จาก Shaun of the Dead ไป Scott Pilgrim VS the World มาจน The World's End
Edgar Wright สร้างผลงานความฮาตามสไตล์แกขึ้นมาอีกจนได้ครับ
เสริมด้วยแก๊งค์สุดฮานำทีมโดย Simon Pegg, Nick Frost, Martin Freeman และคนอื่นๆ (จำชื่อได้แค่เนี้ย)
การดำเนินเรื่องตามสไตล์ผกก. คือ เดินไปอย่างเหมือนนั่งดูชีวิตจืดๆ ของตัวละครตัวนึง ไปวันๆ
ซัก 1 ใน 3 ของเรื่องเห็นจะได้ แล้วค่อย หักดิบเนื้อเรื่องของมันโดยไม่ทิ้งไปอย่างดื้อๆ
ตั้งแต่ Shaun of the Dead ที่เปิดเรื่องมาดูเหมือนหนังที่มีเหตุการณ์ปกติทั่วๆไป แล้วค่อยเปลี่ยนธีมไปเป็นซอมบี้
หรืออย่าง S P vs The World ที่ดูเนื้อเรื่องเหมือนปัญหาหัวใจวัยรุ่น แต่เสริมธีมความเป็นเกมส์ Arcade ได้ฮา
ถ้าใครเคยดูทั้งสองเรื่องที่กล่าวมาก็คงนึกออกว่าฉากเปลี่ยนธีมฝีมือของเอ็ดการ์ ไรวท์ สร้างอิมแพ็คต่อคนดูได้ดีทีเดียว
เรื่องนี้ก็เช่นกัน ในฉากที่แกรี่ คิง เมาได้ที่ เริ่มไปเกรียนในห้องน้ำ ท้าเด็กต่อย แล้วฟัดกันจนหัวหลุด
เห็นตัวอย่างภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ ก็คิดว่า เมืองนี้ไม่ธรรมดา แต่ฉากบู๊พี่แก ทำได้มันส์เลยทีเดียว
สัญลักษณ์กับนัยยะแฝง เสียดสีสังคม ยังมีปรากฎให้เห็นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าคิดดูดีๆ นี่แอบกัดมหาอำนาจของโลกเลยล่ะ
เรื่องนี้ ไปดูที่พาราก้อนมา ไม่เสียดายเงินครับ เพราะฮาได้เรื่อยๆจริง มีสาระให้ขบคิด ตัวละครก็ดูไม่เบื่อ มีอะไรให้จดจำ
สรุป 8/10 สรรหาเอาความไม่เข้ากันของแนวเรื่อง มาใส่สีตีไข่ ออกมาได้สนุกดีครับ
ใครเบื่อๆ หนังฟอร์มใหญ่ๆ ก็ลองมาดูแนวนี้กันบ้างนะครับ
มือใหม่หัดรีวิว - สิ้นโลกา (The World's End) สปอยแน่นอนครับ
Edgar Wright สร้างผลงานความฮาตามสไตล์แกขึ้นมาอีกจนได้ครับ
เสริมด้วยแก๊งค์สุดฮานำทีมโดย Simon Pegg, Nick Frost, Martin Freeman และคนอื่นๆ (จำชื่อได้แค่เนี้ย)
การดำเนินเรื่องตามสไตล์ผกก. คือ เดินไปอย่างเหมือนนั่งดูชีวิตจืดๆ ของตัวละครตัวนึง ไปวันๆ
ซัก 1 ใน 3 ของเรื่องเห็นจะได้ แล้วค่อย หักดิบเนื้อเรื่องของมันโดยไม่ทิ้งไปอย่างดื้อๆ
ตั้งแต่ Shaun of the Dead ที่เปิดเรื่องมาดูเหมือนหนังที่มีเหตุการณ์ปกติทั่วๆไป แล้วค่อยเปลี่ยนธีมไปเป็นซอมบี้
หรืออย่าง S P vs The World ที่ดูเนื้อเรื่องเหมือนปัญหาหัวใจวัยรุ่น แต่เสริมธีมความเป็นเกมส์ Arcade ได้ฮา
ถ้าใครเคยดูทั้งสองเรื่องที่กล่าวมาก็คงนึกออกว่าฉากเปลี่ยนธีมฝีมือของเอ็ดการ์ ไรวท์ สร้างอิมแพ็คต่อคนดูได้ดีทีเดียว
เรื่องนี้ก็เช่นกัน ในฉากที่แกรี่ คิง เมาได้ที่ เริ่มไปเกรียนในห้องน้ำ ท้าเด็กต่อย แล้วฟัดกันจนหัวหลุด
เห็นตัวอย่างภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ ก็คิดว่า เมืองนี้ไม่ธรรมดา แต่ฉากบู๊พี่แก ทำได้มันส์เลยทีเดียว
สัญลักษณ์กับนัยยะแฝง เสียดสีสังคม ยังมีปรากฎให้เห็นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าคิดดูดีๆ นี่แอบกัดมหาอำนาจของโลกเลยล่ะ
เรื่องนี้ ไปดูที่พาราก้อนมา ไม่เสียดายเงินครับ เพราะฮาได้เรื่อยๆจริง มีสาระให้ขบคิด ตัวละครก็ดูไม่เบื่อ มีอะไรให้จดจำ
สรุป 8/10 สรรหาเอาความไม่เข้ากันของแนวเรื่อง มาใส่สีตีไข่ ออกมาได้สนุกดีครับ
ใครเบื่อๆ หนังฟอร์มใหญ่ๆ ก็ลองมาดูแนวนี้กันบ้างนะครับ