[หนังโรงเรื่องที่ 200] Baby Driver : ฟาสต์แอนด์มิวสิคัล ; (Edgar Wright, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A+++ (จากสเกล D-A)
*หนังเรื่องนี้มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์มาก อาจไม่ถูกปากทุกคน
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : ปล้น! ซิ่ง! เฉือนเหลี่ยม! นี่จะเป็นเรื่องราวของพ่อหนุ่มหน้ามนชื่อว่า "เบบี้" (Ansel Elgort) นักซิ่งตีนผีผู้มีดนตรีอยู่ในหัวใจโดยมีหูฟังและแว่นกันแดดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กับการมาพัวพันกับวงการ "นักปล้นมืออาชีพ" ตั้งแต่อายุยังน้อย บงการโดยมันสมองของทีมอย่าง "ด็อก" (Kevin Spacey) และบรรดาทีมปล้นสุดเพี้ยน ... และเมื่อเบบี้ตั้งใจไว้ว่าเขาจะ "เลิกปล้น" หากได้ใช้หนี้สินของตนเองหมดแล้ว แต่วงการนี้มันทั้งดิบ เถื่อน แถมยังโหดร้าย จะมีทางให้เบบี้ได้ "เลิก" ง่ายๆจริงน่ะหรือ?
.
.
เป็นหนังอีกเรื่องที่ทำผลงานได้ดีสมแรงอวยจริงๆ คือนี่อาจจะเป็นผลงานที่ปังที่สุดของผู้กำกับลีลายียวนอย่าง "เอ็ดการ์ ไรท์" ก็เป็นได้ มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างคิวแอคชั่นไล่ล่าบนท้องถนนมันส์ๆ กับความเป็นมิวสิคัลเท่ๆในดนตรีร็อคคลาสสิคทั้งหลายแหล่ ซึ่งก็ไม่คิดว่าหนังจะออกมาได้ดีขนาดนี้ (จริงๆแอบคาดไว้ว่าคิวแอคชั่นคงจะไม่เด่นแน่ๆ) ซึ่งส่วนตัวแล้วขอขนานนามให้เป็นหนังแอคชั่นที่ดีที่สุดในปีนี้เลยทีเดียว
สิ่งแรกที่ผู้เขียน(และคงจะทุกๆท่านด้วย)ชอบมากก็คือ "ความคูล" ของเรื่องที่ประเคนจัดเต็มอย่างไม่มีกั๊ก คือเอาจริงๆถ้าหนังมันไม่มีความเป็น musical ผนวกกับลีลาท่าเยอะของอีตา "เบบี้" แบบนี้แล้วล่ะก็ หนังมันก็จะกลายเป็นหนังแอคชั่นซิ่งรถดาดๆทั่วไปนี่เอง ... ความโดดเด่นที่ผู้กำกับเลือกมอบหมายแกนเรื่องมาให้เพลง "เล่าเรื่อง" นั้นจึงเป็นจุดขายสำคัญที่สุดของหนังเรื่องนี้แน่นอน และที่น่าประทับใจเข้าไปอีกคือลีลาจังหวะจะโคนในการตัดต่อที่จงใจให้ movement ของสิ่งต่างๆในฉากมัน "ตรงกับจังหวะ" ของดนตรีในแทบทุกฉาก ซึ่งในจุดนี้ก็อาจจะต้องใช้การสังเกตนิดหน่อย แต่รับรองว่าถ้าได้เห็นแล้วก็จะลืมไม่ลงแน่ๆ
สิ่งที่สองก็สอดรับกับการใช้ดนตรีที่กล่าวไว้ข้างต้นก็คือ "ฉากแอคชั่น" โดยเฉพาะเรื่องราวบนท้องถนนซึ่งเป็นจุดขายของพ่อพระเอกของเราก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดี เร้าใจ และผสานกับเพลงประกอบที่ถูกเลือกมาอย่างลงตัว ทำให้ผู้เขียนเกิดอาการ "จิกเท้าลุ้น" ได้ในหลายๆฉาก แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่หนัง racing จ๋าแบบหนังรุ่นพี่ในตลาดเรื่องอื่นๆแน่นอน (เพราะว่ามันเป็นแค่เครื่องมือการเล่าเรื่องหลักเฉยๆ) แต่ถ้าวัดในส่วนของการทำหน้าที่ของตัวเองก็ถือว่าผ่านนะ โดยเฉพาะในช่วง 40 นาทีแรกนี่ถือว่าล้ำค่ามากๆ ลุ้นได้ไม่เบื่อเลย
สิ่งที่โดดเด่นอย่างนึงจนมองข้ามไม่ได้ก็คือ "ความสัมพันธ์" ของพระ-นาง ที่ถูก develop อย่างรวดเร็ว--แต่ก็เป็นธรรมชาติมากจนน่าตกใจ คือถึงแม้หนังจะไม่ได้เบนเวลาอันมีค่าของเรื่องไปให้นางเอกอย่าง "เดโบร่า" (Lily James) สาวเสิร์ฟผู้หลงรักในเสียงเพลงเช่นเดียวกับเบบี้ (ที่ต่างก็มุ่งมั่นในการอ่อยซึ่งกันและกันตั้งแต่แรกเห็น) แต่ในท้ายที่สุดหนังก็สามารถนำเสนอความรักของทั้งคู่ออกมาได้ราบรื่นมาอย่างน่าชื่นชม เรียกได้ว่าเป็นความดีความชอบของบทหนังล้วนๆ ขอกราบเบญจางงามๆให้หนึ่งที
และส่วนที่เซอไพรส์ได้ไม่แพ้กันก็คือ "โทนเครียด" ของเรื่องที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวมาก คือหนังสามารถใช้บทสนทนาและการส่งอารมณ์เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เราสัมผัสได้ถึง "ความกดดัน" ในวงการอาชญากรรมที่เบบี้ต้องแบกรับเอาไว้ได้ดีมาก โดยเฉพาะตัวละครของ "ด็อก" และ "แบ็ทส์" (Jamie Foxx) นี่ก็ถือว่านำเสนอมาได้มีน้ำหนักสุดๆ คือในขณะที่แบ็ทส์มันมีภาพเป็นตัวละครพูดพล่ามน้ำไหลไฟดับในลักษณะของตัวโจ๊กตัวฮานั้น เขาก็ยังมี "จิตสังหาร" อันแรงกล้าในการเป็นอาชญากรของตัวเองอีกด้วย
ท้ายที่สุดแล้วรู้สึกดีใจกับพระเอกอย่าง "แอนเซล เอลกอร์ธ" จริงๆที่ในที่สุดนางก็ได้แจ้งเกิดในหนังดีๆซักเรื่องเสียที (หลังจากที่ไปเสียเวลาจมอยู่กับตระกูล Divergent มานาน) ซึ่งพอมาในเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า เออเว้ย เขาสลัด "ความแข็ง" ในการแสดงออกไปได้เยอะเลยนะ แค่ที่เขาสามารถเสกตัวละครสุดติสต์อย่าง "เบบี้" ให้กลายเป็นตัวละครที่น่ารักน่าชังสมเป็นขวัญใจแม่ยกขนาดนี้ก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้ว หลังจากนี้ก็คาดว่าผลงานดีๆก็คงจะลอยมาพ่อหนุ่มนี่มากขึ้นมั้ง ตั้งใจเลือกดีๆล่ะ (หัวเราะ)
.
.
สรุป! Baby Driver ก็เป็นอีกหนึ่งสุดยอดผลงานลายเซ็นของผู้กำกับจอมยียวนอย่าง Edgar Wright แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย ก็อย่างที่พูดไปทั้งหมดนั่นแหละ คือมันเป็นหนังที่ดีจริงๆนะ (ขายแบบทื่อๆงี้แหละ) ... แต่ในความเป็นหนังเท่ๆแบบนี้มันก็จะมีความเสี่ยงอยู่ด้วย คือความเสี่ยงที่ว่า "ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบหนังเรื่องนี้จริงๆ" ด้วยลีลา ด้วยสไตล์ที่มันเอกลักษณ์จ๋าขนาดนี้ มันก็จะแบ่งเป็นไม่ชอบก็เกลียดไปเลย ดังนั้นผลจะเป็นอย่างไรก็ขอให้ท่านไปตัดสินใจโรงเอาเอง แต่ผู้เขียนขอตัวไม่กล้าฟันธงจ๊า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หากชื่นชอบรีวิวรบกวนช่วยไลค์ช่วยแชร์เพื่อให้กำลังใจหรือติดตามผลงานได้ที่เพจ https://www.facebook.com/expensivemovie/ นะครับ!
[หนังโรงเรื่องที่ 200] Baby Driver : ฟาสต์แอนด์มิวสิคัล by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 200] Baby Driver : ฟาสต์แอนด์มิวสิคัล ; (Edgar Wright, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A+++ (จากสเกล D-A)
*หนังเรื่องนี้มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์มาก อาจไม่ถูกปากทุกคน
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : ปล้น! ซิ่ง! เฉือนเหลี่ยม! นี่จะเป็นเรื่องราวของพ่อหนุ่มหน้ามนชื่อว่า "เบบี้" (Ansel Elgort) นักซิ่งตีนผีผู้มีดนตรีอยู่ในหัวใจโดยมีหูฟังและแว่นกันแดดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กับการมาพัวพันกับวงการ "นักปล้นมืออาชีพ" ตั้งแต่อายุยังน้อย บงการโดยมันสมองของทีมอย่าง "ด็อก" (Kevin Spacey) และบรรดาทีมปล้นสุดเพี้ยน ... และเมื่อเบบี้ตั้งใจไว้ว่าเขาจะ "เลิกปล้น" หากได้ใช้หนี้สินของตนเองหมดแล้ว แต่วงการนี้มันทั้งดิบ เถื่อน แถมยังโหดร้าย จะมีทางให้เบบี้ได้ "เลิก" ง่ายๆจริงน่ะหรือ?
.
เป็นหนังอีกเรื่องที่ทำผลงานได้ดีสมแรงอวยจริงๆ คือนี่อาจจะเป็นผลงานที่ปังที่สุดของผู้กำกับลีลายียวนอย่าง "เอ็ดการ์ ไรท์" ก็เป็นได้ มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างคิวแอคชั่นไล่ล่าบนท้องถนนมันส์ๆ กับความเป็นมิวสิคัลเท่ๆในดนตรีร็อคคลาสสิคทั้งหลายแหล่ ซึ่งก็ไม่คิดว่าหนังจะออกมาได้ดีขนาดนี้ (จริงๆแอบคาดไว้ว่าคิวแอคชั่นคงจะไม่เด่นแน่ๆ) ซึ่งส่วนตัวแล้วขอขนานนามให้เป็นหนังแอคชั่นที่ดีที่สุดในปีนี้เลยทีเดียว
สิ่งแรกที่ผู้เขียน(และคงจะทุกๆท่านด้วย)ชอบมากก็คือ "ความคูล" ของเรื่องที่ประเคนจัดเต็มอย่างไม่มีกั๊ก คือเอาจริงๆถ้าหนังมันไม่มีความเป็น musical ผนวกกับลีลาท่าเยอะของอีตา "เบบี้" แบบนี้แล้วล่ะก็ หนังมันก็จะกลายเป็นหนังแอคชั่นซิ่งรถดาดๆทั่วไปนี่เอง ... ความโดดเด่นที่ผู้กำกับเลือกมอบหมายแกนเรื่องมาให้เพลง "เล่าเรื่อง" นั้นจึงเป็นจุดขายสำคัญที่สุดของหนังเรื่องนี้แน่นอน และที่น่าประทับใจเข้าไปอีกคือลีลาจังหวะจะโคนในการตัดต่อที่จงใจให้ movement ของสิ่งต่างๆในฉากมัน "ตรงกับจังหวะ" ของดนตรีในแทบทุกฉาก ซึ่งในจุดนี้ก็อาจจะต้องใช้การสังเกตนิดหน่อย แต่รับรองว่าถ้าได้เห็นแล้วก็จะลืมไม่ลงแน่ๆ
สิ่งที่สองก็สอดรับกับการใช้ดนตรีที่กล่าวไว้ข้างต้นก็คือ "ฉากแอคชั่น" โดยเฉพาะเรื่องราวบนท้องถนนซึ่งเป็นจุดขายของพ่อพระเอกของเราก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดี เร้าใจ และผสานกับเพลงประกอบที่ถูกเลือกมาอย่างลงตัว ทำให้ผู้เขียนเกิดอาการ "จิกเท้าลุ้น" ได้ในหลายๆฉาก แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่หนัง racing จ๋าแบบหนังรุ่นพี่ในตลาดเรื่องอื่นๆแน่นอน (เพราะว่ามันเป็นแค่เครื่องมือการเล่าเรื่องหลักเฉยๆ) แต่ถ้าวัดในส่วนของการทำหน้าที่ของตัวเองก็ถือว่าผ่านนะ โดยเฉพาะในช่วง 40 นาทีแรกนี่ถือว่าล้ำค่ามากๆ ลุ้นได้ไม่เบื่อเลย
สิ่งที่โดดเด่นอย่างนึงจนมองข้ามไม่ได้ก็คือ "ความสัมพันธ์" ของพระ-นาง ที่ถูก develop อย่างรวดเร็ว--แต่ก็เป็นธรรมชาติมากจนน่าตกใจ คือถึงแม้หนังจะไม่ได้เบนเวลาอันมีค่าของเรื่องไปให้นางเอกอย่าง "เดโบร่า" (Lily James) สาวเสิร์ฟผู้หลงรักในเสียงเพลงเช่นเดียวกับเบบี้ (ที่ต่างก็มุ่งมั่นในการอ่อยซึ่งกันและกันตั้งแต่แรกเห็น) แต่ในท้ายที่สุดหนังก็สามารถนำเสนอความรักของทั้งคู่ออกมาได้ราบรื่นมาอย่างน่าชื่นชม เรียกได้ว่าเป็นความดีความชอบของบทหนังล้วนๆ ขอกราบเบญจางงามๆให้หนึ่งที
และส่วนที่เซอไพรส์ได้ไม่แพ้กันก็คือ "โทนเครียด" ของเรื่องที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวมาก คือหนังสามารถใช้บทสนทนาและการส่งอารมณ์เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เราสัมผัสได้ถึง "ความกดดัน" ในวงการอาชญากรรมที่เบบี้ต้องแบกรับเอาไว้ได้ดีมาก โดยเฉพาะตัวละครของ "ด็อก" และ "แบ็ทส์" (Jamie Foxx) นี่ก็ถือว่านำเสนอมาได้มีน้ำหนักสุดๆ คือในขณะที่แบ็ทส์มันมีภาพเป็นตัวละครพูดพล่ามน้ำไหลไฟดับในลักษณะของตัวโจ๊กตัวฮานั้น เขาก็ยังมี "จิตสังหาร" อันแรงกล้าในการเป็นอาชญากรของตัวเองอีกด้วย
ท้ายที่สุดแล้วรู้สึกดีใจกับพระเอกอย่าง "แอนเซล เอลกอร์ธ" จริงๆที่ในที่สุดนางก็ได้แจ้งเกิดในหนังดีๆซักเรื่องเสียที (หลังจากที่ไปเสียเวลาจมอยู่กับตระกูล Divergent มานาน) ซึ่งพอมาในเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า เออเว้ย เขาสลัด "ความแข็ง" ในการแสดงออกไปได้เยอะเลยนะ แค่ที่เขาสามารถเสกตัวละครสุดติสต์อย่าง "เบบี้" ให้กลายเป็นตัวละครที่น่ารักน่าชังสมเป็นขวัญใจแม่ยกขนาดนี้ก็ถือว่าน่าประทับใจมากแล้ว หลังจากนี้ก็คาดว่าผลงานดีๆก็คงจะลอยมาพ่อหนุ่มนี่มากขึ้นมั้ง ตั้งใจเลือกดีๆล่ะ (หัวเราะ)
.
สรุป! Baby Driver ก็เป็นอีกหนึ่งสุดยอดผลงานลายเซ็นของผู้กำกับจอมยียวนอย่าง Edgar Wright แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย ก็อย่างที่พูดไปทั้งหมดนั่นแหละ คือมันเป็นหนังที่ดีจริงๆนะ (ขายแบบทื่อๆงี้แหละ) ... แต่ในความเป็นหนังเท่ๆแบบนี้มันก็จะมีความเสี่ยงอยู่ด้วย คือความเสี่ยงที่ว่า "ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบหนังเรื่องนี้จริงๆ" ด้วยลีลา ด้วยสไตล์ที่มันเอกลักษณ์จ๋าขนาดนี้ มันก็จะแบ่งเป็นไม่ชอบก็เกลียดไปเลย ดังนั้นผลจะเป็นอย่างไรก็ขอให้ท่านไปตัดสินใจโรงเอาเอง แต่ผู้เขียนขอตัวไม่กล้าฟันธงจ๊า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้