นิพพานไม่มีสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่เรียกสมมุติว่า อนัตตา หรืออัตตา ไม่มีตัวตน เรา เขา ไม่มีคิด ไม่คิด ไม่มีปรุงแต่ง ไม่มีวิญญาญไม่มีขันธ์5 ไม่มีจิตสังขาร แล้วอนัตตา อัตตาจะเกิดที่ไหนตรงไหน ใครรู้ตอบมา ถ

จิต เจตสิค รูป นิพพาน ฉนั้นนิพพานต้องอาศัยจิตไปรู้รสนิพพาน นิพพานมีอยู่ แต่ถ้าไม่มีจิตไปรับรู้รสนิพพาน นิพพานก็เหมือนไม่มี  ไม่มีผู้รู้ก็ไม่มีสิ่งที่ถูกรู้ ผู้รู้เป็นสภาวะหนึ่ง สิ่งที่ถูกรู้ก็เป็

...คล้ายๆจะเป็นฝาแฝดของจิต แต่ต่างกับจิตตรงที่ (๑) จิตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่..นิพพานคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง (๒) จิตเป็นธาตุรู้ สามารถรู้อารมณ์ทุกๆอย่าง ทั้งสังขตธรรม และ อสังขตธรรม ได้หมด แต่..นิพพาน เป

สังขาร3นั้นว่าถึง การเห็นหลังออกจากนิโรธ เกิดการปรุงแต่งแล้วเป็นสายปฎิจสมุปบาท  ดังนั้น  สายเกิด-หากยังไม่ถูกปรุงแต่ง จะไม่สามารถอธิบายได้ด้วยปฏิจสมุปบาท การเริ่มต้นปรุงแต่งเรียกจิตสังขาร สา

ธรรมะอ่านตีความ แล้วจำมาปฏิบัติทำให้เกิดวิปัสสนูปกิเลสได้ง่าย เพราะคิดว่าตนตีความถูกแล้ว ตรงแล้ว เชื่อมั่นว่าถูกดีแล้ว คือปฏิบัติจากการที่จิตปรุงแต่ง เอง แล้วเชื่อว่าเป็นจริง เห็นเช่นนั้นจริง

ทำไมเมื่อลองภาวนาโดยการกำหนดรู้สภาวะของธาตุทั้งหลายว่ามีความเสมอกัน จิตก็แล่นไปตามธรรมและตามเห็นการดับ ที่ถูกต้องตามรูปแบบ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึงไหว อยากรู้ว่าการพินาความเสมอกันของธาตุทั้งหลายเป็นกร

ทำไมพิจรณารูปกับนาม แยกจากกันแล้ว มันก็ยังเหลือจิต ไม่ใช่รูปหันนามเป็นอย่างเดียวกันที่ทำใหเเกิดจิตไปปรุงหรอครับ

บทความนี้เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งได้เมตตาให้แนวทางแก่ศิษยานุศิษย์ในการปฏิบัติตนเพื่อทรงอารมณ์