หัวหน้างาน ดีกว่าเลียแข้งเลียขา
อีกทั้งจะพลอยทำให้เพื่อนร่วมงานไม่ชอบขี้หน้าไปด้วย เพราะไม่มีใครชอบคนประจบประแจง
สำหรับหลักการทำงานของผมมี 5 ข้อง่ายๆ ที่ใช้ปูทางสู่ความสำเร็จในอนาคตครับ
ท่านใดมีประสบการณ์ที่จะมาแบ่งปันกัน ก็ขอเรียนเชิญครับ หวังว่าพื้นที่เล็กๆ ตรงนี้
จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ มนุษย์เงินเดือน ไม่มากก็น้อย
ขอบคุณครับ
แบ่งปัน : ทำงานอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จกับอาชีพมนุษย์เงินเดือน
บางคนมองถึงตำแหน่งหน้าที่ บางคนมองในเรื่องรายได้ บางคนมองถึงความสมดุลระหว่างชีวิต
ส่วนตัวกับชีวิตการทำงาน หรืออื่นๆ แล้วแต่ว่าเราจะให้นิยามกับคำนี้ว่าอย่างไร
...สำหรับผมแล้ว เมื่อตัดสินใจเลือกทางเดินอาชีพมนุษย์เงินเดือนโดยทุ่มเททั้งแรงกายและ
แรงใจอย่างสุดตัวนั้น เคยตั้งเป้าหมายความสำเร็จของตนเอง ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานแรกๆ เอาไว้ว่า
"ต้องได้ร่วมงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และตำแหน่งก่อนเกษียณต้องไม่ต่ำกว่าผู้จัดการ"
ซึ่งในตอนนี้ผมอายุ 30 ปีแล้ว เหลือเวลาอีกประมาณ 20-25 ปีในการไล่ล่าความฝันที่ตั้งไว้...
ปัจจุบันผมทำงานอยู่ในบริษัทที่มีชื่อเสียงติดอันดับ TOP 5 ของโลก ในธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรม
ยานยนต์ ที่มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเมืองไทย ชื่อเสียงของแบรนด์สินค้าค่อนข้าง
เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนเรื่องรายได้หรือสวัสดิการก็ไม่ใช่เรื่องต้องกังวล เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ มีความโดดเด่นในเรื่องโบนัสและสวัสดิการต่างๆ พอสมควร
ความท้าทายที่ผมยังต้องพิสูจน์ตัวเองคือ ความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน โดยต้องไปให้ถึง
ระดับผู้จัดการให้ได้ !!!
ผมทำงานในฝ่าย Administration ตำแหน่ง HR Officer (เจ้าหน้าที่ HR ตัวเล็กๆ)
บริษัทที่ทำงานอยู่ปัจจุบัน เป็นบริษัทที่ 2 ครับ ทำงานมาแล้ว 3 ปี (ประสบการณ์รวม 8 ปี)
(บริษัทแรกอยู่มา 5 ปี ชีวิตมีความสุขดีครับ ทั้งเรื่องงาน เพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และรายได้
แต่เมื่อโอกาสมาถึง ผมก็ไม่ปิดกั้นโอกาสของตัวเอง ที่จะได้ร่วมงานกับบริษัทระดับโลกครับ)
อีกหนึ่งความสำเร็จตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ที่ผมได้ร่วมงานในบริษัทปัจจุบันคือ
ผลการประเมินการปฏิบัติงานประจำปี โดยได้ผลการประเมินที่โดดเด่นกว่าพนักงานคนอื่นครับ
ซึ่งผมมีหลักการทำงาน ดังนี้ครับ
1.ไม่เลือกงาน ไม่เกี่ยงงาน : ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ งานมีมูลค่าหรืองานเบ๊ทั่วไป
เมื่อผู้บังคับบัญชามอบหมายแล้ว ผมจะทำมันให้ดีที่สุด โดยไม่เคยโบ๊ยว่า ต้องเป็นงานของ
คนนั้นหรืองานของคนนี้ เมื่อได้รับมอบหมายแล้วถือเป็นความรับผิดชอบของเราครับ
หรือแม้กระทั่งแผนกอื่นมาขอความช่วยเหลือ ถ้าไม่เกินความสามารถ ผมไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง
เพราะวันใดวันหนึ่งเราอาจจะต้องพึ่งพาเขา ดังนั้นสร้างมิตรดีกว่าศัตรู Service Mind เป็นเรื่องสำคัญ
2.ไม่เคยนินทาหัวหน้างานลับหลัง : ข้อเสียหนึ่งที่ผมพบเจอบ่อยๆ ของพนักงานออฟฟิศ
คือ ชอบนินทาหัวหน้างาน หรือผู้บังคับบัญชา ส่วนตัวผมเองไม่เคยที่จะนินทา แต่จะพยายาม
ทำความเข้าใจว่า ทำไมหัวหน้างานถึงตัดสินใจแบบนี้ ทำไมเขาถึงคิดแบบนี้ ถ้าเป็นเราจะตัดสินใจ
อย่างไร ถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา
3.ไม่แทงข้างหลังหรือนินทาเพื่อนร่วมงาน : โปรดจำไว้ว่าไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร
สำหรับพนักงานออฟฟิศ สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือ นินทาเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งให้เพื่อนร่วมงาน
อีกคนหนึ่งฟัง และเมื่อเพื่อนร่วมงานทำผิดพลาด ผมไม่เคยไปฟ้องหัวหน้างานเพื่อเอาหน้า หรือ
ซ้ำเติมเขา แต่สิ่งที่ผมเลือกทำคือให้คำปรึกษาหรือให้กำลังใจ (ถ้าผมไม่คิดไปเอง ผมเชื่อว่า
ผมค่อนข้างเป็นที่รักของหลายคนในออฟฟิศ เว้นแต่ว่าผมจะหลงตัวเอง หรือสำคัญตัวผิด)
4. หาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ เพื่อปรับใช้กับการทำงาน : ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก
โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับการทำงาน เช่น กฎหมายแรงงาน, หลักจิตวิทยาต่างๆ หรือชอบ
ที่จะขอบริษัทออกไปอบรมเกี่ยวกับความรู้ทางด้าน HR อยู่บ่อยๆ เมื่อไปอบรมกลับมาแล้ว
ก็เอามาปรับใช้ในการทำงาน สร้างผลงานออกมาให้หัวหน้างานเห็น หรือสามารถให้คำปรึกษา
ที่ดีแก่หัวหน้างานได้ ดังนั้นเมื่อผมขออกไปอบรมข้างนอกทีไร หัวหน้างานไม่เคยขัดข้องเลย
5.อย่าเลียหัวหน้างานเด็ดขาด : อันนี้ความเชื่อส่วนตัวครับ เพราะผมเชื่อว่าหัวหน้างาน
ไม่ได้โง่ เขามองออกว่าใครทำงาน ใครเลีย (เว้นแต่หัวหน้างานบางคนจะไม่รู้จริงๆ)
ดังนั้น ผมว่าเอาผลงาน เอาความความหน้าของงาน มาขายให้หัวหน้างาน ดีกว่าเลียแข้งเลียขา
อีกทั้งจะพลอยทำให้เพื่อนร่วมงานไม่ชอบขี้หน้าไปด้วย เพราะไม่มีใครชอบคนประจบประแจง
สำหรับหลักการทำงานของผมมี 5 ข้อง่ายๆ ที่ใช้ปูทางสู่ความสำเร็จในอนาคตครับ
ท่านใดมีประสบการณ์ที่จะมาแบ่งปันกัน ก็ขอเรียนเชิญครับ หวังว่าพื้นที่เล็กๆ ตรงนี้
จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ มนุษย์เงินเดือน ไม่มากก็น้อย
ขอบคุณครับ