มท.1 ออกโรงยืนยันขั้นตอนการให้เอกชนเช่าป่าชุมชนถูกต้อง แต่สงสัยเอกสารที่เสนอขึ้นมาไม่มีรายงานประชาชนไม่เห็นด้วย ส่งรองอธิบดีกรมที่ดินลงตรวจสอบกระบวนการทั้งหมด ถ้าพบชาวบ้านไม่เห็นด้วยแม้คนเดียวสั่งเพิกถอนทันที พร้อมหาคนผิด ลั่น 15 วันรู้ผล
วันนี้ (12 ก.ย.) เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการอนุมัติให้เอกชนเช่าป่าชุมชนในพื้นที่โคกห้วยเม็ก ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จำนวน 31 ไร่ ว่าตามหลักเกณฑ์การขอใช้พื้นที่สาธารณะสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นประชาชน เอกชน หรือหน่วยราชการ แต่หากทำผิดเงื่อนไขสามารถเพิกถอนได้ทันที อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นยืนยันว่าการดำเนินการถูกต้องทั้งหมด ถ้าไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย เจ้าหน้าที่ส่วนใดที่ดำเนินการต้องรับโทษทั้งนั้น
“จากการตรวจสอบก็น่าจะเป็นจริงตามที่ประชาชนแสดงความไม่เห็นด้วย แต่เอกสารกรมที่ดินยืนยันว่าไม่มีเอกสารที่เกี่ยวกับความไม่เห็นด้วยของประชาชน โดยเช้าวันนี้รองอธิบดีกรมที่ดินได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลว่าทำไมถึงไม่มีเอกสารที่ประชาชนไม่เห็นด้วย ผมยืนยันว่าคนเดียวก็ไม่ให้แล้ว ถ้าไม่เห็นด้วยแค่คนเดียว เพราะมันเป็นที่สาธารณะร่วมกัน ทำไมถึงไม่มีเอกสารขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบทั้งหมดตั้งแต่ระดับจังหวัด รวมถึงคณะกรรมการทั้งหมดได้รู้เรื่องนี้หรือไม่ และเมื่อตรวจสอบยืนยันได้ว่ามีประชาชนไม่เห็นด้วย ก็จะดำเนินการเพิกถอนคำสั่งทันที ในเมื่อประชาชนที่ใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะได้รับความเดือดร้อนก็มีเหตุให้ยกเลิกคำสั่ง และต้องหาคนทำผิดให้ได้” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า แปลกที่ว่าจังหวัดไม่ได้ใหญ่โต แต่ทำไมคนที่ไม่เห็นด้วยนั้นมี แต่เอกสารที่ส่งขึ้นบอกว่าประชาชนเห็นด้วยเอกฉันท์ ขั้นตอนการส่งเอกสารขึ้นมาเป็นเรื่องหนึ่งที่ตนสงสัย เอกสารร้องเรียนไม่มีขึ้นมา ส่วนการทำประชาพิจารณ์จะมีปัญหาหรือไม่ ตนยังไม่ทราบ จึงให้ผู้เกี่ยวข้องลงไปหาข้อเท็จจริง
“การอนุมัติไปเป็นกฎหมาย เป็นคำสั่งทางปกครอง การยกเลิกต้องอยู่บนกฎหมาย เช่น ตรวจสอบแล้วมีคนได้รับผลกระทบ มีเอกสารยืนยัน แต่ผมไม่ทำถึง 90 วัน ผมสั่งไปภายใน 15 วันต้องเสร็จ ถ้าทราบว่ามีการใช้เอกสารที่ไม่ครบส่งขึ้นมาก็จะเพิกถอนเลย” รมว.มหาดไทยกล่าว
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า การดำเนินการต่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้อำนาจโดยมิชอบ โทษทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวินัย อาญา ที่สามารถดำเนินการได้จะดำเนินการโดยเฉพาะโทษทางวินัย ส่วนโทษทางอาญาถ้ามีหลักฐานว่าไปทำอะไรเกี่ยวกับเอกสารโดยมิชอบก็โดน นอกจากนั้น เรื่องของการทุจริตก็ต้องตรวจสอบด้วย
“บิ๊กป๊อก” สงสัยกรมที่ดินไม่รายงานชาวบ้านค้าน “กระทิงแดง” เช่าป่า สั่งสอบ-จ่อเชือด จนท.
วันนี้ (12 ก.ย.) เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการอนุมัติให้เอกชนเช่าป่าชุมชนในพื้นที่โคกห้วยเม็ก ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จำนวน 31 ไร่ ว่าตามหลักเกณฑ์การขอใช้พื้นที่สาธารณะสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นประชาชน เอกชน หรือหน่วยราชการ แต่หากทำผิดเงื่อนไขสามารถเพิกถอนได้ทันที อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นยืนยันว่าการดำเนินการถูกต้องทั้งหมด ถ้าไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย เจ้าหน้าที่ส่วนใดที่ดำเนินการต้องรับโทษทั้งนั้น
“จากการตรวจสอบก็น่าจะเป็นจริงตามที่ประชาชนแสดงความไม่เห็นด้วย แต่เอกสารกรมที่ดินยืนยันว่าไม่มีเอกสารที่เกี่ยวกับความไม่เห็นด้วยของประชาชน โดยเช้าวันนี้รองอธิบดีกรมที่ดินได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลว่าทำไมถึงไม่มีเอกสารที่ประชาชนไม่เห็นด้วย ผมยืนยันว่าคนเดียวก็ไม่ให้แล้ว ถ้าไม่เห็นด้วยแค่คนเดียว เพราะมันเป็นที่สาธารณะร่วมกัน ทำไมถึงไม่มีเอกสารขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบทั้งหมดตั้งแต่ระดับจังหวัด รวมถึงคณะกรรมการทั้งหมดได้รู้เรื่องนี้หรือไม่ และเมื่อตรวจสอบยืนยันได้ว่ามีประชาชนไม่เห็นด้วย ก็จะดำเนินการเพิกถอนคำสั่งทันที ในเมื่อประชาชนที่ใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะได้รับความเดือดร้อนก็มีเหตุให้ยกเลิกคำสั่ง และต้องหาคนทำผิดให้ได้” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า แปลกที่ว่าจังหวัดไม่ได้ใหญ่โต แต่ทำไมคนที่ไม่เห็นด้วยนั้นมี แต่เอกสารที่ส่งขึ้นบอกว่าประชาชนเห็นด้วยเอกฉันท์ ขั้นตอนการส่งเอกสารขึ้นมาเป็นเรื่องหนึ่งที่ตนสงสัย เอกสารร้องเรียนไม่มีขึ้นมา ส่วนการทำประชาพิจารณ์จะมีปัญหาหรือไม่ ตนยังไม่ทราบ จึงให้ผู้เกี่ยวข้องลงไปหาข้อเท็จจริง
“การอนุมัติไปเป็นกฎหมาย เป็นคำสั่งทางปกครอง การยกเลิกต้องอยู่บนกฎหมาย เช่น ตรวจสอบแล้วมีคนได้รับผลกระทบ มีเอกสารยืนยัน แต่ผมไม่ทำถึง 90 วัน ผมสั่งไปภายใน 15 วันต้องเสร็จ ถ้าทราบว่ามีการใช้เอกสารที่ไม่ครบส่งขึ้นมาก็จะเพิกถอนเลย” รมว.มหาดไทยกล่าว
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า การดำเนินการต่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งใช้อำนาจโดยมิชอบ โทษทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวินัย อาญา ที่สามารถดำเนินการได้จะดำเนินการโดยเฉพาะโทษทางวินัย ส่วนโทษทางอาญาถ้ามีหลักฐานว่าไปทำอะไรเกี่ยวกับเอกสารโดยมิชอบก็โดน นอกจากนั้น เรื่องของการทุจริตก็ต้องตรวจสอบด้วย