ผมคิดว่า เอ็ดการ์ ไรท์ คือผู้กำกับที่ถูก underrated อยู่พอสมควร และนี่คือคำพูดที่ไม่ได้เกินจริงเลย ในวัย 43 ไรท์บุคลากรมือชั้นอ๋องของวงการบันเทิงระดับโลก หนุ่มอังกฤษคนนี้เป็นได้ทั้งนักแสดง นักเขียนบท ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง เด็กสับสเลท เด็กยกน้ำ และอื่นๆ อีกจิปาถะ
ใครและใครน่าจะเคยผ่านตางานระดับที่ผูกโบว์ติดดาวของเขา ไล่เลียงไปตั้งแต่ หนังซอมบี้อังกฤษแนวๆ อย่าง Shaun of the Dead, Host Fuzz, The World’s End (หนังที่ได้คู่หูคุ่บุญของเขาอย่าง ไซม่อน เพกก์ และ นิก ฟรอส เล่นนำให้ทั้ง 3 เรื่อง) หรือจะเป็น Scott Pilgrim vs. the World นี่สร้างมาสนองความเนิร์ดของตัวเองได้อย่างดู ขณะที่ Ant-Man ภาคแรกก็เป็นบทจากการสะดุ้งนิ้วบนแป้นพิมพ์ของเขา และอื่นๆ ที่ไปหากันต่อเอาเอง
และหลังห่างหายจากเก้าอี้ผู้กำกับไปนาน ศักราชนี้ไรท์ก็มาด้วยหนังแนวใหม่ของเขาที่เล่นใหญ่กว่าเดิม ... โอเค ถ้าเทียบกับหนังฮอลีวู้ดทั่วไป มันก็เป็นสเกลที่งั้นๆ แต่ถ้าดูจากผลงานกำกับหนังอังกฤษที่ไม่ค่อยจะผลาญงบประมาณเท่าไหร่ การกลับมารอบนี้ถือว่า เป็นการเติบโตขึ้นอีกขึ้น และน่าสนใจว่าไรท์จะเอาหนังสเกลใหญ่อยู่หรือเปล่า
และนี่คือ Baby Driver ... หนังที่ระทึกและมีมันส์แทรกในระดับ MS 12
Baby Driver เล่าเรื่องของไอ้หนุ่มตีนผีที่ลีลาการขับจัดจ้านไม่เป็นรองใครในฮอลีวู้ด เขามีชื่อรหัสว่า เบบี้ บี-เอ-บี-วาย หนังเล่าให้เราฟังแบบสั้นๆ ว่า อีตาเบบี้สมัยในวัยกำดัดเคยไปลองดีจิ๊กรถเจ้าพ่อขาใหญ่แล้วดันหนีไม่รอด ก็เลยต้องมาขับรถใช้หนี้จนกว่าจะหมด แต่ไม่ใช่แค่ขับรถธรรมดา เพราะงานเขาของคือการขับรถไปส่งแก๊งโจรกรรม และพาพวกเขาหนีเมื่อเสร็จงาน
หนังใช้เวลา 20 นาทีแรกทำให้เราประจักษ์กับตาว่า เบบี้มันเด็กแค่ชื่อ แต่การซิ่งมันเป็นระดับปรมาจารย์ เราเข้าใจได้ในทันทีว่า ตัวละครตัวนี้มันคืออัจฉริยะชัดๆ แต่ความไม่สมบูรณ์แบบซึ่งเป็นปมของเขาคือ อุบัติเหตุตอนเด็กๆ ที่ทำให้พ่อหนุ่มนักซิ่งมีเสียงวิ้งๆ ในหูตลอดเวลา เขาเลยต้องเสียบหูฟังแล้วเปิดเพลงเพื่อกลบมัน
แอนเซล เอลกอร์ท ในบทพระเอกขาซิ่งสร้างมิติให้ตัวละครนี้ได้อย่างสวยงาม เบบี้ของเขาดูมีความโอหัง มีความมั่นใจ ยียวนกวนประสาท และประหม่า เรียกว่านอกเหนือจากการขับรถแล้ว เบบี้ก็เบบี้สมชื่อจริงๆ ต้องชมว่า เอลกอร์ทใช้สีหน้าและแววตาได้ดีพอสมควร แม้ในซีนที่ต้องประกบกับรุ่นใหญ่อย่าง เควิน สเปซี่ย์ หรือ เจมี่ ฟ๊อกซ์ ก็ตาม
โดยเฉพาะในรายของฟ๊อกซ์นี่แม่ม มาขโมยซีนอย่างสุดๆ และเป็นจุดผลิกผันของหนังเลยทีเดียว ขนาดแกมารับเชิญเบาๆ นะเนี่ย
เอ็ดการ์ ไรท์สร้างให้ Baby Driver เดินเป็นเส้นตรง เรียกว่าเล่นแบบเพลย์เซฟอย่างสุดๆ หนังสลับอารมณ์ได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการเปิดฉากความเทพของพระเอก ไปสู่ความกวนตีน ความรักที่มุ้งมิ้ง ก่อนจะเปิดฉากครึ่งหลังด้วยความ
วายป่วงของสถานการณ์ แม้ว่าสเกลของหนังจะเป็นดูไม่ใหญ่นัก เพราะเป็นแค่คดีโจรกรรมในเมือง แต่สำหรับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง มันหมายถึงชีวิตของเขา และไรท์ทำให้เรารู้สึกกดดันไปด้วย
แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ต้องมีการขับรถเป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งผมว่ามันก็สอบผ่านได้สบายๆ รวมไปถึงฉากไล่ล่า ทั้งแบบด้วยรถและด้วยคน อีกทั้งแอคชั่นทั้งหลายแหล่ก็ไม่ขี้เหร่ เพราะไรท์สร้างให้เบบี้เป็นเด็กหนุ่มไม่ปกติที่ขับรถได้เยี่ยมยอด ฉะนั้นเวลาที่เขาลุกขึ้นสู้ก็คือเวลาที่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเท่านั้น
Baby Driver บอกเราว่า ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายคืนไปเสมอ การเลือกเดินในทางที่ผิด คุณก็ต้องชดใช้ในสักวันหนึ่ง และท้ายที่สุดหนังก็มีบทสรุปที่สวยงาม จับต้องได้ และยอมรับได้ ข้อดีอีกอย่างที่ต้องไม่ลืมพูดถึงคือ เพลงประกอบในหนังที่เจ๋งๆ ทั้งนั้น แทบอยากจะหา OST มาฟังหลังจากดูจบเลย
ใครที่ต้องการความบันเทิงแบบคุณภาพ ไม่น่าพลาด เพราะ Baby Driver คืองานที่มีครบรสจริงๆ ... หนังไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไร เช่นเดียวกับเบบี้ที่ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ ... แต่นั่นก็คือเสน่ห์ไม่ใช่เหรอ ... แล้วคุณจะหลงรักเจ้าเด็กตีนผีคนนี้เหมือนใครอีกหลายๆ คน
ตอนแรกว่าจะให้ 3.5 … แต่มาคิดดูดีๆ ใน 4/5 ดาวก็ไม่น่าเกลียด ไหนๆ จะอวยแล้ว ก็อวยให้สุดไปเลย
ก่อนจากกันฝากเพจรีวิวเล็กๆ ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/justtoohype/
[CR] Baby Driver ไอ้เด็กตีนผีขยี้หัวใจ
ใครและใครน่าจะเคยผ่านตางานระดับที่ผูกโบว์ติดดาวของเขา ไล่เลียงไปตั้งแต่ หนังซอมบี้อังกฤษแนวๆ อย่าง Shaun of the Dead, Host Fuzz, The World’s End (หนังที่ได้คู่หูคุ่บุญของเขาอย่าง ไซม่อน เพกก์ และ นิก ฟรอส เล่นนำให้ทั้ง 3 เรื่อง) หรือจะเป็น Scott Pilgrim vs. the World นี่สร้างมาสนองความเนิร์ดของตัวเองได้อย่างดู ขณะที่ Ant-Man ภาคแรกก็เป็นบทจากการสะดุ้งนิ้วบนแป้นพิมพ์ของเขา และอื่นๆ ที่ไปหากันต่อเอาเอง
และหลังห่างหายจากเก้าอี้ผู้กำกับไปนาน ศักราชนี้ไรท์ก็มาด้วยหนังแนวใหม่ของเขาที่เล่นใหญ่กว่าเดิม ... โอเค ถ้าเทียบกับหนังฮอลีวู้ดทั่วไป มันก็เป็นสเกลที่งั้นๆ แต่ถ้าดูจากผลงานกำกับหนังอังกฤษที่ไม่ค่อยจะผลาญงบประมาณเท่าไหร่ การกลับมารอบนี้ถือว่า เป็นการเติบโตขึ้นอีกขึ้น และน่าสนใจว่าไรท์จะเอาหนังสเกลใหญ่อยู่หรือเปล่า
และนี่คือ Baby Driver ... หนังที่ระทึกและมีมันส์แทรกในระดับ MS 12
Baby Driver เล่าเรื่องของไอ้หนุ่มตีนผีที่ลีลาการขับจัดจ้านไม่เป็นรองใครในฮอลีวู้ด เขามีชื่อรหัสว่า เบบี้ บี-เอ-บี-วาย หนังเล่าให้เราฟังแบบสั้นๆ ว่า อีตาเบบี้สมัยในวัยกำดัดเคยไปลองดีจิ๊กรถเจ้าพ่อขาใหญ่แล้วดันหนีไม่รอด ก็เลยต้องมาขับรถใช้หนี้จนกว่าจะหมด แต่ไม่ใช่แค่ขับรถธรรมดา เพราะงานเขาของคือการขับรถไปส่งแก๊งโจรกรรม และพาพวกเขาหนีเมื่อเสร็จงาน
หนังใช้เวลา 20 นาทีแรกทำให้เราประจักษ์กับตาว่า เบบี้มันเด็กแค่ชื่อ แต่การซิ่งมันเป็นระดับปรมาจารย์ เราเข้าใจได้ในทันทีว่า ตัวละครตัวนี้มันคืออัจฉริยะชัดๆ แต่ความไม่สมบูรณ์แบบซึ่งเป็นปมของเขาคือ อุบัติเหตุตอนเด็กๆ ที่ทำให้พ่อหนุ่มนักซิ่งมีเสียงวิ้งๆ ในหูตลอดเวลา เขาเลยต้องเสียบหูฟังแล้วเปิดเพลงเพื่อกลบมัน
แอนเซล เอลกอร์ท ในบทพระเอกขาซิ่งสร้างมิติให้ตัวละครนี้ได้อย่างสวยงาม เบบี้ของเขาดูมีความโอหัง มีความมั่นใจ ยียวนกวนประสาท และประหม่า เรียกว่านอกเหนือจากการขับรถแล้ว เบบี้ก็เบบี้สมชื่อจริงๆ ต้องชมว่า เอลกอร์ทใช้สีหน้าและแววตาได้ดีพอสมควร แม้ในซีนที่ต้องประกบกับรุ่นใหญ่อย่าง เควิน สเปซี่ย์ หรือ เจมี่ ฟ๊อกซ์ ก็ตาม
โดยเฉพาะในรายของฟ๊อกซ์นี่แม่ม มาขโมยซีนอย่างสุดๆ และเป็นจุดผลิกผันของหนังเลยทีเดียว ขนาดแกมารับเชิญเบาๆ นะเนี่ย
เอ็ดการ์ ไรท์สร้างให้ Baby Driver เดินเป็นเส้นตรง เรียกว่าเล่นแบบเพลย์เซฟอย่างสุดๆ หนังสลับอารมณ์ได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการเปิดฉากความเทพของพระเอก ไปสู่ความกวนตีน ความรักที่มุ้งมิ้ง ก่อนจะเปิดฉากครึ่งหลังด้วยความวายป่วงของสถานการณ์ แม้ว่าสเกลของหนังจะเป็นดูไม่ใหญ่นัก เพราะเป็นแค่คดีโจรกรรมในเมือง แต่สำหรับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง มันหมายถึงชีวิตของเขา และไรท์ทำให้เรารู้สึกกดดันไปด้วย
แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ต้องมีการขับรถเป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งผมว่ามันก็สอบผ่านได้สบายๆ รวมไปถึงฉากไล่ล่า ทั้งแบบด้วยรถและด้วยคน อีกทั้งแอคชั่นทั้งหลายแหล่ก็ไม่ขี้เหร่ เพราะไรท์สร้างให้เบบี้เป็นเด็กหนุ่มไม่ปกติที่ขับรถได้เยี่ยมยอด ฉะนั้นเวลาที่เขาลุกขึ้นสู้ก็คือเวลาที่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเท่านั้น
Baby Driver บอกเราว่า ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายคืนไปเสมอ การเลือกเดินในทางที่ผิด คุณก็ต้องชดใช้ในสักวันหนึ่ง และท้ายที่สุดหนังก็มีบทสรุปที่สวยงาม จับต้องได้ และยอมรับได้ ข้อดีอีกอย่างที่ต้องไม่ลืมพูดถึงคือ เพลงประกอบในหนังที่เจ๋งๆ ทั้งนั้น แทบอยากจะหา OST มาฟังหลังจากดูจบเลย
ใครที่ต้องการความบันเทิงแบบคุณภาพ ไม่น่าพลาด เพราะ Baby Driver คืองานที่มีครบรสจริงๆ ... หนังไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไร เช่นเดียวกับเบบี้ที่ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ ... แต่นั่นก็คือเสน่ห์ไม่ใช่เหรอ ... แล้วคุณจะหลงรักเจ้าเด็กตีนผีคนนี้เหมือนใครอีกหลายๆ คน
ตอนแรกว่าจะให้ 3.5 … แต่มาคิดดูดีๆ ใน 4/5 ดาวก็ไม่น่าเกลียด ไหนๆ จะอวยแล้ว ก็อวยให้สุดไปเลย
ก่อนจากกันฝากเพจรีวิวเล็กๆ ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/justtoohype/