ขอบคุณคุณซองที่ให้คำแนะนำผมเสมอมาเรื่องนิยาย
ทุกครั้งที่ถามไปไม่มีครั้งไหนที่ไม่ตอบ ยกเว้นก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน ที่ผมขอคำแนะนำเรื่องนิยายกลับไปซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย...
ลาก่อน (เรื่องสั้น) โดย เปรียวแด่คุณซอง
(1)
"ขอให้รับรู้ว่านิ้งจะยังคงนิ้งอยู่ในใจของอาร์มเสมอ...แล้วเราจะพบกัน"
อาร์ม ชายหนุ่มวัย 28 เอ่ยคำอำลาเถ้ากระดูกที่ถูกห่ออยู่ในผ้าดิบห่อย่อม บัดนี้ลงไปลอยวนอยู่กลางทะเล กลางแดดเปรี้ยง รายรอบไปด้วยกลีบดอกไม้หลากหลายสีสัน ที่บรรดาหมู่ญาติโปรยลงไป ห่อผ้าดิบนั้นถูกคลื่นอ่อนๆซัดอยู่ 6-7 ครั้ง และลอยวนอยู่แถวนั้นพักหนึ่งก็ค่อยๆจมหายลงไปเหมือนดังเช่นทุกห่อ ไม่มีพิเศษหรือพิสดารพันลึกกว่าห่อไหน
"ชีวิตคนเราก็เท่านี้แหละคุณ จริงๆนะ"
ชายวัยกลางคนผิวคล้ำเนียนเกลี้ยงมีผ้าขาวม้าเคียนเอวกล่าวกับทุกคนที่อยู่ในเรือ สีหน้าของแกหม่นเพราะให้เกียรติผู้วายชนม์และญาติมากกว่าจะรู้สึกเศร้า หลังจากที่คอยกำชับกำชาให้ผู้ร่วมขบวนทำนั่นทำนี่ตามพิธีกรรมจนเสร็จสิ้น แกนั่งลงข้างกราบเรือแล้วกล่าวอะไรงึมงำของแกต่ออีกพักหนึ่งแล้วตะโกนสั่งคนขับเรือให้เบนหัวกลับเข้าท่า กว่าพิธีจะเสร็จสิ้นตะวันก็อยู่ตรงหัวพอดี
"ลาก่อนนะนิ้งลูกรัก พ่อก็ได้แต่หวังว่าเราคงจะได้พบกันใหม่...ที่จริงเราควรมาให้เช้ากว่านี้สักหน่อย มัวแต่โอ้เอ้กัน"
ชายวัยราวสัก 60 ปีได้ เอ่ยแทบจะติดกันเป็นพรืดทั้งอำลาผู้วายชนม์ที่เป็นลูกสาวทั้งตำหนิคนในหมู่คณะ แต่ครั้นเมื่อเห็นทุกคนเงียบกันหมดจะรู้สึกผิดหรืออะไรก็แล้วแต่ ชายผู้นั้นก็หยุดไว้แค่นั้น ส่วนหนึ่งคิดได้ว่า นิ้งลูกสาวที่เพิ่งหมดบุญไปนั้นแม้จะเป็นคนเจ้าความคิด ชอบจัดการอะไรไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่นั่นละ เอาเข้าจริงลูกสาวก็เป็นคนที่ยอมรับฟังเหตุผลคนอื่นเสมอเช่นกัน เขาอดคิดต่อไม่ได้ว่า ถ้าหากขบวนหมู่ญาติที่ยกกันมาที่นี่ จะยกขบวนกันมาตอน4 ทุ่มหรือเที่ยงคืน แต่ถ้าหากมีเหตุผลเพียงพอให้เป็นไปเช่นนั้น ลูกสาวที่เสียไปก็คงไม่ว่าอะไรอีก เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาเลยเงียบเสีย
"นิ้งชอบหมดทุกสี จริงๆนะ ไม่เคยคิดชอบสีใดสีหนึ่ง ชอบความหลากหลายของสีสัน ทำไมคนเราต้องชอบเฉพาะ สีชมพู สีแดง สีแสดด้วย อย่างนี้สีอื่นไม่น้อยใจเอาเหรอ"
อาร์ม ผู้เป็นแฟนหนุ่มยังจำได้ ที่ครั้งหนึ่งปลายประโยคของผู้ที่กลายสภาพเป็นกระดูกอยู่ในห่อผ้าดิบเมื่อครู่สูงปรี๊ดจนน่าขัน ที่เธอประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนพร้อมแจงเหตุผลประกอบกระทั่งความชอบเรื่องสี
เมื่อครั้งยังมีชีวิต เธอและเขามักจะถกกันเรื่องสัพเพเหระ ทั้งเรื่องการเมือง การมุ้ง ของผู้คนรอบข้าง เรื่องแมลงวันแมงหวี่เรื่อยไปจนกระทั่งเรื่องยุงก้นปล่อง ทั้งไร้สาระ ไม่ไร้สาระเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ยามใดที่ชายหนุ่มเถียงสู้ไม่ได้ก็จะงอนไปสี่ซ้าห้าวันบ้าง หายแล้วก็กลับมาคุยกันใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"นิ้งเป็นทอมเปล่าเนี่ย อาร์มไม่เคยเห็นนิ้งงอนใส่อาร์มบ้างเลย" ชายหนุ่มยังจำได้ครั้งหนึ่งนานมาแล้วเขาเคยถามเธอเช่นนี้
"บ้า" หญิงสาวตบท้ายทอยเขาเบาๆเชิงสัพยอก "ชีวิตคนเรามันสั้นนัก จะมามัวงอนเงินให้เสียเวลาชีวิตทำไมน่ะ"
ชายหนุ่มยังจำได้แม่นว่าหญิงสาวตอบเขาเช่นนี้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงกับเบือนหน้าหนีเมื่อพิธีการเสร็จสิ้น แม้ว่าดอกไม้นั้นจำได้ว่าเมื่อเย็นวานเขาเหนื่อยแสนสาหัส ขับรถควานหาแทบจะทั่วทั้งปากคลองตลาด ตั้งใจมีให้ครบทุกเฉดสีตามเจตนารมณ์ที่เคยย้ำชัดของเธอ และแม้ว่าวันนี้จะใส่แว่นดำพรางเอาไว้ก็แล้ว แต่จนบัดนี้ ก็ยังรับรู้ได้อยู่ว่า แทบไม่อาจทนฝืนอยู่กับภาพห่อกระดูกตรงหน้านั้นได้ ขณะที่นั่งสงบจิตใจอยู่ ชายหนุ่มได้แต่บอกกับตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยว่าให้กัดฟันทนฝืน
ได้แต่พยายามคิดให้ตัวเองสบายใจว่า ชีวิตของนิ้งแฟนสาว ถึงแม้จะสั้นแต่ก็มีสีสันครบรสคนหนึ่ง เขาเองที่ยังนั่งมีลมหายใจอยู่นี่ยอมรับว่ายังสู้ไม่ได้ ชายหนุ่มยังจำได้เมื่อครั้งยังมีชีวิตเธอเป็นคนเก่งอะไรทุกอย่าง หนำซ้ำสมัยที่เรียนยังเคยเป็นทั้งประธานเชียร์ ประธานว้าก ประธานกลุ่มอะไรต่อมิอะไร แม้แต่กับเพื่อนเล่นข้างบ้านสมัยเด็ก เธอก็ยังเป็นหัวหน้าแก๊งอยู่ดี จำได้ว่าโรงเรียนเลิกกลับมาบ้านจะเล่นอะไรสนุกกันสักอย่างเธอก็มักจะเป็นต้นคิดเสมอ น่าขันที่เขาเองแม้จะเป็นผู้ชายและอยู่บ้านใกล้ๆกัน แต่ก็เป็นผู้ตามมาโดยตลอด กระทั่งตอนที่ตกลงเป็นแฟนกันชายหนุ่มยังจำได้ดีว่าเธอนั่นเองที่เป็นฝ่ายเริ่ม
พิธีการในวันนี้นอกจากจะมีพ่อ พี่ๆน้องๆ แม่เลี้ยงของนิ้ง ชายหนุ่มเองที่เป็นแฟน แล้วก็มีน้องเอ๋ย พยาบาลสาวจากจังหวัดแพร่ ผู้ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียทางกฎหมาย หรือส่วนเกี่ยวข้องอะไรทางสายเลือดกับนิ้งเลย หากจะนับว่าเป็นเพื่อน เป็นน้อง ที่ผู้ตายเคยรู้จัก ทั้งสองก็เคยพบหน้าค่าตากันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่กระนั้น เอ๋ยก็ถึงกับตัดสินใจลางานนั่งรถทัวร์ลงมาเพื่อการนี้
เอ๋ยค่อยๆหยิบซองสีชมพูอ่อนออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ชายหนุ่มดูพร้อมกับเอ่ยถาม
"เอ๋ยหย่อนซองนี้ลงไปในน้ำด้วยจะดีมั้ยนะ"
ชายหนุ่มค่อยๆแกะซองออกมาอ่าน ยิ้มน้อยๆอย่างอดไม่ได้ คืนซองให้เธอ แล้วตอบ
"การ์ดแต่งงาน...พี่ว่าก็ดีนะ ให้พี่นิ้งเขาได้รับรู้ก็ดีเหมือนกัน"
"พี่นิ้งคะ เอ๋ยมาส่งพี่ ขอขอบคุณในน้ำใจไมตรีของพี่ที่มีให้เอ๋ยมาตลอด เอ๋ยไม่รู้จะตอบแทนพี่อย่างไรได้ ทั้งยังไม่มีโอกาสเชิญพี่ไปงาน ขอส่งข่าวดีของเอ๋ยให้พี่นิ้งได้รับรู้นะคะ" เธอพนมมือไหว้พร้อมกล่าวอะไรยืดยาว แล้วค่อยๆกระมิดกระเมี้ยนหย่อนมันลงไป...
*****
(2)
"อาร์มทำสิ่งนี้เพื่อนิ้งจะได้มั้ย ให้ถือเสียว่านิ้งขอ"
ก่อนหน้านั้นราวสักเดือนเศษที่หญิงสาวกล่าวกับชายหนุ่ม ขณะที่แวะไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลหลังเลิกงานดังเช่นทุกวัน ชายหนุ่มยังจำได้
"ได้" เขาตอบรับเธอแทบจะทันทีเหมือนดังเช่นทุกครั้ง โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าเธอให้ทำอะไร อันที่จริงส่วนหนึ่งเพราะรับรู้จากคุณหมอเจ้าของไข้อยู่เป็นระยะว่าเวลาของเธอเหลืออีกไม่มากแล้ว
"ขยับมานั่งใกล้ๆสิ ผมยาวแล้วนะ" เธอว่ามืออันซีดเซียวของเธอคว้ามือชายหนุ่มมากุม สักพักมือนั้นลากเลื้อยไปที่ต้นคอ ท้ายทอย
"ยาวที่ไหน" เขาค้าน
"ก็ทรงสกินเฮดนี่ แค่นี้ถือว่ายาวมากแล้ว" หญิงสาวลูบไล้ไปทั่วศรีษะทุยสวยของเขา "มันยากนะที่ใครจะตัดทรงนี้แล้วดูดี"
"จะให้บวชให้เลยมั้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้อาร์มโกนหัวบวชให้เลยงั้น" ชายหนุ่มนึกขันยิ้มให้เธอทั้งน้ำตา
"ไม่ต้องหรอก...จริงๆนะ คนอย่างอาร์มน่ะไม่ต้องบวชให้นิ้งหรอก เพราะออกจะเป็นคนดีและเชื่อฟังมาตลอด แค่นี้ก็พอแล้ว จริงๆนะ ดีใจที่ชีวิตนี้นิ้งได้เจออาร์ม ได้รัก และยังได้รับความรักตอบ" เสียงของเธอสั่นเครือแหบหายลงไปในลำคอเป็นห้วงๆ ระหว่างพูดต้องคอยจิบน้ำอยู่เป็นระยะ มีน้ำซึมที่หางตาจนเธอต้องแกล้งคันแล้วขยี้
"หือ อย่างนั้นเชียว" ชายหนุ่มอดน้ำตาคลอหน่วยไปด้วยไม่ได้ "เปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ ไม่เอาแล้ว" ว่าแล้วก็ทำท่าผละไปที่อื่นแต่งหญิงสาวคงยังรั้งไว้
"มีอะไรหรือ เห็นแปลกๆตั้งแต่แวะเข้ามาแล้ว หรือวันนี้มีอะไรมาอวดอีก" เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยเพราะตั้งแต่ที่เธอต้องออกจากงานและมารักษาตัวด้วยโรคมะเร็งอยู่ที่นี่ วันทั้งวันก็แทบจะนอนแบ็บอยู่บนเตียง แต่กระนั้นหญิงสาวก็มักจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เขาอยู่เสมอ รวมถึงยังรู้อะไรดีกว่าเขาเองที่วันๆออกไปตะลอนทำงานอยู่ข้างนอกเสียอีก
"จริงๆก็มีนั่นแหละ" เธอกล่าว และตั้งใจมองหน้าชายหนุ่มอย่างพินิจ "อาร์มยังเชื่ออยู่ใช่ไหมว่านิ้งรักอาร์ม รักอย่างบริสุทธิ์สุดจะบรรยาย" เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาเขา
"เชื่อสิ...ทำไมจะไม่เชื่อ ทำมาหวานใส่จะใช้ให้ทำอะไรอีก ต้องให้สัญญามั้ยว่าอาร์มจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามสิ่งที่นิ้งพูดที่นิ้งบอกอย่างเช่นทุกครั้ง"
ชายหนุ่มนึกสนุกยกมือขวาขึ้น และตั้งท่าจะกล่าวอะไรสักอย่าง แต่หญิงสาวชิงห้ามเสียก่อน
"ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องสัญญาอะไรทั้งสิ้น นิ้งแค่ขอแค่นั้น แต่ขอครั้งนี้แล้วคงจะไม่ขออะไรอีกแล้ว" ไม่รอช้าเธอเอาแท็บเล็ตที่สอดไว้ใต้หมอนออกมาเปิดรูปต่างๆให้ชายหนุ่มดูและเริ่มต้นกล่าว...
"น้องเอ๋ย เป็นน้องผู้หญิงที่นิ้งรักมาก รู้จักกันทางเฟสบุ๊คเมื่อ 2 ปีที่แล้ว"
"ฮื่อ จำได้ น้องพยาบาลจังหวัดแพร่ คนที่พอนิ้งลงรูป น้องเขาจะรีบเข้ามากดไลค์ อะไรจะขนาดนั้น น้องคนที่นิ้งชอบเข้าไปส่องหน้าเฟสเขาบ่อยๆ"
"คนที่อาร์มเคยงอน หาว่านิ้งเป็นทอมแอบชอบน้องเขา"
"ฮื่อ จำได้" ชายหนุ่มหัวเราะ ใจจริงอยากจะหัวเราะให้ดังกว่านั้น แต่มีอะไรบางอย่างที่ลุ้นอยู่ว่าหญิงสาวจะมาไม้ไหน เลยหัวเราะไม่ออก
"สวยเนอะ" หญิงสาวชี้ให้ดูรูปน้องเอ๋ยรูปหนึ่งที่เธอชอบนักและมองหน้าชายหนุ่ม
"จริงๆไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว แต่สวยและมีสาระประโยชน์ ก่อนหน้านี้นิ้งโอนเงินไปให้น้องเอ๋ยบ่อยๆ น้องเขามีโครงการทำประโยชน์ให้บ้านเกิดของน้องเยอะแยะ จริงๆแล้วนิ้งแอบไปเจอน้องเขามาเมื่อเดือนที่แล้ว" หญิงสาวสารภาพ
"ตอนไหน ทำไมอาร์มเห็นไม่รู้เลย"
"อาร์มต้องรู้ทุกเรื่องเลยว่างั้น" เธอแสร้งทำเสียงสูง "เดือนที่แล้วที่นิ้งขออาร์มว่าจะขอไปชะอำกับที่บ้าน และไม่ยอมให้อาร์มตามไปด้วย"
"แต่จริงๆแล้วคือแอบไปแพร่ ว่างั้น"
"ฮื่อ"
"แล้วไงต่อ"
"นิ้งไปนอนค้างบ้านน้องเขา 2 คืน ตัวจริงน้องเอ๋ยสวยกว่าในรูป แต่ที่น่าขำคือตอนแรกน้องบอกว่านิ้งในรูปสวยกว่าตัวจริง แต่น้องเขาขอเปลี่ยนคำพูดใหม่บอกพูดผิดแต่ไม่ทันแล้ว แต่นั่นกลับยิ่งทำให้นิ้งชอบในตัวน้องเขา มันดูจริงใจดี ไม่เสแสร้ง"
หญิงสาวเล่า หยุดมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งซุกอยู่ข้างเตียงเป็นระยะ
"นิ้งคงอยู่ได้อีกไม่นาน ที่จริงอาร์มคงรู้ดีกว่านิ้งเสียอีก หมอคงเล่าให้ฟังมากกว่าคนป่วยเองละมัง ก่อนจะตายถ้านิ้งสามารถขออะไรในโลกนี้ได้สักอย่าง นิ้งอยากขอให้อาร์มได้แต่งงานกับน้องเขา"
หญิงสาวพูดชัดถ้อยชัดคำมองหน้าชายหนุ่มขณะที่พูด เขาเองตะลึงพูดไม่ออก ใจได้แต่นึกไปถึงคำพูดของคุณหมอเจ้าของไข้ที่คอยพูดซ้ำๆทุกวันให้ญาติทำใจว่าเธอคงอยู่อีกไม่นาน
"เคยอ่านเจอในหนังสือ หลายคนก่อนตายมักจะเปลี่ยนความคิดเป็นนึกถึงจิตใจคนอื่นก่อน ที่โกรธก็จะคืนดี ยอมให้อภัยแม้แต่ก่อนไม่เคยทำมาเลยในชีวิต จะเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ก่อนตายหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่นิ้งกลับไม่ใช่ นิ้งยอมรับว่ารักอาร์มมาก มากจนเกิดความเห็นแก่ตัวเอง ก่อนตายเลยไม่คิดจะบำเพ็ญเพียรอะไรทั้งสิ้น"
หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้งและน้ำตาเริ่มคลอ
"นิ้งจะทำอย่างนั้นไปทำไม อย่าเป็นห่วงอาร์มเลย อาร์มจะอยู่ให้ได้ ห่วงตัวเองก่อนเถอะ"
"แล้วถ้าอาร์มจะลองดู ลองให้นิ้งได้ทำตามความคิดฝันครั้งสุดท้ายก่อนตายจะได้มั้ย" มืออันซีดเซียวเหี่ยวแห้งของเธอลูบไล้ไปมาที่ศรีษะทุยนั้นและร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดปิดบังอีก
"โดย..." ชายหนุ่มเสียงแข็งทั้งน้ำตา
"นี่คือ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ตั๋วเครื่องบิน"
เธอสอดมือเข้าไปใต้หมอนอีกครั้งแล้วเอามันออกมายื่นให้ชายหนุ่ม
"ลองให้โอกาสนิ้งได้ทำตามความคิดฝันก่อนตายจะได้มั้ย ลองดู นิ้งอยากให้อาร์มได้รู้จักกับน้องเขา แฟนอาร์มเป็นคนชอบจัดการอะไรๆอาร์มก็รู้นี่ แต่ก็จะตายแล้วต่อไปคงไม่ได้จัดการอะไรให้อีกแล้วละ"
"กลัวอาร์มจะไปคว้าเอาใครไม่รู้เป็นแฟนเหมือนที่นิ้งเคยบ่นเรื่องแม่เลี้ยงกับพี่สะใภ้คนใหม่งั้นหรือ"
ชายหนุ่มรู้ทัน หญิงสาวไม่ว่าอะไรตอบ เขารับเอาสิ่งที่เธอยื่นให้มาอย่างเสียไม่ได้ เมื่อเอามาดูพบว่าเธอบันทึกสิ่งต่างๆที่จำเป็นไว้ให้อย่างละเอียด เป็นต้นว่า สิ่งที่ชอบ ไม่ชอบของน้องเอ๋ย แผนที่บ้าน รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ เบอร์ที่ทำงาน ที่พัก ตัวหนังสือนั้นตั้งใจเขียนให้อ่านง่ายกว่าเคย แทบเหมือนคัดลายมือ ลงท้ายบันทึกนั้นยังระบุด้วยว่าเธอได้บอกความตั้งใจของเธอกับน้องเอ๋ยแล้ว น้องเอ๋ยไม่ได้ปฏิเสธอะไร ทั้งยังมีปัจฉิมลิขิตไว้ตอนท้ายกระดาษให้เขาได้ขำเล่นทั้งน้ำตา ...ยอมรับว่าส่วนหนึ่งของความคิดนี้มาจากที่น้องเขาออกปากชมมาเป็นคอมเมนท์ในเฟสบุ๊คบ่อยๆตลอด 2 ปีที่เป็นเพื่อนกันว่า
'แฟนพี่หล่อจัง'
*****
(3)
คนขับเรือชลอความเร็ว ชายวัยกลางคนผิวคล้ำเนียนที่มีผ้าขาวม้าเคียนเอวนำหมู่คณะในเรือไปทำพิธีกรรมเมื่อครู่อย่างเคร่งขรึมกลางทะเลลึก บัดนี้กลายร่างเป็นเด็กคุมเรือ แกรีบก้าวยาวๆขึ้นท่า คว้าเชือกจากหัวเรือมัดไปที่ตอไม้แถวนั้นอ
ลาก่อน ...เรื่องสั้นที่ได้รับเกียรติให้ร่วมงานกับคุณซอง ...เรื่องสั้นเรื่องแรกของผม
ทุกครั้งที่ถามไปไม่มีครั้งไหนที่ไม่ตอบ ยกเว้นก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน ที่ผมขอคำแนะนำเรื่องนิยายกลับไปซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย...
ลาก่อน (เรื่องสั้น) โดย เปรียวแด่คุณซอง
(1)
"ขอให้รับรู้ว่านิ้งจะยังคงนิ้งอยู่ในใจของอาร์มเสมอ...แล้วเราจะพบกัน"
อาร์ม ชายหนุ่มวัย 28 เอ่ยคำอำลาเถ้ากระดูกที่ถูกห่ออยู่ในผ้าดิบห่อย่อม บัดนี้ลงไปลอยวนอยู่กลางทะเล กลางแดดเปรี้ยง รายรอบไปด้วยกลีบดอกไม้หลากหลายสีสัน ที่บรรดาหมู่ญาติโปรยลงไป ห่อผ้าดิบนั้นถูกคลื่นอ่อนๆซัดอยู่ 6-7 ครั้ง และลอยวนอยู่แถวนั้นพักหนึ่งก็ค่อยๆจมหายลงไปเหมือนดังเช่นทุกห่อ ไม่มีพิเศษหรือพิสดารพันลึกกว่าห่อไหน
"ชีวิตคนเราก็เท่านี้แหละคุณ จริงๆนะ"
ชายวัยกลางคนผิวคล้ำเนียนเกลี้ยงมีผ้าขาวม้าเคียนเอวกล่าวกับทุกคนที่อยู่ในเรือ สีหน้าของแกหม่นเพราะให้เกียรติผู้วายชนม์และญาติมากกว่าจะรู้สึกเศร้า หลังจากที่คอยกำชับกำชาให้ผู้ร่วมขบวนทำนั่นทำนี่ตามพิธีกรรมจนเสร็จสิ้น แกนั่งลงข้างกราบเรือแล้วกล่าวอะไรงึมงำของแกต่ออีกพักหนึ่งแล้วตะโกนสั่งคนขับเรือให้เบนหัวกลับเข้าท่า กว่าพิธีจะเสร็จสิ้นตะวันก็อยู่ตรงหัวพอดี
"ลาก่อนนะนิ้งลูกรัก พ่อก็ได้แต่หวังว่าเราคงจะได้พบกันใหม่...ที่จริงเราควรมาให้เช้ากว่านี้สักหน่อย มัวแต่โอ้เอ้กัน"
ชายวัยราวสัก 60 ปีได้ เอ่ยแทบจะติดกันเป็นพรืดทั้งอำลาผู้วายชนม์ที่เป็นลูกสาวทั้งตำหนิคนในหมู่คณะ แต่ครั้นเมื่อเห็นทุกคนเงียบกันหมดจะรู้สึกผิดหรืออะไรก็แล้วแต่ ชายผู้นั้นก็หยุดไว้แค่นั้น ส่วนหนึ่งคิดได้ว่า นิ้งลูกสาวที่เพิ่งหมดบุญไปนั้นแม้จะเป็นคนเจ้าความคิด ชอบจัดการอะไรไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่นั่นละ เอาเข้าจริงลูกสาวก็เป็นคนที่ยอมรับฟังเหตุผลคนอื่นเสมอเช่นกัน เขาอดคิดต่อไม่ได้ว่า ถ้าหากขบวนหมู่ญาติที่ยกกันมาที่นี่ จะยกขบวนกันมาตอน4 ทุ่มหรือเที่ยงคืน แต่ถ้าหากมีเหตุผลเพียงพอให้เป็นไปเช่นนั้น ลูกสาวที่เสียไปก็คงไม่ว่าอะไรอีก เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาเลยเงียบเสีย
"นิ้งชอบหมดทุกสี จริงๆนะ ไม่เคยคิดชอบสีใดสีหนึ่ง ชอบความหลากหลายของสีสัน ทำไมคนเราต้องชอบเฉพาะ สีชมพู สีแดง สีแสดด้วย อย่างนี้สีอื่นไม่น้อยใจเอาเหรอ"
อาร์ม ผู้เป็นแฟนหนุ่มยังจำได้ ที่ครั้งหนึ่งปลายประโยคของผู้ที่กลายสภาพเป็นกระดูกอยู่ในห่อผ้าดิบเมื่อครู่สูงปรี๊ดจนน่าขัน ที่เธอประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนพร้อมแจงเหตุผลประกอบกระทั่งความชอบเรื่องสี
เมื่อครั้งยังมีชีวิต เธอและเขามักจะถกกันเรื่องสัพเพเหระ ทั้งเรื่องการเมือง การมุ้ง ของผู้คนรอบข้าง เรื่องแมลงวันแมงหวี่เรื่อยไปจนกระทั่งเรื่องยุงก้นปล่อง ทั้งไร้สาระ ไม่ไร้สาระเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ยามใดที่ชายหนุ่มเถียงสู้ไม่ได้ก็จะงอนไปสี่ซ้าห้าวันบ้าง หายแล้วก็กลับมาคุยกันใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"นิ้งเป็นทอมเปล่าเนี่ย อาร์มไม่เคยเห็นนิ้งงอนใส่อาร์มบ้างเลย" ชายหนุ่มยังจำได้ครั้งหนึ่งนานมาแล้วเขาเคยถามเธอเช่นนี้
"บ้า" หญิงสาวตบท้ายทอยเขาเบาๆเชิงสัพยอก "ชีวิตคนเรามันสั้นนัก จะมามัวงอนเงินให้เสียเวลาชีวิตทำไมน่ะ"
ชายหนุ่มยังจำได้แม่นว่าหญิงสาวตอบเขาเช่นนี้ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงกับเบือนหน้าหนีเมื่อพิธีการเสร็จสิ้น แม้ว่าดอกไม้นั้นจำได้ว่าเมื่อเย็นวานเขาเหนื่อยแสนสาหัส ขับรถควานหาแทบจะทั่วทั้งปากคลองตลาด ตั้งใจมีให้ครบทุกเฉดสีตามเจตนารมณ์ที่เคยย้ำชัดของเธอ และแม้ว่าวันนี้จะใส่แว่นดำพรางเอาไว้ก็แล้ว แต่จนบัดนี้ ก็ยังรับรู้ได้อยู่ว่า แทบไม่อาจทนฝืนอยู่กับภาพห่อกระดูกตรงหน้านั้นได้ ขณะที่นั่งสงบจิตใจอยู่ ชายหนุ่มได้แต่บอกกับตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยว่าให้กัดฟันทนฝืน
ได้แต่พยายามคิดให้ตัวเองสบายใจว่า ชีวิตของนิ้งแฟนสาว ถึงแม้จะสั้นแต่ก็มีสีสันครบรสคนหนึ่ง เขาเองที่ยังนั่งมีลมหายใจอยู่นี่ยอมรับว่ายังสู้ไม่ได้ ชายหนุ่มยังจำได้เมื่อครั้งยังมีชีวิตเธอเป็นคนเก่งอะไรทุกอย่าง หนำซ้ำสมัยที่เรียนยังเคยเป็นทั้งประธานเชียร์ ประธานว้าก ประธานกลุ่มอะไรต่อมิอะไร แม้แต่กับเพื่อนเล่นข้างบ้านสมัยเด็ก เธอก็ยังเป็นหัวหน้าแก๊งอยู่ดี จำได้ว่าโรงเรียนเลิกกลับมาบ้านจะเล่นอะไรสนุกกันสักอย่างเธอก็มักจะเป็นต้นคิดเสมอ น่าขันที่เขาเองแม้จะเป็นผู้ชายและอยู่บ้านใกล้ๆกัน แต่ก็เป็นผู้ตามมาโดยตลอด กระทั่งตอนที่ตกลงเป็นแฟนกันชายหนุ่มยังจำได้ดีว่าเธอนั่นเองที่เป็นฝ่ายเริ่ม
พิธีการในวันนี้นอกจากจะมีพ่อ พี่ๆน้องๆ แม่เลี้ยงของนิ้ง ชายหนุ่มเองที่เป็นแฟน แล้วก็มีน้องเอ๋ย พยาบาลสาวจากจังหวัดแพร่ ผู้ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียทางกฎหมาย หรือส่วนเกี่ยวข้องอะไรทางสายเลือดกับนิ้งเลย หากจะนับว่าเป็นเพื่อน เป็นน้อง ที่ผู้ตายเคยรู้จัก ทั้งสองก็เคยพบหน้าค่าตากันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่กระนั้น เอ๋ยก็ถึงกับตัดสินใจลางานนั่งรถทัวร์ลงมาเพื่อการนี้
เอ๋ยค่อยๆหยิบซองสีชมพูอ่อนออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ชายหนุ่มดูพร้อมกับเอ่ยถาม
"เอ๋ยหย่อนซองนี้ลงไปในน้ำด้วยจะดีมั้ยนะ"
ชายหนุ่มค่อยๆแกะซองออกมาอ่าน ยิ้มน้อยๆอย่างอดไม่ได้ คืนซองให้เธอ แล้วตอบ
"การ์ดแต่งงาน...พี่ว่าก็ดีนะ ให้พี่นิ้งเขาได้รับรู้ก็ดีเหมือนกัน"
"พี่นิ้งคะ เอ๋ยมาส่งพี่ ขอขอบคุณในน้ำใจไมตรีของพี่ที่มีให้เอ๋ยมาตลอด เอ๋ยไม่รู้จะตอบแทนพี่อย่างไรได้ ทั้งยังไม่มีโอกาสเชิญพี่ไปงาน ขอส่งข่าวดีของเอ๋ยให้พี่นิ้งได้รับรู้นะคะ" เธอพนมมือไหว้พร้อมกล่าวอะไรยืดยาว แล้วค่อยๆกระมิดกระเมี้ยนหย่อนมันลงไป...
*****
(2)
"อาร์มทำสิ่งนี้เพื่อนิ้งจะได้มั้ย ให้ถือเสียว่านิ้งขอ"
ก่อนหน้านั้นราวสักเดือนเศษที่หญิงสาวกล่าวกับชายหนุ่ม ขณะที่แวะไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลหลังเลิกงานดังเช่นทุกวัน ชายหนุ่มยังจำได้
"ได้" เขาตอบรับเธอแทบจะทันทีเหมือนดังเช่นทุกครั้ง โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าเธอให้ทำอะไร อันที่จริงส่วนหนึ่งเพราะรับรู้จากคุณหมอเจ้าของไข้อยู่เป็นระยะว่าเวลาของเธอเหลืออีกไม่มากแล้ว
"ขยับมานั่งใกล้ๆสิ ผมยาวแล้วนะ" เธอว่ามืออันซีดเซียวของเธอคว้ามือชายหนุ่มมากุม สักพักมือนั้นลากเลื้อยไปที่ต้นคอ ท้ายทอย
"ยาวที่ไหน" เขาค้าน
"ก็ทรงสกินเฮดนี่ แค่นี้ถือว่ายาวมากแล้ว" หญิงสาวลูบไล้ไปทั่วศรีษะทุยสวยของเขา "มันยากนะที่ใครจะตัดทรงนี้แล้วดูดี"
"จะให้บวชให้เลยมั้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้อาร์มโกนหัวบวชให้เลยงั้น" ชายหนุ่มนึกขันยิ้มให้เธอทั้งน้ำตา
"ไม่ต้องหรอก...จริงๆนะ คนอย่างอาร์มน่ะไม่ต้องบวชให้นิ้งหรอก เพราะออกจะเป็นคนดีและเชื่อฟังมาตลอด แค่นี้ก็พอแล้ว จริงๆนะ ดีใจที่ชีวิตนี้นิ้งได้เจออาร์ม ได้รัก และยังได้รับความรักตอบ" เสียงของเธอสั่นเครือแหบหายลงไปในลำคอเป็นห้วงๆ ระหว่างพูดต้องคอยจิบน้ำอยู่เป็นระยะ มีน้ำซึมที่หางตาจนเธอต้องแกล้งคันแล้วขยี้
"หือ อย่างนั้นเชียว" ชายหนุ่มอดน้ำตาคลอหน่วยไปด้วยไม่ได้ "เปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะ ไม่เอาแล้ว" ว่าแล้วก็ทำท่าผละไปที่อื่นแต่งหญิงสาวคงยังรั้งไว้
"มีอะไรหรือ เห็นแปลกๆตั้งแต่แวะเข้ามาแล้ว หรือวันนี้มีอะไรมาอวดอีก" เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยเพราะตั้งแต่ที่เธอต้องออกจากงานและมารักษาตัวด้วยโรคมะเร็งอยู่ที่นี่ วันทั้งวันก็แทบจะนอนแบ็บอยู่บนเตียง แต่กระนั้นหญิงสาวก็มักจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เขาอยู่เสมอ รวมถึงยังรู้อะไรดีกว่าเขาเองที่วันๆออกไปตะลอนทำงานอยู่ข้างนอกเสียอีก
"จริงๆก็มีนั่นแหละ" เธอกล่าว และตั้งใจมองหน้าชายหนุ่มอย่างพินิจ "อาร์มยังเชื่ออยู่ใช่ไหมว่านิ้งรักอาร์ม รักอย่างบริสุทธิ์สุดจะบรรยาย" เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาเขา
"เชื่อสิ...ทำไมจะไม่เชื่อ ทำมาหวานใส่จะใช้ให้ทำอะไรอีก ต้องให้สัญญามั้ยว่าอาร์มจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามสิ่งที่นิ้งพูดที่นิ้งบอกอย่างเช่นทุกครั้ง"
ชายหนุ่มนึกสนุกยกมือขวาขึ้น และตั้งท่าจะกล่าวอะไรสักอย่าง แต่หญิงสาวชิงห้ามเสียก่อน
"ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องสัญญาอะไรทั้งสิ้น นิ้งแค่ขอแค่นั้น แต่ขอครั้งนี้แล้วคงจะไม่ขออะไรอีกแล้ว" ไม่รอช้าเธอเอาแท็บเล็ตที่สอดไว้ใต้หมอนออกมาเปิดรูปต่างๆให้ชายหนุ่มดูและเริ่มต้นกล่าว...
"น้องเอ๋ย เป็นน้องผู้หญิงที่นิ้งรักมาก รู้จักกันทางเฟสบุ๊คเมื่อ 2 ปีที่แล้ว"
"ฮื่อ จำได้ น้องพยาบาลจังหวัดแพร่ คนที่พอนิ้งลงรูป น้องเขาจะรีบเข้ามากดไลค์ อะไรจะขนาดนั้น น้องคนที่นิ้งชอบเข้าไปส่องหน้าเฟสเขาบ่อยๆ"
"คนที่อาร์มเคยงอน หาว่านิ้งเป็นทอมแอบชอบน้องเขา"
"ฮื่อ จำได้" ชายหนุ่มหัวเราะ ใจจริงอยากจะหัวเราะให้ดังกว่านั้น แต่มีอะไรบางอย่างที่ลุ้นอยู่ว่าหญิงสาวจะมาไม้ไหน เลยหัวเราะไม่ออก
"สวยเนอะ" หญิงสาวชี้ให้ดูรูปน้องเอ๋ยรูปหนึ่งที่เธอชอบนักและมองหน้าชายหนุ่ม
"จริงๆไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว แต่สวยและมีสาระประโยชน์ ก่อนหน้านี้นิ้งโอนเงินไปให้น้องเอ๋ยบ่อยๆ น้องเขามีโครงการทำประโยชน์ให้บ้านเกิดของน้องเยอะแยะ จริงๆแล้วนิ้งแอบไปเจอน้องเขามาเมื่อเดือนที่แล้ว" หญิงสาวสารภาพ
"ตอนไหน ทำไมอาร์มเห็นไม่รู้เลย"
"อาร์มต้องรู้ทุกเรื่องเลยว่างั้น" เธอแสร้งทำเสียงสูง "เดือนที่แล้วที่นิ้งขออาร์มว่าจะขอไปชะอำกับที่บ้าน และไม่ยอมให้อาร์มตามไปด้วย"
"แต่จริงๆแล้วคือแอบไปแพร่ ว่างั้น"
"ฮื่อ"
"แล้วไงต่อ"
"นิ้งไปนอนค้างบ้านน้องเขา 2 คืน ตัวจริงน้องเอ๋ยสวยกว่าในรูป แต่ที่น่าขำคือตอนแรกน้องบอกว่านิ้งในรูปสวยกว่าตัวจริง แต่น้องเขาขอเปลี่ยนคำพูดใหม่บอกพูดผิดแต่ไม่ทันแล้ว แต่นั่นกลับยิ่งทำให้นิ้งชอบในตัวน้องเขา มันดูจริงใจดี ไม่เสแสร้ง"
หญิงสาวเล่า หยุดมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งซุกอยู่ข้างเตียงเป็นระยะ
"นิ้งคงอยู่ได้อีกไม่นาน ที่จริงอาร์มคงรู้ดีกว่านิ้งเสียอีก หมอคงเล่าให้ฟังมากกว่าคนป่วยเองละมัง ก่อนจะตายถ้านิ้งสามารถขออะไรในโลกนี้ได้สักอย่าง นิ้งอยากขอให้อาร์มได้แต่งงานกับน้องเขา"
หญิงสาวพูดชัดถ้อยชัดคำมองหน้าชายหนุ่มขณะที่พูด เขาเองตะลึงพูดไม่ออก ใจได้แต่นึกไปถึงคำพูดของคุณหมอเจ้าของไข้ที่คอยพูดซ้ำๆทุกวันให้ญาติทำใจว่าเธอคงอยู่อีกไม่นาน
"เคยอ่านเจอในหนังสือ หลายคนก่อนตายมักจะเปลี่ยนความคิดเป็นนึกถึงจิตใจคนอื่นก่อน ที่โกรธก็จะคืนดี ยอมให้อภัยแม้แต่ก่อนไม่เคยทำมาเลยในชีวิต จะเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ก่อนตายหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่นิ้งกลับไม่ใช่ นิ้งยอมรับว่ารักอาร์มมาก มากจนเกิดความเห็นแก่ตัวเอง ก่อนตายเลยไม่คิดจะบำเพ็ญเพียรอะไรทั้งสิ้น"
หญิงสาวมองหน้าเขาอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้งและน้ำตาเริ่มคลอ
"นิ้งจะทำอย่างนั้นไปทำไม อย่าเป็นห่วงอาร์มเลย อาร์มจะอยู่ให้ได้ ห่วงตัวเองก่อนเถอะ"
"แล้วถ้าอาร์มจะลองดู ลองให้นิ้งได้ทำตามความคิดฝันครั้งสุดท้ายก่อนตายจะได้มั้ย" มืออันซีดเซียวเหี่ยวแห้งของเธอลูบไล้ไปมาที่ศรีษะทุยนั้นและร้องไห้ออกมาอย่างไม่คิดปิดบังอีก
"โดย..." ชายหนุ่มเสียงแข็งทั้งน้ำตา
"นี่คือ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ตั๋วเครื่องบิน"
เธอสอดมือเข้าไปใต้หมอนอีกครั้งแล้วเอามันออกมายื่นให้ชายหนุ่ม
"ลองให้โอกาสนิ้งได้ทำตามความคิดฝันก่อนตายจะได้มั้ย ลองดู นิ้งอยากให้อาร์มได้รู้จักกับน้องเขา แฟนอาร์มเป็นคนชอบจัดการอะไรๆอาร์มก็รู้นี่ แต่ก็จะตายแล้วต่อไปคงไม่ได้จัดการอะไรให้อีกแล้วละ"
"กลัวอาร์มจะไปคว้าเอาใครไม่รู้เป็นแฟนเหมือนที่นิ้งเคยบ่นเรื่องแม่เลี้ยงกับพี่สะใภ้คนใหม่งั้นหรือ"
ชายหนุ่มรู้ทัน หญิงสาวไม่ว่าอะไรตอบ เขารับเอาสิ่งที่เธอยื่นให้มาอย่างเสียไม่ได้ เมื่อเอามาดูพบว่าเธอบันทึกสิ่งต่างๆที่จำเป็นไว้ให้อย่างละเอียด เป็นต้นว่า สิ่งที่ชอบ ไม่ชอบของน้องเอ๋ย แผนที่บ้าน รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์มือถือ เบอร์ที่ทำงาน ที่พัก ตัวหนังสือนั้นตั้งใจเขียนให้อ่านง่ายกว่าเคย แทบเหมือนคัดลายมือ ลงท้ายบันทึกนั้นยังระบุด้วยว่าเธอได้บอกความตั้งใจของเธอกับน้องเอ๋ยแล้ว น้องเอ๋ยไม่ได้ปฏิเสธอะไร ทั้งยังมีปัจฉิมลิขิตไว้ตอนท้ายกระดาษให้เขาได้ขำเล่นทั้งน้ำตา ...ยอมรับว่าส่วนหนึ่งของความคิดนี้มาจากที่น้องเขาออกปากชมมาเป็นคอมเมนท์ในเฟสบุ๊คบ่อยๆตลอด 2 ปีที่เป็นเพื่อนกันว่า
'แฟนพี่หล่อจัง'
*****
(3)
คนขับเรือชลอความเร็ว ชายวัยกลางคนผิวคล้ำเนียนที่มีผ้าขาวม้าเคียนเอวนำหมู่คณะในเรือไปทำพิธีกรรมเมื่อครู่อย่างเคร่งขรึมกลางทะเลลึก บัดนี้กลายร่างเป็นเด็กคุมเรือ แกรีบก้าวยาวๆขึ้นท่า คว้าเชือกจากหัวเรือมัดไปที่ตอไม้แถวนั้นอ