"เอ็ดการ์ ไรท์" คือชื่อของผู้กำกับที่สร้างชื่อเสียงและแฟนคลับไว้มากมายจากหนัง 3 เรื่อง 3 รส (ที่พี่แกเปรียบกับไอติมคอนเนตโต้เลย) ทั้งเรื่อง Shaun of the Dead (2004),Hot fuzz(2007)และThe World’s End (2013) ซึ่งถือเป็นผู้กำกับที่มีแนวทางดีไซน์หนังเฉพาะของตัวเองได้อย่างโดดเด่น ทั้งเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม บทพูดและตัวละครกวนโอ๊ย การตัดต่อที่เข้ากับจังหวะหนังได้อย่างเมามัน และแอ๊คชั่นที่ถึงใจ จึงไม่แปลกที่ใครๆหลายคน(รวมผมด้วย) จะเฝ้ารอชมหนังใหม่ล่าสุดเรื่อง Baby Driver ที่ผู้กำกับเขียนบทและฟูมฟักกันมาเป็นเวลาสิบกว่าปี
เอ็ดการ์ ไรท์ ได้ให้นิยามหนัง Baby Driver ของตัวเองไว้ว่าจะเป็นแนว หนังแอ๊คชั่นมิวสิคคัลโพสต์โมเดิร์น ซึ่งอ่านครั้งแรกก็นึกไม่ออกเหมือนกันจะออกมาแนวไหน แต่พอดูจนจบก็เข้าใจละ พี่แกทำได้ตามแนวที่บอกจริงๆ ฮ่าๆ
เรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับแก๊งอาชญกรที่คอยปล้นสถานที่ต่างๆ โดยมีพระเอก (เบบี้) เป็นคนขับรถคอยพาหนีออกจากจุดเกิดเหตุด้วยการซิ่งระดับเทพที่กี่งานๆก็สำเร็จหมด จนเมื่อพระเอกอยากลามือจากวงการ แต่ด้วยความสามารถขนาดนี้ มีหรือจะหลุดรอดออกไปได้ง่าย?
โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดูได้สนุกและมันส์มาก ฉีกแนวหนังอาชญากรรมที่ผ่านๆมา เพราะใส่ความซิ่งเร็วแรงได้แบบลุ้นตัวติดเบาะ ใส่ฉากยิงปืนกันแบบกระหน่ำดังลั่นสะใจ มาพร้อมกับการตัดต่อที่เข้ากับเพลงและจังหวะของหนังได้อย่างโคตรเก๋า
ด้านเนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งหวือหวานัก (อาจจะพอเดาทิศทางกันได้อยู่) แต่ในแง่บทพูดและการแสดงนั้น ถือว่ากินขาด โดยเฉพาะเคมี พระเอก-นางเอก ที่เข้ากันดีเหลือเกิน นางเอกก็น่ารักสวยซะ เข้าใจเลยว่าผู้กำกับทำไมต้องเลือกนางเอกคนนี้ มันก็น่าลาออกจากวงการมาหรอก ฮ่าๆ โดยส่วนตัวผมไม่เคยดูผลงานของพระเอกคนนี้มาก่อนเลย แต่เรื่องนี้จัดว่าเท่ ขับรถได้โคตรมัน เหมือนตอนดูเจย์โชว์เล่น Initial D ยังไงยังงั้น
นอกจากฉากขับรถที่เจ๋งมากแล้ว ความเป็นมิวสิคคัลของหนังนี้ก็เจ๋งไม่แพ้กัน มันให้อารมณ์ผ่อนคลายหลังจากมีแอ๊คชั่นลุ้นระทึกไปแล้วได้เป็นอย่างดี อีกอย่างหนังเลือกใช้เพลงในยุค 70-80 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่แนวร็อค กำลังโคตรฮิต ใครที่จำเพลงยุคนั้นหรือชอบฟังแนวนี้ รับรองเลยว่า ในส่วนนี้จะโคตรถูกใจแน่ๆ (เข้าใจเลยทำไมเอ็ดการ์ ไรท์ ถึงโทรศัพท์ไปถามรายชื่อเพลงกับเจมส์ กันน์ ผู้กำกับ Guardian of the galaxy เพื่อเช็คว่า เพลงจะไม่ซ้ำกันไหม เพราะว่าเรื่องนี้น่าจะมีเพลงเกิน 20 เพลงได้มั้งเนี่ย)
ส่วนที่น่าเสียดายก็คือ ช่วงกลางๆเรื่อง มีแอบเนื่อยอยู่หน่อยๆ แอบเบื่อนิ๊ดดดดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าจังหวะหนังมันช้าลง กับ ฉากไคลแม็กซ์ ที่ยังไม่ค่อยถึงใจเท่าไร เพราะเรื่องมันก็บิ๊วปูทางมาตลอด ตอนใกล้จบก็อยากให้มันสุดติ่งกว่านี้อีกหน่อย (หรือเพราะมันสุดติ่งมาตลอดเลยไม่รู้จะสุดกว่านี้ยังไง? ฮ่าๆ)
โดยรวมหนังเรื่องนี้ก็ยังคงถ่ายทอดความเป็นเอ็ดการ์ ไรท์ ได้อย่างดีเยี่ยม ใครไม่เคยดูผลงานพี่แกมาก่อน ก็ดูเรื่องนี้ได้อย่างสนุกและบันเทิงจนจบได้อย่างสบายๆ ตีตั๋วไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถเบบี้ กันได้เลย
ปล.ดูจบ ขับรถกลับบ้าน รู้สึกอยากเปลี่ยนเกียร์ออโต้ ไปขับเกียร์กระปุก แทนเลยอ่ะ ฮ่าๆ
[CR] Baby Driver = ดูจบแล้ว อยากขับรถเกียร์กระปุกเลยอ่ะ
เอ็ดการ์ ไรท์ ได้ให้นิยามหนัง Baby Driver ของตัวเองไว้ว่าจะเป็นแนว หนังแอ๊คชั่นมิวสิคคัลโพสต์โมเดิร์น ซึ่งอ่านครั้งแรกก็นึกไม่ออกเหมือนกันจะออกมาแนวไหน แต่พอดูจนจบก็เข้าใจละ พี่แกทำได้ตามแนวที่บอกจริงๆ ฮ่าๆ
เรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับแก๊งอาชญกรที่คอยปล้นสถานที่ต่างๆ โดยมีพระเอก (เบบี้) เป็นคนขับรถคอยพาหนีออกจากจุดเกิดเหตุด้วยการซิ่งระดับเทพที่กี่งานๆก็สำเร็จหมด จนเมื่อพระเอกอยากลามือจากวงการ แต่ด้วยความสามารถขนาดนี้ มีหรือจะหลุดรอดออกไปได้ง่าย?
โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดูได้สนุกและมันส์มาก ฉีกแนวหนังอาชญากรรมที่ผ่านๆมา เพราะใส่ความซิ่งเร็วแรงได้แบบลุ้นตัวติดเบาะ ใส่ฉากยิงปืนกันแบบกระหน่ำดังลั่นสะใจ มาพร้อมกับการตัดต่อที่เข้ากับเพลงและจังหวะของหนังได้อย่างโคตรเก๋า
ด้านเนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งหวือหวานัก (อาจจะพอเดาทิศทางกันได้อยู่) แต่ในแง่บทพูดและการแสดงนั้น ถือว่ากินขาด โดยเฉพาะเคมี พระเอก-นางเอก ที่เข้ากันดีเหลือเกิน นางเอกก็น่ารักสวยซะ เข้าใจเลยว่าผู้กำกับทำไมต้องเลือกนางเอกคนนี้ มันก็น่าลาออกจากวงการมาหรอก ฮ่าๆ โดยส่วนตัวผมไม่เคยดูผลงานของพระเอกคนนี้มาก่อนเลย แต่เรื่องนี้จัดว่าเท่ ขับรถได้โคตรมัน เหมือนตอนดูเจย์โชว์เล่น Initial D ยังไงยังงั้น
นอกจากฉากขับรถที่เจ๋งมากแล้ว ความเป็นมิวสิคคัลของหนังนี้ก็เจ๋งไม่แพ้กัน มันให้อารมณ์ผ่อนคลายหลังจากมีแอ๊คชั่นลุ้นระทึกไปแล้วได้เป็นอย่างดี อีกอย่างหนังเลือกใช้เพลงในยุค 70-80 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่แนวร็อค กำลังโคตรฮิต ใครที่จำเพลงยุคนั้นหรือชอบฟังแนวนี้ รับรองเลยว่า ในส่วนนี้จะโคตรถูกใจแน่ๆ (เข้าใจเลยทำไมเอ็ดการ์ ไรท์ ถึงโทรศัพท์ไปถามรายชื่อเพลงกับเจมส์ กันน์ ผู้กำกับ Guardian of the galaxy เพื่อเช็คว่า เพลงจะไม่ซ้ำกันไหม เพราะว่าเรื่องนี้น่าจะมีเพลงเกิน 20 เพลงได้มั้งเนี่ย)
ส่วนที่น่าเสียดายก็คือ ช่วงกลางๆเรื่อง มีแอบเนื่อยอยู่หน่อยๆ แอบเบื่อนิ๊ดดดดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าจังหวะหนังมันช้าลง กับ ฉากไคลแม็กซ์ ที่ยังไม่ค่อยถึงใจเท่าไร เพราะเรื่องมันก็บิ๊วปูทางมาตลอด ตอนใกล้จบก็อยากให้มันสุดติ่งกว่านี้อีกหน่อย (หรือเพราะมันสุดติ่งมาตลอดเลยไม่รู้จะสุดกว่านี้ยังไง? ฮ่าๆ)
โดยรวมหนังเรื่องนี้ก็ยังคงถ่ายทอดความเป็นเอ็ดการ์ ไรท์ ได้อย่างดีเยี่ยม ใครไม่เคยดูผลงานพี่แกมาก่อน ก็ดูเรื่องนี้ได้อย่างสนุกและบันเทิงจนจบได้อย่างสบายๆ ตีตั๋วไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถเบบี้ กันได้เลย
ปล.ดูจบ ขับรถกลับบ้าน รู้สึกอยากเปลี่ยนเกียร์ออโต้ ไปขับเกียร์กระปุก แทนเลยอ่ะ ฮ่าๆ