โปรดใช้วิจารณญาณสักนิดนะคับ อ่านและไตร่ตรอง ผมแค่อยากแชร์ประสบการณ์แค่นั้นเองคับ
ผมเป็นพนักงานธรรมดาที่ทำงานร้านกาแฟได้4ปีคับ ผมเริ่มทำหลังเรียนจบมหาลัยมา เริ่มจากเป็น พนง.P/T จนเป็นF/Tคับ ตอนนั้นP/T เงินเดือน ชม.ละ30บาทคับ สวัสดิการณ์ไม่มี ประกันสังคมไม่มี ค่าอาหารไม่มี ตอนนั้นผมทำงาน6ชม.ไม่มีค่าอาหาร (พนง.คนอื่นทำ3ชม.มีค่าอาหาร เหตุผลคือ เพราะผมเข้างานช่วงบ่ายคงกินข้าวมาแล้ว คนอื่นมาเช้าคงไม่ได้กินข้าวเลยให้ค่าอาหาร) ผมทำมาเรื่อยๆนะคับไม่ได้คิดไรมาก ทำทุกอย่างเลย ไม่เคยท้อ จนพนง.ออกไปทีละคนๆ จนเหลือ5คนได้ เลยปรับให้ผมเป็น F/T ทำงานเข้า09:00-19:00(10ชม.) ไม่มีเวลาเบรคนะคับ ถ้าไม่มีลค.ก็นั่งพักผ่อนไป ส่วนวันอาทิตย์ทำงาน09:00-20:00(11ชม.) ถ้ามี ลค.ก็ทำไปอีก15-20นาทีหรือจนกว่าลค.ขะลุกไปเอง ห้ามไปบอกลค.ว่า อีก15นาทีจะปิด *ห้ามเด็ดขาด ให้ลค.ลุกไปเอง กลายเป็นว่า ผมต้องวัดจากลค.คับว่าจะกลับกี่โมงก็ปิดร้านตามนั้นคับ ก็ยังไม่ได้คิดไรมาก ส่วนค่าอาหารกลางวันเค้าบอกรวมกับเงินเดือนไปแล้ว ซึ่งF/Tตอนนั้นเริ่มต้นที่10,000บาท สวัสดิการณ์ยังไม่มีอะไรเลยนอกจากเงินเดือนคับ ผมก็โอเครกับงานคับ ทำงานไป ลักษณะงานก็ทำทุกอย่างแหล่ะคับ รับออร์เดอร์ เสริฟบ้าง เก็บ ล้าง เช็ด ซื้อของเข้าร้าน ทำความสะอาด ทำขนมเค้ก เปิดร้าน ปิดร้าน ถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อย สนุกไหมก็สนุก เค้าบอกให้ทำอะไรก็ทำ ผมกล้าพูดกล้าบอกเลยคับว่า ผมไม่เคยมาสาย ไม่เคยเกงาน มาตรงเวลาทุกครั้ง สิ่งที่ดีคือเค้าก็ขึ้นให้ทุกปีคับ แต่มีครั้งนั้นที่ผมตัดสินใจไม่ทำเค้กก็คือ วันนั้น ลค.เยอะมาก มีพนง.หน้าร้าน2คน เจ้าของร้านเดินตรงมาหาผมว่า ชั้นสองเปิดแอร์กี่ตัว ผมเลยตอบไปว่า "ไม่รู้คับพี่ ผมทำเค้กแต่เช้าแล้วยังไม่ได้ขึ้นไปดูเลย" เค้าเลยตอบกลับมาว่า"เราก็ทำด้วย แล้ววิ่งขึ้นไปดูด้วยสิ" ความจริงเค้กที่ทำแต่ละวันมันเยอะนะคับ ที่ตีแป้งไว้ก็มี กำลังอบก็มี ผมจะทิ้งไปได้ยังไงคับ ด้วยอารมณ์ที่เหนื่อยมากเพราะยังไม่ได้ทานข้าวเลย ผมเลยตัดสินใจเลิกทำเค้ก และให้น้อง พนง.อีกคนมาทำแทนโดยคอยบอกเค้าเป็นอย่างๆไปคับ ผมจะได้ออกไปบริการลูกค้ข้างนอกได้แบบหมดห่วงสักที เหมือนจะดีขึ้นนะคับ จนวันหนึ่งพีคสุดๆ เจ้าของร้านเดินมาดึงป้ายเวลาปิด-เปิดร้านออกคับ บอกว่าจะเอามาติดใหม่ ซึ่งช่วงนั้น จำได้คือ ช่วงหน้าเทศกาลอ่ะคับ ลค.จะค่อนข้างเยอะ เราและพนง.คนอื่นๆก็หวังว่าเค้าจะเอามาติดเกือบเดือนผ่านไป ยังไม่มีวี่แววเลย และเหมือนเดิมคือ ห้ามบอกว่าร้านจะปิดแล้ว ถ้าลค.หมดค่อยปิด จนต้องขอคุยด้วยว่าขอให้ติดเพราะลค.จะได้จำเวลาปิดเปิดได้ ซึ่งเจ้าของร้านเค้าก็บอกกับผมคับว่า ไม่อยากติดเวลาปิดเปิดร้าน เหมือนกับไปกดดันลค. เช่น ร้านปิด19:00 หากลค.มาทาน18:50 ลค.ไม่กล้านั่งละ พี่ก็ขาดรายได้สิ เค้าบอกแบบนี้ผมก็ไปไม่ถูก สุดท้ายเค้าก็ต้องยอมติดเวลาคับ เพราะพนง.คนอื่นๆก็ขอร้อง ผ่านไปเดือนกว่าๆคราวหนี้วันอาทิตย์ ต้องทำงาน11ชม. ร้านปิด2ทุ่ม แต่เจ้าของร้านไม่อยากปิดซึ่งก่อนหน้านั้นก็คุยๆกันว่าพี่จะให้โอทีล่วงเวลา100บาท เรากับพนง.อีกคนก็รับปากไปเพราะเค้าอยากปิดสามทุ่มจริงๆ ตอนนั้นเริ่มเหนื่อยแล้วคับ ทำ10ชม.ทุกวัน หยุดสัปดาห์ละ1วัน วันอาทิตย์ทำงาน11-12ชม. ร่างกายเริ่มไม่ไหวละ เลยจะพยายามปิดสองทุ่ม โดยการแอบบอกลค.คับว่า อีก15นาที ขออนุญาตปิดร้านนะคับ โดยไม่ให้เจ้าของร้านรู้ แต่ด้วยที่ลค.บางท่านก็ยังคงนั่งอยู่ ผมและพนง.คนอื่นๆก็เหนื่อยเหมือนกัน ตั้งแต่นั้นมาทุกวันอาทิตย์ เราเลยพยายามปิดสองทุ่มคับ แต่เหมือนเจ้าของร้านจะไม่พอใจ ต่อว่าใหญ่เลยคับ สิ่งที่ผมจำได้จนติดหูทุกวันนี้คือ"เค้าเอาเงินมาให้ไม่อยากได้หรอ พี่อยากได้นะกี่บาทพี่ก็เอา" แต่ต้องแลกกับล่วงเวลากับเงิน100บาท แต่ผมก็ได้คุยไปว่า ตอนนั้นผมรับปากพี่ไปเพราะยังไหวคับ เวลาผ่านไปมันเหนื่อยทุกวันๆ ต้องทำทุกอย่างแม้แต่กระทั้งความสะอาดคือกวาดถู เค้ายืนยันคำตอบเดิมคับว่าจะเปิดถึงสามทุ่ม เราก็ต้องยอมเพราะเค้าเป็นนายจ้าง สรุปก็จะมีบางอาทิตย์ที่ปิดสองทุ่ม บางอาทิตย์ก็ปิดสามทุ่ม ไม่เป็นเวลาคับ จนเวลาส่วนตัว เวลาพักผมหมดไปกับงานทุกวันๆ
จนล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่13สิงหาคมที่ผ่านมา วันเกิดของป้าคับ ซึ่งที่บ้านได้จัดงานวันเกิดขึ้น ซึ่งปกติ วันนี้ ลค.น้อย ตามเวลาคือปิดสองทุ่ม พอตกบ่าย เจ้าของร้านเดินมาบอกว่า วันนี้ปิดสามทุ่มนะ ผมเลยบอกไป วันนี้ผมติดธุระคับพี่ที่บ้านจัดวันเกิดป้า เค้าเลยหันหน้ามาถามว่า"ป้าเกิดวันที่เท่าไหร่ ทำไมต้องจัดวันเกิดวันนี้"ผมตอบไม่ถูกเลยคับ ด้วยความโมโหผมเลยบอกไปว่า งั้นพี่มาอยู่ต่อผมเถอะคับ ผมจิดธุระวันเกิดของป้าจริงๆ เหมือนจะผ่านไปด้วยดีนะคับ พอหนึ่งทุ่มปุ๊บ เรัยกผมขึ้นไป คราวนี้เค้าด่าเลยคับ ด่าผมเต็มๆ "พี่ไม่เข้าใจ ทำไมต้องติดธุระวันนี้ พี่ขอให้ปิดสามทุ่ม พี่ก็อยากได้ตัง เห็นลค.กำลังจะมี บอกไปเราก็ทำหน้าไม่พอใจ แบบนี้จะไปทำงานที่ไหนได้ ถ้าไปทำงานที่อื่น เค้ารู้จักพี่ เราจะทำงานลำบากนะ" ฟังดูเหมือนขู่เลยคับ ผมเลยตัดสินใจลาออกคับ สิ้นเดือนนี้ ด้วยความรู้ที่ผมได้จากการทำขนมเค้ก เลยทำขนมส่งขายคับ #เจ้าของร้านไม่ได้ส่งไปเรียนทำขนม #ครูมาจากกูเกิ้ลกับยูทูปคับ แต่สิ่งที่ทำให้ผมสะเทือนใจกว่านั้นคือ น้องพนักงานไปขอร้องให้ผมอยู่ต่อกับเค้า เค้าบอกกับพนักงานคนนั้นว่า"ไม่ต้อง ไม่เป็นไร อยากจะออกก็ลาออกไปเลย อยากออกนักไม่ใช่หรอ ออกไปเลย ติดป้ายรับคนใหม่มาก็ได้"
4ปีที่ผมทำงานมา สิ่งที่ผมได้รับตอบแทนจากเจ้านาย จากเจ้าของร้าน จากองค์กร คือการไม่เอาใจใส่พนง.เลยจริงๆ
#เค้าไม่เคยถามว่ากินข้าวรึยัง #เค้าไม่เคยถามว่าเหนื่อยไหม #เค้าไม่เคยถามว่าไม่สบายหายหรือยังไปหาหมอมาหรือเปล่า สิ่งที่เค้าเฝ้าถามทุกวันคือ#วันนี้ได้ยอดเท่าไหร่ #ทำไมยอดขายน้อยจัง ทั้งๆที่ เจ้าของร้านทำอะไรไม่เป็นเลย ทำกาแฟไม่เป็น ทำเค้กไม่เป็น จำราคาสินค้ายังไม่ได้ ทำออเดอร์อื่นๆไม่ได้เลยที่ทำเป็นคือ เอาเงินเค้าเก๊ะ ทอนเงิน นับเงินแค่นั้นเอง
4ปี ผมไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไม่มีเวลาให้แฟน ไม่มีเวลาทำอะไรเลย ผมทุ่มเทให้กับองค์กรทุกอย่างแต่สิ่งที่ผมได้มาคือ #ไม่ต้องไม่เป็นไร อยากลาออกก็ออกไปเลย ติดป้ายรับคนใหม่ก็ได้"
ประสบการณ์ที่ผมจะไม่มีวันลืมคับ ตอนนี้ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่า "อย่ารักองค์การมากไป เพราะองค์กรไม่เคยรักเรา"
ขอบคุณคับ
เจอกับตัวเองกับคำที่ว่า"อย่ารักองค์กรมากไป เพราะองค์กรไม่เคยรักเรา"
ผมเป็นพนักงานธรรมดาที่ทำงานร้านกาแฟได้4ปีคับ ผมเริ่มทำหลังเรียนจบมหาลัยมา เริ่มจากเป็น พนง.P/T จนเป็นF/Tคับ ตอนนั้นP/T เงินเดือน ชม.ละ30บาทคับ สวัสดิการณ์ไม่มี ประกันสังคมไม่มี ค่าอาหารไม่มี ตอนนั้นผมทำงาน6ชม.ไม่มีค่าอาหาร (พนง.คนอื่นทำ3ชม.มีค่าอาหาร เหตุผลคือ เพราะผมเข้างานช่วงบ่ายคงกินข้าวมาแล้ว คนอื่นมาเช้าคงไม่ได้กินข้าวเลยให้ค่าอาหาร) ผมทำมาเรื่อยๆนะคับไม่ได้คิดไรมาก ทำทุกอย่างเลย ไม่เคยท้อ จนพนง.ออกไปทีละคนๆ จนเหลือ5คนได้ เลยปรับให้ผมเป็น F/T ทำงานเข้า09:00-19:00(10ชม.) ไม่มีเวลาเบรคนะคับ ถ้าไม่มีลค.ก็นั่งพักผ่อนไป ส่วนวันอาทิตย์ทำงาน09:00-20:00(11ชม.) ถ้ามี ลค.ก็ทำไปอีก15-20นาทีหรือจนกว่าลค.ขะลุกไปเอง ห้ามไปบอกลค.ว่า อีก15นาทีจะปิด *ห้ามเด็ดขาด ให้ลค.ลุกไปเอง กลายเป็นว่า ผมต้องวัดจากลค.คับว่าจะกลับกี่โมงก็ปิดร้านตามนั้นคับ ก็ยังไม่ได้คิดไรมาก ส่วนค่าอาหารกลางวันเค้าบอกรวมกับเงินเดือนไปแล้ว ซึ่งF/Tตอนนั้นเริ่มต้นที่10,000บาท สวัสดิการณ์ยังไม่มีอะไรเลยนอกจากเงินเดือนคับ ผมก็โอเครกับงานคับ ทำงานไป ลักษณะงานก็ทำทุกอย่างแหล่ะคับ รับออร์เดอร์ เสริฟบ้าง เก็บ ล้าง เช็ด ซื้อของเข้าร้าน ทำความสะอาด ทำขนมเค้ก เปิดร้าน ปิดร้าน ถามว่าเหนื่อยไหมก็เหนื่อย สนุกไหมก็สนุก เค้าบอกให้ทำอะไรก็ทำ ผมกล้าพูดกล้าบอกเลยคับว่า ผมไม่เคยมาสาย ไม่เคยเกงาน มาตรงเวลาทุกครั้ง สิ่งที่ดีคือเค้าก็ขึ้นให้ทุกปีคับ แต่มีครั้งนั้นที่ผมตัดสินใจไม่ทำเค้กก็คือ วันนั้น ลค.เยอะมาก มีพนง.หน้าร้าน2คน เจ้าของร้านเดินตรงมาหาผมว่า ชั้นสองเปิดแอร์กี่ตัว ผมเลยตอบไปว่า "ไม่รู้คับพี่ ผมทำเค้กแต่เช้าแล้วยังไม่ได้ขึ้นไปดูเลย" เค้าเลยตอบกลับมาว่า"เราก็ทำด้วย แล้ววิ่งขึ้นไปดูด้วยสิ" ความจริงเค้กที่ทำแต่ละวันมันเยอะนะคับ ที่ตีแป้งไว้ก็มี กำลังอบก็มี ผมจะทิ้งไปได้ยังไงคับ ด้วยอารมณ์ที่เหนื่อยมากเพราะยังไม่ได้ทานข้าวเลย ผมเลยตัดสินใจเลิกทำเค้ก และให้น้อง พนง.อีกคนมาทำแทนโดยคอยบอกเค้าเป็นอย่างๆไปคับ ผมจะได้ออกไปบริการลูกค้ข้างนอกได้แบบหมดห่วงสักที เหมือนจะดีขึ้นนะคับ จนวันหนึ่งพีคสุดๆ เจ้าของร้านเดินมาดึงป้ายเวลาปิด-เปิดร้านออกคับ บอกว่าจะเอามาติดใหม่ ซึ่งช่วงนั้น จำได้คือ ช่วงหน้าเทศกาลอ่ะคับ ลค.จะค่อนข้างเยอะ เราและพนง.คนอื่นๆก็หวังว่าเค้าจะเอามาติดเกือบเดือนผ่านไป ยังไม่มีวี่แววเลย และเหมือนเดิมคือ ห้ามบอกว่าร้านจะปิดแล้ว ถ้าลค.หมดค่อยปิด จนต้องขอคุยด้วยว่าขอให้ติดเพราะลค.จะได้จำเวลาปิดเปิดได้ ซึ่งเจ้าของร้านเค้าก็บอกกับผมคับว่า ไม่อยากติดเวลาปิดเปิดร้าน เหมือนกับไปกดดันลค. เช่น ร้านปิด19:00 หากลค.มาทาน18:50 ลค.ไม่กล้านั่งละ พี่ก็ขาดรายได้สิ เค้าบอกแบบนี้ผมก็ไปไม่ถูก สุดท้ายเค้าก็ต้องยอมติดเวลาคับ เพราะพนง.คนอื่นๆก็ขอร้อง ผ่านไปเดือนกว่าๆคราวหนี้วันอาทิตย์ ต้องทำงาน11ชม. ร้านปิด2ทุ่ม แต่เจ้าของร้านไม่อยากปิดซึ่งก่อนหน้านั้นก็คุยๆกันว่าพี่จะให้โอทีล่วงเวลา100บาท เรากับพนง.อีกคนก็รับปากไปเพราะเค้าอยากปิดสามทุ่มจริงๆ ตอนนั้นเริ่มเหนื่อยแล้วคับ ทำ10ชม.ทุกวัน หยุดสัปดาห์ละ1วัน วันอาทิตย์ทำงาน11-12ชม. ร่างกายเริ่มไม่ไหวละ เลยจะพยายามปิดสองทุ่ม โดยการแอบบอกลค.คับว่า อีก15นาที ขออนุญาตปิดร้านนะคับ โดยไม่ให้เจ้าของร้านรู้ แต่ด้วยที่ลค.บางท่านก็ยังคงนั่งอยู่ ผมและพนง.คนอื่นๆก็เหนื่อยเหมือนกัน ตั้งแต่นั้นมาทุกวันอาทิตย์ เราเลยพยายามปิดสองทุ่มคับ แต่เหมือนเจ้าของร้านจะไม่พอใจ ต่อว่าใหญ่เลยคับ สิ่งที่ผมจำได้จนติดหูทุกวันนี้คือ"เค้าเอาเงินมาให้ไม่อยากได้หรอ พี่อยากได้นะกี่บาทพี่ก็เอา" แต่ต้องแลกกับล่วงเวลากับเงิน100บาท แต่ผมก็ได้คุยไปว่า ตอนนั้นผมรับปากพี่ไปเพราะยังไหวคับ เวลาผ่านไปมันเหนื่อยทุกวันๆ ต้องทำทุกอย่างแม้แต่กระทั้งความสะอาดคือกวาดถู เค้ายืนยันคำตอบเดิมคับว่าจะเปิดถึงสามทุ่ม เราก็ต้องยอมเพราะเค้าเป็นนายจ้าง สรุปก็จะมีบางอาทิตย์ที่ปิดสองทุ่ม บางอาทิตย์ก็ปิดสามทุ่ม ไม่เป็นเวลาคับ จนเวลาส่วนตัว เวลาพักผมหมดไปกับงานทุกวันๆ
จนล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่13สิงหาคมที่ผ่านมา วันเกิดของป้าคับ ซึ่งที่บ้านได้จัดงานวันเกิดขึ้น ซึ่งปกติ วันนี้ ลค.น้อย ตามเวลาคือปิดสองทุ่ม พอตกบ่าย เจ้าของร้านเดินมาบอกว่า วันนี้ปิดสามทุ่มนะ ผมเลยบอกไป วันนี้ผมติดธุระคับพี่ที่บ้านจัดวันเกิดป้า เค้าเลยหันหน้ามาถามว่า"ป้าเกิดวันที่เท่าไหร่ ทำไมต้องจัดวันเกิดวันนี้"ผมตอบไม่ถูกเลยคับ ด้วยความโมโหผมเลยบอกไปว่า งั้นพี่มาอยู่ต่อผมเถอะคับ ผมจิดธุระวันเกิดของป้าจริงๆ เหมือนจะผ่านไปด้วยดีนะคับ พอหนึ่งทุ่มปุ๊บ เรัยกผมขึ้นไป คราวนี้เค้าด่าเลยคับ ด่าผมเต็มๆ "พี่ไม่เข้าใจ ทำไมต้องติดธุระวันนี้ พี่ขอให้ปิดสามทุ่ม พี่ก็อยากได้ตัง เห็นลค.กำลังจะมี บอกไปเราก็ทำหน้าไม่พอใจ แบบนี้จะไปทำงานที่ไหนได้ ถ้าไปทำงานที่อื่น เค้ารู้จักพี่ เราจะทำงานลำบากนะ" ฟังดูเหมือนขู่เลยคับ ผมเลยตัดสินใจลาออกคับ สิ้นเดือนนี้ ด้วยความรู้ที่ผมได้จากการทำขนมเค้ก เลยทำขนมส่งขายคับ #เจ้าของร้านไม่ได้ส่งไปเรียนทำขนม #ครูมาจากกูเกิ้ลกับยูทูปคับ แต่สิ่งที่ทำให้ผมสะเทือนใจกว่านั้นคือ น้องพนักงานไปขอร้องให้ผมอยู่ต่อกับเค้า เค้าบอกกับพนักงานคนนั้นว่า"ไม่ต้อง ไม่เป็นไร อยากจะออกก็ลาออกไปเลย อยากออกนักไม่ใช่หรอ ออกไปเลย ติดป้ายรับคนใหม่มาก็ได้"
4ปีที่ผมทำงานมา สิ่งที่ผมได้รับตอบแทนจากเจ้านาย จากเจ้าของร้าน จากองค์กร คือการไม่เอาใจใส่พนง.เลยจริงๆ
#เค้าไม่เคยถามว่ากินข้าวรึยัง #เค้าไม่เคยถามว่าเหนื่อยไหม #เค้าไม่เคยถามว่าไม่สบายหายหรือยังไปหาหมอมาหรือเปล่า สิ่งที่เค้าเฝ้าถามทุกวันคือ#วันนี้ได้ยอดเท่าไหร่ #ทำไมยอดขายน้อยจัง ทั้งๆที่ เจ้าของร้านทำอะไรไม่เป็นเลย ทำกาแฟไม่เป็น ทำเค้กไม่เป็น จำราคาสินค้ายังไม่ได้ ทำออเดอร์อื่นๆไม่ได้เลยที่ทำเป็นคือ เอาเงินเค้าเก๊ะ ทอนเงิน นับเงินแค่นั้นเอง
4ปี ผมไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไม่มีเวลาให้แฟน ไม่มีเวลาทำอะไรเลย ผมทุ่มเทให้กับองค์กรทุกอย่างแต่สิ่งที่ผมได้มาคือ #ไม่ต้องไม่เป็นไร อยากลาออกก็ออกไปเลย ติดป้ายรับคนใหม่ก็ได้"
ประสบการณ์ที่ผมจะไม่มีวันลืมคับ ตอนนี้ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่า "อย่ารักองค์การมากไป เพราะองค์กรไม่เคยรักเรา"
ขอบคุณคับ