แชร์ประสบการณ์จีบหมอ ความรู้สึกของคนไข้สวนทางกับจรรยาบรรณของแพทย์

ไม่รู้จะเริ่มเกริ่นอย่างไรดี มันเริ่มมาจากที่เราป่วยตรวจพบชิ้นบางอย่างในร่างกายทำให้ต้องได้รับการผ่าตัดแล้วเราก็ได้เข้ารับการผ่าตัดที่ รพ.แห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียง  ก่อนที่จะได้ผ่าตัดเราก็เข้าออกรพ.ตลอด ไหนจะหมอนัดไหนจะเลื่อนนัดหมอตลอดเวลา 1ปี เรารู้สึกปลื้มหมอวันแรกที่เห็นฟังอาจดูเว่อนะคะแต่เราเป็นแบบนั้นจริงๆเพราะครั้งแรกที่เราเจอหมอหมอไม่เหมือนหมอคนอื่นๆที่เราเห็นทั้งบุคลิกแล้วก็อะไรหลายอย่างแล้วเราก็หายไปปีหนึ่งเราติดภารกิจหลายๆอย่างที่ทำให้ไปหาไม่ได้แล้วตอนนั้นเราก็มีเป็นตัวเป็นต้นของเราอยู่แล้วแต่ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ แล้วก็เริ่มไปหาหมอใหม่เริ่มนับ 1ใหม่ทั้งพบหมอ CT scan เริ่มทุกอย่างใหม่หมด ความรู้สึกที่มีให้หมอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราแพ้ผู้ชายขี้เล่น ชอบแซวอบอุ่น ดูโตกว่าเยอะๆ ลุคแบดบอยนิดๆ สุดท้ายก็ลงคิวผ่าทุกครั้งที่เจอหน้าหมอเราทำตัวไม่ถูกเลยค่ะ ใจสั่น ตอนเราแอดมิทอยู่รพ. เราก็ชอบคุยกับพยาบาลเรื่องของหมอ(พยาบาลที่นี่น่ารักเฟรนลี่มากค่ะ ทุกคนเลย) แต่พยาบาลก็ไม่ได้ลงดีเทลอะไรมากเพราะเขาก็คงเซฟพอสมควร แต่เราถามว่าหมอมีแฟนยัง พยาบาลบอกโสด เราก็สงสัยอายุขนาดนี้โสดหรอ หมอชอบผู้ชายรึเปล่า พยาบาลบอก "ไม่ ชายแท้"ร้องไห้ถามกับพยาบาลหลายคนค่ะคำตอบเดียวกัน)  คุยเสร็จก็เข้าห้องผ่าตัด
         จนกระทั่งผ่าตัดเสร็จ พักฟื้นประมาณ 4-5วันหมอก็นัดฟังผลอีกที 2อาทิตย์ ตอนนั้นในใจคือคิดจะบอกชอบหมอไปเลยในวันนัดฟังผลวันสุดท้าย  เพราะสุดท้ายแล้วก็คงจะไม่ได้เจอกันอีก   แต่มันก็จะมีคำถามแทรกเข้ามาว่า จะทำจริงหรอ ทำแล้วได้อะไร เขาจะมองเราเป็นคนยังไง ทำไปแล้วจะเสียใจไหม แต่สุดท้ายก็เลือกช้อยแรกค่ะคือทำตามความรู้สึกตัวเอง ให้ไปแล้วก็ถือว่าจบเขาจะคิดยังไงก็สิทธิ์ของเขา แต่การที่เราชอบเขามันก็เป็นสิทธิ์ของเราไม่ใช่หรอ??  ถ้าเราไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อน เดี๋ยวความรู้สึกที่เหลือในใจเราเราจะไปจัดการเอง ก่อนจะตัดสินใจเราอ่านกระทู้พันทิปเป็น 10กระทู้ กว่าจะตัดสินใจทำ บ้างก็บอกให้ลุย บ้างก็บอกอย่าไปยุ่งกับเค้าเลย สุดท้ายก็เชื่อตัวเอง
          และวันสุดท้ายที่เจอหมอก็มาถึง        
เราก็เข้าไปในห้องตรวจปกติแหละค่ะ หมอก็จะแซวเราเป็นปกติที่เจอกันอยู่แล้ว ถามว่าเรียนปีไหน เราก็บอกไปหมอก็แซวว่า นึกว่าเรียนป.โทซะอีก หมอจะชอบแซวเราค่ะ  อย่างเช่นตอนนั้นแผลเราติดเชื้อหมอก็บอกว่า
"อยากรู้ไหมทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะอ้วนไง(เราเป็นคนร่างท้วมแต่สูงก็เลยดูไม่อ้วนมากแต่ก็อ้วนแหละ555)
แล้วก็อมยิ้มนิด แล้วก็เปิดม่านเข้ามาอีก  บอกว่า
"อยากฟังอีกมั้ย"ร้องไห้ทำเสียงทะเล้นๆอ้อนๆ หื้มม น่าหมั่นเขี้ยวจริง) จนคนทำแผลบอกว่า หมอแค่แซวครับ

มาต่อเรื่องของวันสุดท้ายกันต่อค่ะหมอขอดูแผลอีกรอบ เราบอกหมอว่าอายค่ะ เราทำท่ายึกยัก หมอก็ดุว่า
"เอ๊ะ!!เดี๋ยวตีเลย"ร้องไห้อย่างกับพ่อดุลูก)
พอดูแผลเสร็จเราทำตัวไม่ถูกลนลานเหมือนจะรีบออกจากห้องหมอก็บอกว่า "เดี๋ยวจะรีบไปไหน"ประมาณสองรอบได้ค่ะ เพราะหมอยังไม่ได้เขียนใบสั่งยา แล้วเราก็บอกหมอไปว่า
"หมอคะ ไหนๆก็ไม่เจอกันแล้วหนูซื้อของมาฝากหมอค่ะ" หมอก็ถามต่อ
"ไหนเอาอะไรมาให้ผม" หมอเปิดดูถามว่า
"โห เอาไรมาให้ผมบ้างเนี่ย เยอะแยะไปหมด ขอบคุณนะ"
เราซื้ออาหารสุขภาพ แก้วน้ำที่ระลึก แล้วก็เขียนประโยคว่า ชอบหมอไปสั้นๆ แล้วเขียนบอกหมอให้ดูแลสุขภาพตัวเองดีๆ แต่ในนั้นเราทิ้งข้อมูลติดต่อเราเข้าไปด้วยนะคะเผื่อหมอสนใจจะติดต่อมา (แม้ความเป็นไปได้มันจะไม่เกิด) เราก็คิดในใจว่าถ้าหมดสถานะคนไข้เราอาจจีบหมอต่อเพราะหมอโสดเราเข้าใจจรรยาบรรณของแพทย์ดีค่ะ ว่าหมอห้ามรักคนไข้
หลังจากที่ให้ของไปเราก็รีบออกมาเลยค่ะจ่ายเงินรับยาอะไรเรียบร้อย เราก็ไปนั่งกินชาบูต่อ เพือนก็เป็นห่วงทักมาหาเป็นไงบ้าง หมอว่าไง บลาๆ
หลังจากให้ไปเราคิดว่าเราคงต้องมานั่งตัดใจจริงๆค่ะ ความเป็นไปได้มันไม่มีเลยนี่ขนาดเผื่อใจไว้แล้วนะเนี่ย เฟลอยู่ประมาณ 2วันเต็ม แล้วมันมีเหตุการณ์พีคๆด้วยค่ะ เดี๋ยวหลังไมค์ละกันเนอะ เราก็พยายามสืบจนเจอเฟสหมอแต่เราไม่แอดค่ะ เพราะไม่อยากต้องมานั่งทุกข์เพราะว่าทำไมเค้าไม่รับ  หมอมี2เฟสค่ะ เฟสแรกล็อคไว้แต่ด้วยความพยายามจนเจออีกเฟสหนึ่ง  ซึ่งเป็นเฟสเค้าเล่นจริงๆ      เราแอบส่องเงียบๆเพราะหมอเปิดพลับบลิค
              สิ่งที่ทำให้เราต้องถอยออกมาหายใจแล้วตัดใจจริงๆคือ "หมอมีแฟนแล้วค่ะ" ความรู้สึกตอนนั้นคือถามว่าเฟลก็เฟลนะทั้งๆที่ทำใจไว้เยอะแล้ว เพราะถึงแม้จะไม่มีคำว่าจรรยบรรณ หรือเขาไม่มีแฟน เค้าคงไม่คิดสนใจเด็กอย่างเราอยู่แล้ว  
แต่ถ้าเขาไม่มีแฟนเรายังมีโอกาสได้คิดได้ทำอะไร แต่เขามีแฟนแล้วเหมือนเราต้องถอยออกมาจริงๆจัง เราไม่มีสิทธิ์ทำอะไรแบบนั้นอีกเลย เราก็คิดในแง่บวกว่า

"ยังดีกว่าไม่ได้ทำอย่างน้อยหมอก็รับรู้แล้วนะ บางอย่างอยู่ในจินตนาการอาจสวยงามกว่าในชีวิตจริง" ตอนนี้เราก็ยังส่องอยู่ค่ะ เห็นหมอกับแฟนแซวกันในเฟสเราก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เราไม่เสียใจเลยค่ะที่วันนั้นเลือกบอกชอบไป ถ้าเราไม่ทำอาจมานั่งเสียใจที่ไม่ได้บอกไปก็ได้ เก็บเป็นความทรงจำดีๆที่ผ่านไปดีกว่า ถ้าวันหนึ่งมันสำเร็จขึ้นมาเราคบกับเค้ามันอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิดความรักมันมีวันหมดได้ เรารู้จักเค้าแล้วเก็บเค้าเป็นความรู้สึกดีๆที่ให้เค้าดีกว่า เพราะเรายังอยากชอบเค้าต่อไป สุดท้ายอยากขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราได้เจอกับหมอนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่