พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพ วีรชนในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พุทธศักราช 2516
วันที่ 14 ตุลาคม พุทธศักราช 2516 เป็นวันเริ่มต้นแห่งประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองการปกครองไทย เมื่อประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองของรัฐบาลเผด็จการในขณะนั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 77 คนและบาดเจ็บมากกว่า 800 คน อีกทั้งมีผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง เหตุการณ์อันสำคัญของชาตินี้เป็นที่ทราบกันดี มีบันทึกเผยแพร่เรื่องราวนับตั้งแต่สาเหตุที่เริ่มจนถึงวาระสุดท้าย ซึ่งมีมุมมองจากหลายฝ่ายที่ยังขัดแย้งกัน และจวบจนวันนี้ยังมีผู้อ้างเหตุการณ์ในคราวนั้นเพื่อประโยชน์ต่างๆอีกมากมาย
หลังจากเหตุการณ์นั้นจบลง มีการเรียกร้องจากกลุ่มต่างๆนำโดยองค์กรของนิสิตนักศึกษาซึ่งถือเป็นผู้นำในเหตุการณ์คราวนั้น ให้มีงานศพของวีรชนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ ณ.ท้องสนามหลวงหรือทุ่งพระเมรุ ซึ่งตามความเชื่อของโบราณนับตั้งแต่สมัยอยุธยา มีข้อห้ามมิให้ทำศพภายในขตกำแพงเมือง จึงปรากฏว่าวัดในเขตกำแพงเมืองทั้งในกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ จะไม่มีเมรุเผาศพหรือที่ฝังศพเลย แม้กระทั่งจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันมาอย่างเคร่งครัด จะมียกเว้นก็เพียงการถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง ซึ่งโบราณถือเป็นสมมุติเทพ และเป็นธรรมเนียมที่จะมีพิธีถวายพระเพลิงที่ในเมือง
ภายหลังเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองสยามในปีพุทธศักราช 2475 ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างทหารสองกลุ่ม และเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในปีพุทธศักราช 2476 หรือที่เรียกกันว่ากบฏบวรเดช หลังเหตุการณ์จบลงมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง รัฐบาลของคณะราษฏร์ซึ่งเป็นผู้ชนะในการรบคราวนั้น ได้จัดงานรัฐพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตฝ่ายคณะราษฏร์ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยจากหลายฝ่าย เนื่องจากขัดกับธรรมเนียมของบ้านเมือง และตามความเชื่อโบราณว่าการทำเช่นนี้เป็นกาลีต่อบ้านต่อเมือง แต่คณะราษฏร์ผู้มีอำนาจในขณะนั้น จงใจที่จะใช้ท้องสนามหลวงจัดงาน ก็เพื่อเป็นการหยามเกียรติต่อฝ่ายผู้มีอำนาจดั้งเดิม
เช่นเดียวกับภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พุทธศักราช 2516 เสียงเรียกร้องให้งานฌาปณกิจศพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นที่ท้องสนามหลวง มีนัยยะเช่นเดียวกับที่คณะราษฏร์เคยทำมาก่อน แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้มีการจัดงานนี้เป็นพระราชพิธี พระราชทานให้ตามความประสงค์
แต่เหตุที่โบราณได้ห้ามไว้นั้น มิใช่เพื่อแบ่งแยกชนชั้นหรือเป็นเรื่องกีดกันวรรณะ เหตุจริงๆเป็นเพราะเรื่องมงคลและอัปมงคลอันเกิดขึ้นในการทำพิธีต่างๆ ซึ่งได้สังเกตจดบันทึกกันเป็นตำรามามากมาย ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์อภิไทโพธิบาทว์ เรื่องอาเพศ ต่างๆ ซึ่งอาจจะดูเป็นเรื่องล้าสมัย งมงาย ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตาม หลังมีการจัดงานฌาปนกิจศพคนธรรมดาที่ท้องสนามหลวงสองครั้ง ก็มีเหตุอันไม่น่าเชื่อทั้งสองครั้งเช่นกัน เพราะเกิดสงครามใหญ่ขึ้นในประเทศทั้งสองครั้ง โดยครั้งแรกคือสงครามโลกครั้งที่สอง และครั้งที่สองคือสงครามปราบปรามคอมมิวนิสต์ อีกทั้งกลุ่มผู้ริเริ่มเรียกร้องให้จัดงานนั้นต่างก็เสื่อมอำนาจและมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับตนจนหมดอำนาจไปในที่สุด
ฯพณฯนายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรี เตรียมรับเสด็จ
ขณะเสด็จพระราชดำเนินถึงที่ประทับ
ฯพณฯนายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรี รับเสด็จ
สื่อมวลชนด้านข้างพลับพลาที่ประทับ
ฯพณฯนายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรี ถวายรายงาน
ทรงจุดฝักแคพระราชทานเพลิง
กระทู้เรื่องเก่าของ อิสิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สมุด เทอดธรรม
https://ppantip.com/topic/32250934
สูจิบัตรของโรงภาพยนต์กรุงเกษม เมื่อครั้งเปิดกิจการ
https://ppantip.com/topic/31251819
100 ปีชาตกาล ฑัต เอกฑัต
https://ppantip.com/topic/31473906
๑๐๐ ปีชาตกาล ของผู้เปิดตำนาน "โก๋หลังวัง" เซียวก๊ก - บัณฑูร องค์วิศิษฐ์
https://ppantip.com/topic/36613249
ใครเกิดทัน ..... หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๐๗
https://ppantip.com/topic/36575697
ใครเกิดทัน ..... ทองคำแท่ง บาทละ 425 บาท
https://ppantip.com/topic/36595821
ใครเกิดทัน ..... พิมพ์ไทย หนังสือพิมพ์รายวันเช้า ฉบับแรกของไทย
https://ppantip.com/topic/36631299
ใครเกิดทัน ..... อาภัสรา หงสกุล ได้เป็นนางสาวไทย
https://ppantip.com/topic/36655193
ใครเกิดทัน ..... สี่ผู้บุกเบิก จตุรเทพแห่งวงการยานยนต์ไทย The Four Pioneers
https://ppantip.com/topic/36678220
ใครเกิดทัน ..... แดนดารา นิตยสารบันเทิง แมวเก้าชีวิตแห่งวงการ
https://ppantip.com/topic/36723087
ใครเกิดทัน ..... วันเฉลิมพระชนม์พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เมื่อกว่า 50 ปีมาแล้ว
https://ppantip.com/topic/36756777
ใครเกิดทัน ..... การแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 (SEAP GAMES) ในปี พุทธศักราช 2510
https://ppantip.com/topic/36797872
ใครเกิดทัน .....กระดึงทอง นิตยสารโดย ดร.สาทิส ต้นตำรับ “ชีวจิต” เมื่อ ๖๐ กว่าปีมาแล้ว
https://ppantip.com/topic/36842098
ใครเกิดทัน ..... เสด็จพระราชทานเพลิงศพ วีรชน 14 ตุลา
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพ วีรชนในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พุทธศักราช 2516
วันที่ 14 ตุลาคม พุทธศักราช 2516 เป็นวันเริ่มต้นแห่งประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองการปกครองไทย เมื่อประชาชนลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองของรัฐบาลเผด็จการในขณะนั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 77 คนและบาดเจ็บมากกว่า 800 คน อีกทั้งมีผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง เหตุการณ์อันสำคัญของชาตินี้เป็นที่ทราบกันดี มีบันทึกเผยแพร่เรื่องราวนับตั้งแต่สาเหตุที่เริ่มจนถึงวาระสุดท้าย ซึ่งมีมุมมองจากหลายฝ่ายที่ยังขัดแย้งกัน และจวบจนวันนี้ยังมีผู้อ้างเหตุการณ์ในคราวนั้นเพื่อประโยชน์ต่างๆอีกมากมาย
หลังจากเหตุการณ์นั้นจบลง มีการเรียกร้องจากกลุ่มต่างๆนำโดยองค์กรของนิสิตนักศึกษาซึ่งถือเป็นผู้นำในเหตุการณ์คราวนั้น ให้มีงานศพของวีรชนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ ณ.ท้องสนามหลวงหรือทุ่งพระเมรุ ซึ่งตามความเชื่อของโบราณนับตั้งแต่สมัยอยุธยา มีข้อห้ามมิให้ทำศพภายในขตกำแพงเมือง จึงปรากฏว่าวัดในเขตกำแพงเมืองทั้งในกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ จะไม่มีเมรุเผาศพหรือที่ฝังศพเลย แม้กระทั่งจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันมาอย่างเคร่งครัด จะมียกเว้นก็เพียงการถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง ซึ่งโบราณถือเป็นสมมุติเทพ และเป็นธรรมเนียมที่จะมีพิธีถวายพระเพลิงที่ในเมือง
ภายหลังเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองสยามในปีพุทธศักราช 2475 ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างทหารสองกลุ่ม และเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในปีพุทธศักราช 2476 หรือที่เรียกกันว่ากบฏบวรเดช หลังเหตุการณ์จบลงมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง รัฐบาลของคณะราษฏร์ซึ่งเป็นผู้ชนะในการรบคราวนั้น ได้จัดงานรัฐพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตฝ่ายคณะราษฏร์ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยจากหลายฝ่าย เนื่องจากขัดกับธรรมเนียมของบ้านเมือง และตามความเชื่อโบราณว่าการทำเช่นนี้เป็นกาลีต่อบ้านต่อเมือง แต่คณะราษฏร์ผู้มีอำนาจในขณะนั้น จงใจที่จะใช้ท้องสนามหลวงจัดงาน ก็เพื่อเป็นการหยามเกียรติต่อฝ่ายผู้มีอำนาจดั้งเดิม
เช่นเดียวกับภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พุทธศักราช 2516 เสียงเรียกร้องให้งานฌาปณกิจศพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นที่ท้องสนามหลวง มีนัยยะเช่นเดียวกับที่คณะราษฏร์เคยทำมาก่อน แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้มีการจัดงานนี้เป็นพระราชพิธี พระราชทานให้ตามความประสงค์
แต่เหตุที่โบราณได้ห้ามไว้นั้น มิใช่เพื่อแบ่งแยกชนชั้นหรือเป็นเรื่องกีดกันวรรณะ เหตุจริงๆเป็นเพราะเรื่องมงคลและอัปมงคลอันเกิดขึ้นในการทำพิธีต่างๆ ซึ่งได้สังเกตจดบันทึกกันเป็นตำรามามากมาย ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์อภิไทโพธิบาทว์ เรื่องอาเพศ ต่างๆ ซึ่งอาจจะดูเป็นเรื่องล้าสมัย งมงาย ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตาม หลังมีการจัดงานฌาปนกิจศพคนธรรมดาที่ท้องสนามหลวงสองครั้ง ก็มีเหตุอันไม่น่าเชื่อทั้งสองครั้งเช่นกัน เพราะเกิดสงครามใหญ่ขึ้นในประเทศทั้งสองครั้ง โดยครั้งแรกคือสงครามโลกครั้งที่สอง และครั้งที่สองคือสงครามปราบปรามคอมมิวนิสต์ อีกทั้งกลุ่มผู้ริเริ่มเรียกร้องให้จัดงานนั้นต่างก็เสื่อมอำนาจและมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับตนจนหมดอำนาจไปในที่สุด
ฯพณฯนายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรี เตรียมรับเสด็จ
ขณะเสด็จพระราชดำเนินถึงที่ประทับ
ฯพณฯนายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรี รับเสด็จ
สื่อมวลชนด้านข้างพลับพลาที่ประทับ
ฯพณฯนายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรี ถวายรายงาน
ทรงจุดฝักแคพระราชทานเพลิง
กระทู้เรื่องเก่าของ อิสิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้