♤•• เกี่ยวกับพระธาตุศักดิ์สิทธิ์••♤
♤วันหนึ่งมีชายคนหนึ่งมาจากกรุงเทพฯ เขามากราบนมัสการท่านอาจารย์ชา และได้นำวัตถุที่ถือว่าเป็นมงคลยิ่งมาให้ท่านด้วย สิ่งนั้นคือ พระธาตุพระอรหันต์ เขาเล่าและยืนยันว่า ถ้าเป็นพระธาตุแท้จะไม่จมน้ำ แต่ถ้าปกติวัตถุธรรมดาที่มีขนาดเดียวกับพระธาตุนี้ ก็จะจมน้ำ แต่เขาได้พิสูจน์แล้วว่าพระธาตุนี้ดีจริง ลอยน้ำได้
ครั้นว่าดังนั้น เขาก็เอาน้ำใส่แก้วมาแก้วหนึ่งเพื่อจะทำให้ท่านดู
เมื่อท่านเห็นดังนั้น จึงหัวเราะและห้ามเขาว่า
“อย่าทำ เดี๋ยวมันจะจม”
แต่ชายคนนั้นไม่เชื่อฟังท่าน เขายังขืนทำ ครั้นวางพระธาตุลงในน้ำ มันก็จมจริงๆ และท่านก็ยังคงนั่งหัวเราะอยู่อย่างเดิม
พระรูปหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของท่าน กล่าวแสดงความเห็นกับพระด้วยกันว่า
“ผมว่าพระธาตุจมน้ำได้นี่แหละประหลาดกว่าพระธาตุลอยน้ำได้ วันนี้โชคดีจริงๆ ที่ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ที่สุด หรือท่านมีความเห็นอย่างไรๆ”
พระอีกรูปหนึ่งได้แต่หัวเราะ
♤ #ท่านสอนว่า
“ทิฏฐิของคนเรา ถ้าเราเอาไปใส่ไว้ในอะไรแล้ว สิ่งนั้นมันก็เป็นของมีค่าขึ้นมาทันที จะกลายเป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทันที แต่ถ้าไม่มีทิฏฐิเข้าไปตั้งอยู่ ทุกสิ่งมันก็ไม่มีราคาอย่างคนไทยเราถือว่าศีรษะเป็นของสูง ใครมาจับเล่นไม่ได้ เป็นเหตุให้โกรธฆ่ากันเลยก็ได้ เพราะมีทิฏฐิมันจึงไม่ยอม ความยืดถือมันเหนียวแน่นมาก เราไปเมืองนอกเห็นฝรั่ง เขาจับหัวกันได้สบาย พระฝรั่งที่ไปด้วย พาไปเยี่ยมพ่อพอเห็นหน้าพ่อ เอามือลูบหัวเล่นเลย ทั้งลูบทั้งหัวเราะ พ่อเขาก็ดีอกดีใจ ถือว่าลูกรักเขา... เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ถ้าคนเราไม่มีทิฏฐิเสียแล้ว ทุกอย่างมันก็หมดค่า ทุกข์ทั้งหลายก็เกิดไม่ได้ ไม่มีอะไรจะมาทำให้เป็นทุกข์
เรื่องการถือมงคลภายนอก ก็เรื่องของทิฏฐิเหมือนกัน ทิฏฐิเข้าไปสำคัญมั่นหมายว่า สิ่งนั้นดีสิ่งนี้ไม่ดี มันก็กลายเป็นเป็นของดีของไม่ดี ของศักดิ์สิทธิ์ ของไม่ศักดิ์สิทธิ์กันขึ้นมา พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ยึดถืออย่างนั้น ท่านให้ถอนทิฏฐิมานะ ความสำคัญมั่นหมาย ท่านให้ละทิฏฐิมานะอย่างนั้น ถ้าเราละสิ่งเหล่านั้นออกไปแล้ว การปฏิบัติมันก็ถูกทางเท่านั้นเอง ทุกอย่างมันจะหมดค่าหมดราคา เมื่อเห็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น อุปาทานก็เกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อไม่มีอุปาทาน ภพชาติก็ไม่มี แล้วทุกข์มันจะมาจากไหน?"♤♤♤
(ขอขอบเจ้าของข้อความ+ภาพถ่ายและอนุญาตเปยแผ่เป็รธรรมทาน)
พฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีระกา
♤•• เกี่ยวกับพระธาตุศักดิ์สิทธิ์••♤
♤•• เกี่ยวกับพระธาตุศักดิ์สิทธิ์••♤
♤วันหนึ่งมีชายคนหนึ่งมาจากกรุงเทพฯ เขามากราบนมัสการท่านอาจารย์ชา และได้นำวัตถุที่ถือว่าเป็นมงคลยิ่งมาให้ท่านด้วย สิ่งนั้นคือ พระธาตุพระอรหันต์ เขาเล่าและยืนยันว่า ถ้าเป็นพระธาตุแท้จะไม่จมน้ำ แต่ถ้าปกติวัตถุธรรมดาที่มีขนาดเดียวกับพระธาตุนี้ ก็จะจมน้ำ แต่เขาได้พิสูจน์แล้วว่าพระธาตุนี้ดีจริง ลอยน้ำได้
ครั้นว่าดังนั้น เขาก็เอาน้ำใส่แก้วมาแก้วหนึ่งเพื่อจะทำให้ท่านดู
เมื่อท่านเห็นดังนั้น จึงหัวเราะและห้ามเขาว่า
“อย่าทำ เดี๋ยวมันจะจม”
แต่ชายคนนั้นไม่เชื่อฟังท่าน เขายังขืนทำ ครั้นวางพระธาตุลงในน้ำ มันก็จมจริงๆ และท่านก็ยังคงนั่งหัวเราะอยู่อย่างเดิม
พระรูปหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของท่าน กล่าวแสดงความเห็นกับพระด้วยกันว่า
“ผมว่าพระธาตุจมน้ำได้นี่แหละประหลาดกว่าพระธาตุลอยน้ำได้ วันนี้โชคดีจริงๆ ที่ได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ที่สุด หรือท่านมีความเห็นอย่างไรๆ”
พระอีกรูปหนึ่งได้แต่หัวเราะ
♤ #ท่านสอนว่า
“ทิฏฐิของคนเรา ถ้าเราเอาไปใส่ไว้ในอะไรแล้ว สิ่งนั้นมันก็เป็นของมีค่าขึ้นมาทันที จะกลายเป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทันที แต่ถ้าไม่มีทิฏฐิเข้าไปตั้งอยู่ ทุกสิ่งมันก็ไม่มีราคาอย่างคนไทยเราถือว่าศีรษะเป็นของสูง ใครมาจับเล่นไม่ได้ เป็นเหตุให้โกรธฆ่ากันเลยก็ได้ เพราะมีทิฏฐิมันจึงไม่ยอม ความยืดถือมันเหนียวแน่นมาก เราไปเมืองนอกเห็นฝรั่ง เขาจับหัวกันได้สบาย พระฝรั่งที่ไปด้วย พาไปเยี่ยมพ่อพอเห็นหน้าพ่อ เอามือลูบหัวเล่นเลย ทั้งลูบทั้งหัวเราะ พ่อเขาก็ดีอกดีใจ ถือว่าลูกรักเขา... เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ถ้าคนเราไม่มีทิฏฐิเสียแล้ว ทุกอย่างมันก็หมดค่า ทุกข์ทั้งหลายก็เกิดไม่ได้ ไม่มีอะไรจะมาทำให้เป็นทุกข์
เรื่องการถือมงคลภายนอก ก็เรื่องของทิฏฐิเหมือนกัน ทิฏฐิเข้าไปสำคัญมั่นหมายว่า สิ่งนั้นดีสิ่งนี้ไม่ดี มันก็กลายเป็นเป็นของดีของไม่ดี ของศักดิ์สิทธิ์ ของไม่ศักดิ์สิทธิ์กันขึ้นมา พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ยึดถืออย่างนั้น ท่านให้ถอนทิฏฐิมานะ ความสำคัญมั่นหมาย ท่านให้ละทิฏฐิมานะอย่างนั้น ถ้าเราละสิ่งเหล่านั้นออกไปแล้ว การปฏิบัติมันก็ถูกทางเท่านั้นเอง ทุกอย่างมันจะหมดค่าหมดราคา เมื่อเห็นความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น อุปาทานก็เกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อไม่มีอุปาทาน ภพชาติก็ไม่มี แล้วทุกข์มันจะมาจากไหน?"♤♤♤
(ขอขอบเจ้าของข้อความ+ภาพถ่ายและอนุญาตเปยแผ่เป็รธรรมทาน)
พฤหัสบดีที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีระกา