มาต่อจากกระทู้ที่แล้วครับ
จากการทำ Youtube อันยาวนานหลายปีของผมเดือนนี้เป็นเดือนที่ทำค่า Ad Youtube ได้เยอะที่สุดเท่าที่เคยทำมาครับ
รายได้ของเดือนนี้ ผลออกมาคือ 9,500 เหรียญ $ แปลงเป็นเงินไทยประมาณ 317,042 บาท!!
คุณคงคิดว่ามันเยอะมากใช่ไหมครับ จริงๆแล้วถ้าเทียบกับยอดวิวผมว่า มันควรจะได้เยอะกว่านี้!!
เพราะว่า 317,042 บาท มันไม่ได้มาจาก ยอดวิว Youtube เพราะ Youtube จะนับเป็นนาทีที่คนดูครับ
อย่างเช่นคนเข้า Youtube 15 วิ แล้วกดออก ยอดวิวก็จะนับเป็นหนึ่ง แต่คนที่เข้ามานั้น โฆษณาอาจจะไม่ขึ้น
มันจึงไม่ใช่รายได้ของเราจริงๆ
แต่!! 317,042 บาท มันมาจาก 170,000,000 นาทีที่คนมาดูคลิปของช่องผม!!
ถ้าลองเทียบ 170,000,000 นาที = 2,833,333 ชั่วโมง
170,000,000 นาที = 2,833,333 ชั่วโมง
2,833,333 ชั่วโมง = 118,055 วัน
118,055 วัน = 323 ปี
คือภายใน 1 เดือนจะต้องมีคนว่างมาดูคลิปช่องคุณถึง 323 ปี(เวลารวม) รายได้คุณถึงจะแตะหลัก 3 แสนบาทต่อเดือน
และผมก็ไม่เคยได้เยอะขนาดนี้มาก่อน อาจะเป็นเพราะช่วงพีค ปกติจะราวๆ 60,000 -200,000 ต่อเดือนไม่แน่นอนครับ
*หลังจากที่อ่านคอมเม้นใน Fb หลายคนอาจจะบอกว่าเว่อร์เกิน อะไรต่างๆนาๆ ให้คุณลองไปเช็ครายได้ Youtuber ต่างประเทศเอาแล้วคุณจะรู้ว่า รายได้Youtuberของไทยเทียบไม่ติด ปีนึงเขาทำคลิปแคสเกมส์ท่องเที่ยวได้ปีละเป็นร้อยๆล้าน แต่ที่ผมมองว่า 3แสนน้อยเพราะ ถ้าช่องคุณมีทีมงานซัก 10 คนช่วยกันทำงานทั้งเดือนหารๆกันมา รายได้ก็ตกคนละ 30,000 ใช่ไหมครับ ซึ่งมันก็ไม่ได้เยอะอะไรถูกไหมละกับเวลาที่คนมานั่งดูคลิปคุณยาวนานถึง 323ปีภายใน 1 เดือนมันยากมากๆเลยนะครับ เพราะถ้าคุณทำช่องได้คนเดียวก็เก่งมากๆ ซึ่งผมก็มีทีมงาน แล้วรายได้มันก็ไม่แน่ไม่นอน ถ้าเดือนไหนรายได้ตกเหลือ 50,000 ก็เอาเงินเดือนไปกินคนละ 5,000 เยอะไหมหละครับให้ลองคิดกันใหม่
แต่เท่าที่ผมทราบก็มีเพื่อนๆและรุ่นพี่ รายได้ 4-5 แสนต่อเดือนเป็นประจำก็มีครับ (คนดูสงสัยว่างจริงๆ 55555555)
จริงๆแล้วอันนี้ขึ้นอยู่กับการขยันในการทำคลิปมากกว่า ทำเยอะคนก็ดูเยอะเป็นเรื่องปกติ คนอื่นเขาได้มากกว่าผมเยอะแยะ
ตอนที่แล้วผมเคยบอกว่า รับงานให้น้อยๆทำคลิป ครีเอทีฟสไตล์ตัวเองให้เยอะๆ คือ ไม่ขายของเยอะเกินไป เพราะคนจะเริ่มเบื่อ แล้ว Content จะแย่ลงเพราะการทำงานโฆษณาจะมีข้อจำกัดต่างๆในคลิปมากมาย
อย่างเช่น!! ผมทำคลิปโฆษณาคลิปนึงบน Youtube สมมุติ เขายอมจ่าย แสน/คลิป ให้เราทำคลิปรีวิวสินค้าให้เขา
ผมทำคลิปโฆษณา ผมกับเพื่อนๆคิด ครีเอท ตัดใส่มุขฮาๆเกรียนๆที่วัยรุ่นเขาเก็ทกัน ใส่มุกทุกอย่างเสียงเพลง ซับไตเติ้ล ฉากคุยฮาๆสไตล์ช่องผม
คือมีอะไรที่เป็นสไตล์ของตัวเองเทใส่ให้หมด!!
พอผมทำเสร็จผมต้องต้องส่งมอบให้ คุณลูกค้าที่น่ารักดูเสียก่อนถึงจะลงได้!!
ปรากฏว่า ผ่ามมมม ฉากฮาน้ำตาเล็ดของผม มุขฮาๆของเหล่าครีเอทีฟ โดนตัดออกหมด พร้อมให้เพิ่มฉากขายของเข้าไป ทั้งที่ตอนแรกคุยกันแล้วว่า
ไม่ Hard sell (คือพูดถึงตัวสินค้าในคลิปเยอะเกิน) ไม่ขายของเยอะเกินอะพูดง่ายๆ
พร้อมกับการแก้งาน 3-4 รอบ อาจจะมีถ่ายใหม่ด้วยซ้ำ!!
สรุปครับ คลิปของผม ไม่ได้เป็นตัวเองอย่างคลิปช่องผม พร้อมคอมเม้นจากแฟนคลับที่ติดตามเราตลอด "มาขายของอีกละ!!"
ผมเสียใจนะครับ ถ้าได้อ่านคอมเม้นแบบนั้น คือไม่รู้จะพูดกับใครอะ งานก็อยากทำ เงินก็อยากได้ แต่คลิปออกมาทำไมเป็นอย่างงี้อะ ?
สรุปครับ จากแต่ก่อนคลิป ครีเอทีฟ เดือนละ 4-5 คลิป ขายของ 1 คลิป ตอนนี้กลายเป็นขายของเกินครึ่ง!!
ตรงนี้มันเป็นส่วนที่คิดยากนะครับ เพราะถ้ามีโอกาสมาให้คุณรับไว้ รายได้เดือนละเป็นล้านๆ แต่!! คุณต้องทำคลิปขายของ และ ไฟท์กับลูกค้าเรื่องเยอะ คุณจะทำไหม ?
เป็นผมทำครับ เพราะ ผมไม่ได้มองแต่ข้อแย่ๆ บางคลิปดีๆที่ผมทำออกมาแล้วคนชอบ ก็มาจากสปอนเซอร์ด้วยเช่นกัน และ คลิปแย่ๆที่ขายของจนคนดูเบื่อ
ก็มาจากสปอนเซอร์ด้วยเช่นกัน!!
ผมมองว่ามันเป็นแรงพลักดันนะครับ ถ้าเรานั่งอยู่ที่บ้านเปื่อยๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี คิดครีเอทีฟไม่ออก สมองไม่ไปเพราะไม่มีอะไรมากระตุ้น
แต่อยู่ๆก็มีคนคนนึงยื่นข้อเสนอพร้อมเงินหลักแสนมาให้ทำคลิป คุณจะทำไหม?
แต่ถ้าคุณไม่คว้าโอกาศนั้นไว้ เหมือนคุณโยนเงินก้อนนั้นทิ้งไป แต่ถ้าคุณรับแล้วทำได้ดี ก็จะได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์เรื่อยๆ
และการทำงานครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้ว่า การทำคลิปครีเอทีฟ มันเหนื่อยมาก เพราะ ถ้ายอดวิวเราไม่เยอะจริง เราก็อยู่ไม่ได้
แต่แค่ถ้าเราทำงานควบคู่ไปกับการรีวิวสินค้าพร้อมเจอลูกค้าที่น่ารัก และให้เราเป็นตัวของตัวเอง มันเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆครับ
เพราะมันเป็นแรงพลักดันให้เราใส่ใจทำคลิปให้ดีขึ้นและ คลิปก็ยังคงเป็นตัวของเราเอง พร้อมมีรายได้ที่จะเลี้ยงครอบครัว!!
*สรุป ต้องมีเทคนิคคุยกับลูกค้า และ ความคิดครีเอทีฟสูงมากๆ
รายได้เป็นล้านแต่สมองพังก็ไม่คุ้มนะครับ ทุกๆวันนี้ผมเหนื่อยมาก คิดถึงวันแต่ก่อนตอนนั่งเล่นเกมส์กินขนมนอนเล่นโซฟาหน้าทีวีไปเที่ยวกับเพื่อนนั่งกินข้าวร้านอาหารข้างทางชิวๆสบายๆ ปล่อยสมองไปกับสายลม จะคิดอะไรก็คิด ผมคิดถึงโมเม้นนั้นมากเลย ผมคิดว่ามันคือสวรรค์ดีๆนี้เอง
แต่ตอนนี้ทุกวินาที สมองคิดแต่เรื่องงาน ไม่เคยว่าง เว้นแต่ตอนนอน แต่ก็นอนน้อยกว่าคนทั่วไป ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า บางงานให้เวลาคิด Content 1 วันจะบ้าตายยย Content 1 วันมันจะออกมาดีซักแค่ไหน ไม่ปล่อยให้ผมไปนั่งรับลมคิด Content ที่ดีๆบ้าง พอคิดวันเดียวแล้วทำไม่ดีก็มีปัญหากับลูกค้า
ถ้าคิดไม่ออกก็เครียดแทบตาย จริงๆผมจะเป็นคนคิดหลัก เพราะคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจสไตล์ของผมมากนัก ตอนนั้นเครียดปวดหัวไมเกรน เหนื่อย
หลายๆคนอาจจะบอกว่าแรงงานทำงานวันละ 300 เหนื่อยกว่า แต่ไม่จริงครับ นอนยันเลย งานใช้สมองมันปวดกระบาลยิ่งกว่าเป็นไหนๆ ทำไม
CEO ผู้บริหารต่างๆรายได้ถึงหลักแสนหลักล้าน ทั้งที่ลูกน้องทำงานหนักกว่าเยอะ คุณก็คิดดูเอาเองละกัน งานใช้ความคิดมันต่างจากงานที่ลงแรงมาก ไม่ได้จะบอกว่า งานที่ใช้แรงงานไม่เหนื่อยนะ แต่จริงๆแล้วมันเอามาเทียบกันไม่ได้ครับ!! ที่ผมยอมเหนื่อยมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อรายได้ของผม คุณคิดว่ามันคุ้มไหม?
สำหรับผมมันคุ้มมากก อาจจะเป็นช่วงหนึ่งในชีวิต เพราะ Youtube ก็อยู่ได้ไม่เกิน 3-5 ปีก็จะดรอปลง ถ้าให้ผมอยู่ว่างๆก็อยากทำงาน แต่ถ้า
อยู่กับงานมากๆก็อยากพัก เชื่อผมไหมทุกคนเป็นอย่างงี้ และผมก็ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ต้องเก็บเท่านั้น!! ถึงรายได้จะเป็นล้าน แต่ถ้าทำคลิปไปเกิดดราม่า
โดนกระทีบซ้ำจนสะบักสะบอม ไม่อยากจะทำคลิปอีกแล้ว คราวนี้คุณจะหารายได้จากตรงไหน?
(ผมคิดว่าการเกิดดราม่าไม่ใช่จุดจบ เพราะจริงๆแล้วมันไม่ได้อะไรหนักหนาสาหัสเท่าที่ผมเห็นผ่านๆมา แต่มันเกิดจากการเหยียบซ้ำของคนกันเองนี่แหละ
มันทำลายกำลังใจ อะไรต่างๆนาๆ ทำดีพันหนไม่เท่ากับพลาดเพียง 1 ครั้ง ถ้าคุณไม่แกร่งพอคุณจะก้าวข้ามจุดๆนั้นไม่ได้เลย ผมอยากจะบอกว่า อะไรที่มันไม่เกินไป ไม่ได้ไปฆ่าใครตาย!!
ก็อภัยให้กันนะครับ เพราะ บุญสูงสุดของการให้ที่พระพุทธเจ้า สอน คือ "การให้อภัย")
ทุกวันนี้คลิปของผมการที่จะออกสู่โซเชียลได้นั้น ต้องผ่านการกลั่นกรองจากผมและทีมงานอย่างมากที่สุด
ฟังผมไว้นะ** กลั่นกรองดีแค่ไหนคนก็ดราม่าได้ ถ้าคิดอยากจะดราม่าด่าว่าเราต่างๆนาๆ คนดูล้านคนก็ล้านความคิดห้ามกันไม่ได้
จุดนี้จึงเป็นจุดที่ทุกคนกลัวว่า การที่เราจะกลายเป็นคนของสังคม เราจะทำตัวยังไงดีนะ? ผมได้เรียนรู้จากจุดๆนี้คือ ทำตัวให้เป็นตัวของเราเองนี้แหละ "ขอแค่ไม่สร้างความเดือนร้อนให้คนอื่นก็พอแค่นั้น" คนจะหาเรื่องอะไรมาด่าเราอย่าไปสนใจ ถ้าคุณผ่านจุดนั้นมาได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว!!
มาต่อกันครับ...จังหวะนี้จึงเป็นจังหวะทำเงิน หรือ นาทีทองของชีวิต เพราะอาจจะไม่มีอีกแล้ว แต่ก็ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ และ พลังสมอง
หวังว่า สมองผมคงจะไม่เอ๋อไปก่อน ทุกวันนี้วางโทรศัพท์ไว้ 1 วิ แล้วก็เดินไปไม่เกิน 2 เมตร ก็ลืมแล้วว่าโทรศัพท์อยู่ไหน...
**สรุปครับ กี่สรุปแล้วเนี้ย 5555
ถึงบางคลิปที่ผม ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ผมก็ไม่ได้โทษลูกค้านะครับ เพราะต่างคนต่างคิด การที่เขายอมจ่ายให้เราได้เยอะๆนั้นแปลว่าเขาต้องมีอำนาจและอายุพอสมควร คือ เขาไม่ใช่รุ่นเราแล้วอะครับ เขาไม่เก็ทมุขของเราก็ไม่แปลกอะไร
เราต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มีเทคนิคคุยกับลูกค้า และที่สำคัญ!! ไม่รับงานเยอะคนเกินตัว และรู้จักปฎิเสธงานบ้าง เมื่อเดือนที่แล้ว ผมปฎิเสธงานเป็นแสนๆ เพียงเพราะอยากไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวเท่านั้นเอง
(เทคนิคการทำคลิปยอดวิวแตะหลักล้าน*** คือตอนแรกเราต้องทำคลิปให้คนซึมซับความเป็นตัวเราแล้วถ้าเขาชอบในตัวเราจริงๆ ไม่ฝีนทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเรานะ ถ้าเราชอบอะไรเราทำอย่างนั้นย ทีนี้เราจะสร้างฐานคนดูได้เยอะ แต่ถ้าเราฝีนทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเรา เราก็อยู่ไม่ได้นานหลอกมันจะเหนื่อย แล้วก็การตั้งปกคลิปและชื่อคลิปก็มีส่วน 70-80% ต้องมีคำที่ดึงดูดมากๆ เรียกได้ว่า คุณเห็นคำนี้คุณต้องคลิกเข้าไปดูแน่นอน (อย่างเช่นชื่อที่ผมตั้งกระทู้นี้ก็เป็นเทคนิคของผม* ตอนนี้ติดTrendอันดับ 1 ซึ่งกลยุทธ์นี้สามารถปรับใช้ได้ทุกโซเชีลมีเดีย ) แต่ถ้าคุณมีฐานคนดูอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องพึ่งปกกับภาพและชื่อคลิปมากนัก ส่วนเนื้อหาคลิปก็ต้องดีไม่แพ้ปกที่ดึงวนให้สนใจคลิกเข้ามาดู สมมุติว่า เข้ามาแล้วเอ๊ะหนังไม่ตรงปก คนก็กดออกครับ ถ้ามีสปอนเซอร์สนับสนุนเราต้องขายของให้เป็น ขายให้คนดูสนุก ห้ามใช้เวลาขายเกิน 20% ต่อคลิปและถ้าไม่จำเป็น ห้ามเริ่มต้นด้วยการขายของ!! *และอีกสิ่งนึงที่ผมอยากจะเล่าอันนี้ชอบมาก คือปกติคุณจะรีวิวต้องชมแต่สินค้าของเขาพูดให้คนดูอยากซื้อ แต่ผมเคยทำกับสินค้าตัวนึง"ผมพูดว่าสินค้าว่ามันยังไม่ดีในคลิป" ซึ่งเขาไม่ได้สั่งให้ตัดออก และคนดูก็ไม่ได้นึกว่าผมมาขายของจริงๆ เพราะมีที่ไหนขายของแล้วมาด่าของ 55555555 สรุปครับ การที่คนชอบตัวสินค้าโอยไม่อวยจนเกินไปทำให้สินค้าตัวนั้นมีความจริงใจออกมา (ยกตัวอย่างอย่างเช่นมาม่าเผ็ด ที่รีวิวๆกันก็บอกว่าเผ็ดจนแ*รกไม่ได้ หรือ ทำมาให้พ่อมี*แ*รกหรอเผ็ดขนาดนี้ สรุปทำให้คนอยากลองมากๆขึ้นไปอีก) หลังจากที่ผมทำคลิปรีวิวคลิปนั้น ไม่กี่วันจากนั้นพี่เขามาชมว่า มีคนถล่มทักมาขอซื้อสินค้าพันกว่าคน ตอบกันไม่ไหวเลย 55555555 ปล.ตรรกะใช้ได้เฉพาะบางสินค้านะครับต้องดูดีๆ เทคนิครวมๆที่กล่าวมาก็ไม่มีอะไรมากแล้วแต่ตัวคุณด้วยแหละ )
ผมคิดว่า เงินไม่ตายก็หาใหม่ได้แต่เวลาที่เราอยู่กับครอบครัว ถ้าเราละเลยมันไป หรือ ไม่เห็นคุณค่าของมัน เราจะกลับไปหามันใหม่ไม่ได้นะครับ
ถึงจะมีเงินเป็นพันล้านแสนล้าน เราก็ซื้อเวลาจากตรงนั้นไม่ได้นะครับ อันนี้เป็นข้อคิดให้คนทำงานคิดดีๆ
ก็ขอบคุณที่อ่านกระทู้นี้นะครับ ไม่มีอะไรแค่ประสบการณ์ของคนคนนึง อาจจะไม่ได้ความรู้อะไรมากมาย แต่เป็นประสบการณ์ชีวิตของผมเอง
รวมถึงอาจจะคล้ายกับ Youtuber ท่านอื่นๆ(มั้งนะ) ก็ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ อิอิ
ปล.ใครแซวผมเรื่อง ภาษี ผมจ่ายครบทุกบาททุกสตางค์นะครับ เดี๋ยวกระทู้หน้าจะมารีวิวการจ่ายภาษีครับผม
ในที่สุด ก็ทำ Youtube ได้เดือนละ 300,000 บาท
จากการทำ Youtube อันยาวนานหลายปีของผมเดือนนี้เป็นเดือนที่ทำค่า Ad Youtube ได้เยอะที่สุดเท่าที่เคยทำมาครับ
รายได้ของเดือนนี้ ผลออกมาคือ 9,500 เหรียญ $ แปลงเป็นเงินไทยประมาณ 317,042 บาท!!
คุณคงคิดว่ามันเยอะมากใช่ไหมครับ จริงๆแล้วถ้าเทียบกับยอดวิวผมว่า มันควรจะได้เยอะกว่านี้!!
เพราะว่า 317,042 บาท มันไม่ได้มาจาก ยอดวิว Youtube เพราะ Youtube จะนับเป็นนาทีที่คนดูครับ
อย่างเช่นคนเข้า Youtube 15 วิ แล้วกดออก ยอดวิวก็จะนับเป็นหนึ่ง แต่คนที่เข้ามานั้น โฆษณาอาจจะไม่ขึ้น
มันจึงไม่ใช่รายได้ของเราจริงๆ
แต่!! 317,042 บาท มันมาจาก 170,000,000 นาทีที่คนมาดูคลิปของช่องผม!!
ถ้าลองเทียบ 170,000,000 นาที = 2,833,333 ชั่วโมง
170,000,000 นาที = 2,833,333 ชั่วโมง
2,833,333 ชั่วโมง = 118,055 วัน
118,055 วัน = 323 ปี
คือภายใน 1 เดือนจะต้องมีคนว่างมาดูคลิปช่องคุณถึง 323 ปี(เวลารวม) รายได้คุณถึงจะแตะหลัก 3 แสนบาทต่อเดือน
และผมก็ไม่เคยได้เยอะขนาดนี้มาก่อน อาจะเป็นเพราะช่วงพีค ปกติจะราวๆ 60,000 -200,000 ต่อเดือนไม่แน่นอนครับ
*หลังจากที่อ่านคอมเม้นใน Fb หลายคนอาจจะบอกว่าเว่อร์เกิน อะไรต่างๆนาๆ ให้คุณลองไปเช็ครายได้ Youtuber ต่างประเทศเอาแล้วคุณจะรู้ว่า รายได้Youtuberของไทยเทียบไม่ติด ปีนึงเขาทำคลิปแคสเกมส์ท่องเที่ยวได้ปีละเป็นร้อยๆล้าน แต่ที่ผมมองว่า 3แสนน้อยเพราะ ถ้าช่องคุณมีทีมงานซัก 10 คนช่วยกันทำงานทั้งเดือนหารๆกันมา รายได้ก็ตกคนละ 30,000 ใช่ไหมครับ ซึ่งมันก็ไม่ได้เยอะอะไรถูกไหมละกับเวลาที่คนมานั่งดูคลิปคุณยาวนานถึง 323ปีภายใน 1 เดือนมันยากมากๆเลยนะครับ เพราะถ้าคุณทำช่องได้คนเดียวก็เก่งมากๆ ซึ่งผมก็มีทีมงาน แล้วรายได้มันก็ไม่แน่ไม่นอน ถ้าเดือนไหนรายได้ตกเหลือ 50,000 ก็เอาเงินเดือนไปกินคนละ 5,000 เยอะไหมหละครับให้ลองคิดกันใหม่
แต่เท่าที่ผมทราบก็มีเพื่อนๆและรุ่นพี่ รายได้ 4-5 แสนต่อเดือนเป็นประจำก็มีครับ (คนดูสงสัยว่างจริงๆ 55555555)
จริงๆแล้วอันนี้ขึ้นอยู่กับการขยันในการทำคลิปมากกว่า ทำเยอะคนก็ดูเยอะเป็นเรื่องปกติ คนอื่นเขาได้มากกว่าผมเยอะแยะ
ตอนที่แล้วผมเคยบอกว่า รับงานให้น้อยๆทำคลิป ครีเอทีฟสไตล์ตัวเองให้เยอะๆ คือ ไม่ขายของเยอะเกินไป เพราะคนจะเริ่มเบื่อ แล้ว Content จะแย่ลงเพราะการทำงานโฆษณาจะมีข้อจำกัดต่างๆในคลิปมากมาย
อย่างเช่น!! ผมทำคลิปโฆษณาคลิปนึงบน Youtube สมมุติ เขายอมจ่าย แสน/คลิป ให้เราทำคลิปรีวิวสินค้าให้เขา
ผมทำคลิปโฆษณา ผมกับเพื่อนๆคิด ครีเอท ตัดใส่มุขฮาๆเกรียนๆที่วัยรุ่นเขาเก็ทกัน ใส่มุกทุกอย่างเสียงเพลง ซับไตเติ้ล ฉากคุยฮาๆสไตล์ช่องผม
คือมีอะไรที่เป็นสไตล์ของตัวเองเทใส่ให้หมด!!
พอผมทำเสร็จผมต้องต้องส่งมอบให้ คุณลูกค้าที่น่ารักดูเสียก่อนถึงจะลงได้!!
ปรากฏว่า ผ่ามมมม ฉากฮาน้ำตาเล็ดของผม มุขฮาๆของเหล่าครีเอทีฟ โดนตัดออกหมด พร้อมให้เพิ่มฉากขายของเข้าไป ทั้งที่ตอนแรกคุยกันแล้วว่า
ไม่ Hard sell (คือพูดถึงตัวสินค้าในคลิปเยอะเกิน) ไม่ขายของเยอะเกินอะพูดง่ายๆ
พร้อมกับการแก้งาน 3-4 รอบ อาจจะมีถ่ายใหม่ด้วยซ้ำ!!
สรุปครับ คลิปของผม ไม่ได้เป็นตัวเองอย่างคลิปช่องผม พร้อมคอมเม้นจากแฟนคลับที่ติดตามเราตลอด "มาขายของอีกละ!!"
ผมเสียใจนะครับ ถ้าได้อ่านคอมเม้นแบบนั้น คือไม่รู้จะพูดกับใครอะ งานก็อยากทำ เงินก็อยากได้ แต่คลิปออกมาทำไมเป็นอย่างงี้อะ ?
สรุปครับ จากแต่ก่อนคลิป ครีเอทีฟ เดือนละ 4-5 คลิป ขายของ 1 คลิป ตอนนี้กลายเป็นขายของเกินครึ่ง!!
ตรงนี้มันเป็นส่วนที่คิดยากนะครับ เพราะถ้ามีโอกาสมาให้คุณรับไว้ รายได้เดือนละเป็นล้านๆ แต่!! คุณต้องทำคลิปขายของ และ ไฟท์กับลูกค้าเรื่องเยอะ คุณจะทำไหม ?
เป็นผมทำครับ เพราะ ผมไม่ได้มองแต่ข้อแย่ๆ บางคลิปดีๆที่ผมทำออกมาแล้วคนชอบ ก็มาจากสปอนเซอร์ด้วยเช่นกัน และ คลิปแย่ๆที่ขายของจนคนดูเบื่อ
ก็มาจากสปอนเซอร์ด้วยเช่นกัน!!
ผมมองว่ามันเป็นแรงพลักดันนะครับ ถ้าเรานั่งอยู่ที่บ้านเปื่อยๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี คิดครีเอทีฟไม่ออก สมองไม่ไปเพราะไม่มีอะไรมากระตุ้น
แต่อยู่ๆก็มีคนคนนึงยื่นข้อเสนอพร้อมเงินหลักแสนมาให้ทำคลิป คุณจะทำไหม?
แต่ถ้าคุณไม่คว้าโอกาศนั้นไว้ เหมือนคุณโยนเงินก้อนนั้นทิ้งไป แต่ถ้าคุณรับแล้วทำได้ดี ก็จะได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์เรื่อยๆ
และการทำงานครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้ว่า การทำคลิปครีเอทีฟ มันเหนื่อยมาก เพราะ ถ้ายอดวิวเราไม่เยอะจริง เราก็อยู่ไม่ได้
แต่แค่ถ้าเราทำงานควบคู่ไปกับการรีวิวสินค้าพร้อมเจอลูกค้าที่น่ารัก และให้เราเป็นตัวของตัวเอง มันเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆครับ
เพราะมันเป็นแรงพลักดันให้เราใส่ใจทำคลิปให้ดีขึ้นและ คลิปก็ยังคงเป็นตัวของเราเอง พร้อมมีรายได้ที่จะเลี้ยงครอบครัว!!
*สรุป ต้องมีเทคนิคคุยกับลูกค้า และ ความคิดครีเอทีฟสูงมากๆ
รายได้เป็นล้านแต่สมองพังก็ไม่คุ้มนะครับ ทุกๆวันนี้ผมเหนื่อยมาก คิดถึงวันแต่ก่อนตอนนั่งเล่นเกมส์กินขนมนอนเล่นโซฟาหน้าทีวีไปเที่ยวกับเพื่อนนั่งกินข้าวร้านอาหารข้างทางชิวๆสบายๆ ปล่อยสมองไปกับสายลม จะคิดอะไรก็คิด ผมคิดถึงโมเม้นนั้นมากเลย ผมคิดว่ามันคือสวรรค์ดีๆนี้เอง
แต่ตอนนี้ทุกวินาที สมองคิดแต่เรื่องงาน ไม่เคยว่าง เว้นแต่ตอนนอน แต่ก็นอนน้อยกว่าคนทั่วไป ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า บางงานให้เวลาคิด Content 1 วันจะบ้าตายยย Content 1 วันมันจะออกมาดีซักแค่ไหน ไม่ปล่อยให้ผมไปนั่งรับลมคิด Content ที่ดีๆบ้าง พอคิดวันเดียวแล้วทำไม่ดีก็มีปัญหากับลูกค้า
ถ้าคิดไม่ออกก็เครียดแทบตาย จริงๆผมจะเป็นคนคิดหลัก เพราะคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจสไตล์ของผมมากนัก ตอนนั้นเครียดปวดหัวไมเกรน เหนื่อย
หลายๆคนอาจจะบอกว่าแรงงานทำงานวันละ 300 เหนื่อยกว่า แต่ไม่จริงครับ นอนยันเลย งานใช้สมองมันปวดกระบาลยิ่งกว่าเป็นไหนๆ ทำไม
CEO ผู้บริหารต่างๆรายได้ถึงหลักแสนหลักล้าน ทั้งที่ลูกน้องทำงานหนักกว่าเยอะ คุณก็คิดดูเอาเองละกัน งานใช้ความคิดมันต่างจากงานที่ลงแรงมาก ไม่ได้จะบอกว่า งานที่ใช้แรงงานไม่เหนื่อยนะ แต่จริงๆแล้วมันเอามาเทียบกันไม่ได้ครับ!! ที่ผมยอมเหนื่อยมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อรายได้ของผม คุณคิดว่ามันคุ้มไหม?
สำหรับผมมันคุ้มมากก อาจจะเป็นช่วงหนึ่งในชีวิต เพราะ Youtube ก็อยู่ได้ไม่เกิน 3-5 ปีก็จะดรอปลง ถ้าให้ผมอยู่ว่างๆก็อยากทำงาน แต่ถ้า
อยู่กับงานมากๆก็อยากพัก เชื่อผมไหมทุกคนเป็นอย่างงี้ และผมก็ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ต้องเก็บเท่านั้น!! ถึงรายได้จะเป็นล้าน แต่ถ้าทำคลิปไปเกิดดราม่า
โดนกระทีบซ้ำจนสะบักสะบอม ไม่อยากจะทำคลิปอีกแล้ว คราวนี้คุณจะหารายได้จากตรงไหน?
(ผมคิดว่าการเกิดดราม่าไม่ใช่จุดจบ เพราะจริงๆแล้วมันไม่ได้อะไรหนักหนาสาหัสเท่าที่ผมเห็นผ่านๆมา แต่มันเกิดจากการเหยียบซ้ำของคนกันเองนี่แหละ
มันทำลายกำลังใจ อะไรต่างๆนาๆ ทำดีพันหนไม่เท่ากับพลาดเพียง 1 ครั้ง ถ้าคุณไม่แกร่งพอคุณจะก้าวข้ามจุดๆนั้นไม่ได้เลย ผมอยากจะบอกว่า อะไรที่มันไม่เกินไป ไม่ได้ไปฆ่าใครตาย!!
ก็อภัยให้กันนะครับ เพราะ บุญสูงสุดของการให้ที่พระพุทธเจ้า สอน คือ "การให้อภัย")
ทุกวันนี้คลิปของผมการที่จะออกสู่โซเชียลได้นั้น ต้องผ่านการกลั่นกรองจากผมและทีมงานอย่างมากที่สุด
ฟังผมไว้นะ** กลั่นกรองดีแค่ไหนคนก็ดราม่าได้ ถ้าคิดอยากจะดราม่าด่าว่าเราต่างๆนาๆ คนดูล้านคนก็ล้านความคิดห้ามกันไม่ได้
จุดนี้จึงเป็นจุดที่ทุกคนกลัวว่า การที่เราจะกลายเป็นคนของสังคม เราจะทำตัวยังไงดีนะ? ผมได้เรียนรู้จากจุดๆนี้คือ ทำตัวให้เป็นตัวของเราเองนี้แหละ "ขอแค่ไม่สร้างความเดือนร้อนให้คนอื่นก็พอแค่นั้น" คนจะหาเรื่องอะไรมาด่าเราอย่าไปสนใจ ถ้าคุณผ่านจุดนั้นมาได้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว!!
มาต่อกันครับ...จังหวะนี้จึงเป็นจังหวะทำเงิน หรือ นาทีทองของชีวิต เพราะอาจจะไม่มีอีกแล้ว แต่ก็ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ และ พลังสมอง
หวังว่า สมองผมคงจะไม่เอ๋อไปก่อน ทุกวันนี้วางโทรศัพท์ไว้ 1 วิ แล้วก็เดินไปไม่เกิน 2 เมตร ก็ลืมแล้วว่าโทรศัพท์อยู่ไหน...
**สรุปครับ กี่สรุปแล้วเนี้ย 5555
ถึงบางคลิปที่ผม ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ผมก็ไม่ได้โทษลูกค้านะครับ เพราะต่างคนต่างคิด การที่เขายอมจ่ายให้เราได้เยอะๆนั้นแปลว่าเขาต้องมีอำนาจและอายุพอสมควร คือ เขาไม่ใช่รุ่นเราแล้วอะครับ เขาไม่เก็ทมุขของเราก็ไม่แปลกอะไร
เราต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มีเทคนิคคุยกับลูกค้า และที่สำคัญ!! ไม่รับงานเยอะคนเกินตัว และรู้จักปฎิเสธงานบ้าง เมื่อเดือนที่แล้ว ผมปฎิเสธงานเป็นแสนๆ เพียงเพราะอยากไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวเท่านั้นเอง
(เทคนิคการทำคลิปยอดวิวแตะหลักล้าน*** คือตอนแรกเราต้องทำคลิปให้คนซึมซับความเป็นตัวเราแล้วถ้าเขาชอบในตัวเราจริงๆ ไม่ฝีนทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเรานะ ถ้าเราชอบอะไรเราทำอย่างนั้นย ทีนี้เราจะสร้างฐานคนดูได้เยอะ แต่ถ้าเราฝีนทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเรา เราก็อยู่ไม่ได้นานหลอกมันจะเหนื่อย แล้วก็การตั้งปกคลิปและชื่อคลิปก็มีส่วน 70-80% ต้องมีคำที่ดึงดูดมากๆ เรียกได้ว่า คุณเห็นคำนี้คุณต้องคลิกเข้าไปดูแน่นอน (อย่างเช่นชื่อที่ผมตั้งกระทู้นี้ก็เป็นเทคนิคของผม* ตอนนี้ติดTrendอันดับ 1 ซึ่งกลยุทธ์นี้สามารถปรับใช้ได้ทุกโซเชีลมีเดีย ) แต่ถ้าคุณมีฐานคนดูอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องพึ่งปกกับภาพและชื่อคลิปมากนัก ส่วนเนื้อหาคลิปก็ต้องดีไม่แพ้ปกที่ดึงวนให้สนใจคลิกเข้ามาดู สมมุติว่า เข้ามาแล้วเอ๊ะหนังไม่ตรงปก คนก็กดออกครับ ถ้ามีสปอนเซอร์สนับสนุนเราต้องขายของให้เป็น ขายให้คนดูสนุก ห้ามใช้เวลาขายเกิน 20% ต่อคลิปและถ้าไม่จำเป็น ห้ามเริ่มต้นด้วยการขายของ!! *และอีกสิ่งนึงที่ผมอยากจะเล่าอันนี้ชอบมาก คือปกติคุณจะรีวิวต้องชมแต่สินค้าของเขาพูดให้คนดูอยากซื้อ แต่ผมเคยทำกับสินค้าตัวนึง"ผมพูดว่าสินค้าว่ามันยังไม่ดีในคลิป" ซึ่งเขาไม่ได้สั่งให้ตัดออก และคนดูก็ไม่ได้นึกว่าผมมาขายของจริงๆ เพราะมีที่ไหนขายของแล้วมาด่าของ 55555555 สรุปครับ การที่คนชอบตัวสินค้าโอยไม่อวยจนเกินไปทำให้สินค้าตัวนั้นมีความจริงใจออกมา (ยกตัวอย่างอย่างเช่นมาม่าเผ็ด ที่รีวิวๆกันก็บอกว่าเผ็ดจนแ*รกไม่ได้ หรือ ทำมาให้พ่อมี*แ*รกหรอเผ็ดขนาดนี้ สรุปทำให้คนอยากลองมากๆขึ้นไปอีก) หลังจากที่ผมทำคลิปรีวิวคลิปนั้น ไม่กี่วันจากนั้นพี่เขามาชมว่า มีคนถล่มทักมาขอซื้อสินค้าพันกว่าคน ตอบกันไม่ไหวเลย 55555555 ปล.ตรรกะใช้ได้เฉพาะบางสินค้านะครับต้องดูดีๆ เทคนิครวมๆที่กล่าวมาก็ไม่มีอะไรมากแล้วแต่ตัวคุณด้วยแหละ )
ผมคิดว่า เงินไม่ตายก็หาใหม่ได้แต่เวลาที่เราอยู่กับครอบครัว ถ้าเราละเลยมันไป หรือ ไม่เห็นคุณค่าของมัน เราจะกลับไปหามันใหม่ไม่ได้นะครับ
ถึงจะมีเงินเป็นพันล้านแสนล้าน เราก็ซื้อเวลาจากตรงนั้นไม่ได้นะครับ อันนี้เป็นข้อคิดให้คนทำงานคิดดีๆ
ก็ขอบคุณที่อ่านกระทู้นี้นะครับ ไม่มีอะไรแค่ประสบการณ์ของคนคนนึง อาจจะไม่ได้ความรู้อะไรมากมาย แต่เป็นประสบการณ์ชีวิตของผมเอง
รวมถึงอาจจะคล้ายกับ Youtuber ท่านอื่นๆ(มั้งนะ) ก็ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ อิอิ
ปล.ใครแซวผมเรื่อง ภาษี ผมจ่ายครบทุกบาททุกสตางค์นะครับ เดี๋ยวกระทู้หน้าจะมารีวิวการจ่ายภาษีครับผม