ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ที่ดินโคราช” ชงเรื่องเสนอ “ผู้ว่าฯ โคราช-อธิบดีกรมที่ดิน” เพิกถอน น.ส. 3 ก. “โบนันซ่า” รวด 5 แปลงกว่า 55 ไร่รุกป่าสงวนแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว เผยผู้ว่าฯ ลงนามไฟเขียว รอเพียงอธิบดีกรมที่ดินตั้ง กก.เชือดภายใน 60 วัน เผยขั้นตอนของที่ดินเสร็จสิ้นแล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่หน่วยงานเจ้าของพื้นที่เข้าไปดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีสนามแข่งรถอินเตอร์เนชั่นแนล โบนันซ่า สปีดเวย์ (International Bonanza Speed Way) โครงการโบนันซ่า ตั้งอยู่หมู่ 11 บ้านโบนันซ่า ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ของนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ นักธุรกิจใหญ่และนักการเมืองชื่อดัง บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน กว่า 100 ไร่นั้น
ล่าสุดวันนี้ (20 เม.ย. 58) ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายมนศักดิ์ อารักษ์ ที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ล่าสุดทางสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาได้ส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรถึง นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อให้ลงนามในการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินโครงการโบนันซ่าเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ว่าฯ นครราชสีมา ได้ลงนามเห็นชอบตามที่เสนอ
โดยจากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 925-928 และ 930 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ต้องดำเนินการเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน รวมเนื้อที่ 55-3-55 ไร่ มีรายละเอียดดังนี้
1. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 925 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 6-1-40 ไร่ ออกโดยวิธีเดินสำรวจเพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยใช้รูปถ่ายทางอากาศตามมาตรา 58 ในปีประมาณ 2519 โดยมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่ นางสอน คำพลกรัง เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2519 โดยนางสอนแจ้งว่าได้ที่ดินมาโดยก่นสร้างมาด้วยตนเองประมาณ 25 ปี ปัจจุบันมีชื่อ บริษัท ซับม่วง จำกัด มีชื่อเป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครองไม่มีภาระผูกพัน
2. แปลงเลขที่ 926 ต.ขนงพระฯ เนื้อที่ 9-1-63 ไร่ ออกโดยวิธีเดียวกัน โดยมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่ นายพันธ์ คำพลกรัง เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2519 โดยนายพันธ์แจ้งว่าได้ที่ดินมาโดยรับให้มาจากบิดามาประมาณ 10 ปี ก่อนนั้นบิดาได้ก่นสร้างมาด้วยตนเองประมาณ 15 ปี ปัจจุบัน นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ มีชื่อเป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครองไม่มีภาระผูกพัน
3. แปลงเลขที่ 927 ต.ขนงพระฯ เนื้อที่ 16-1-90 ไร่ ออกโดยวิธีเดียวกัน โดยมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่ นายบุญส่ง คำพลกรัง เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2519 โดยนายบุญส่งแจ้งว่าได้ที่ดินมาโดยรับให้มาจากมารดามาประมาณ 5 ปี ก่อนนั้นมารดาได้ก่นสร้างมาด้วยตนเองประมาณ 20 ปี ปัจจุบัน นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ มีชื่อเป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครองไม่มีภาระผูกพัน
4. แปลงเลขที่ 928 ต.ขนงพระฯ เนื้อที่ 16-1-50 ไร่ ออกโดยวิธีเดียวกัน ซึ่งมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่ นายเขียว แวะสันเทียะ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2519 โดยนายเขียว แจ้งว่าได้ที่ดินมาโดยก่นสร้างมาด้วยตนเองประมาณ 23 ปี ปัจจุบันมี น.ส.พรรณี สุจิรภิญโญกุล (น.ส.ภัสสรา เตชะณรงค์) เป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครอง ไม่มีภาระผูกพัน
และ 5. แปลงเลขที่ 930 ต.ขนงพระฯ เนื้อที่ 7-1-20 ไร่ ออกโดยวิธีเดียวกัน โดยมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่นางเทศ นพรัตน์ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2519 โดยนางเทศแจ้งว่าได้ที่ดินมาโดยรับให้มาจากบิดามาประมาณ 5 ปี ก่อนนั้นบิดาได้ก่นสร้างมาด้วยตนเองประมาณ 20 ปี ปัจจุบันมี น.ส.พรรณี สุจิรภิญโญกุล เป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครอง ไม่มีภาระผูกพัน
ทั้งนี้ การตรวจสอบจากระวางรูปถ่ายทางอากาศปรากฏว่าได้มีการขีดเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน เมื่อปี 2534 และมีการขีดเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2506 “ป่าโครงการรถไฟมวกเหล็ก” เมื่อปี 2543 ปัจจุบันที่ดินอยู่ในเขตพื้นที่ดำเนินการของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโซน E ซึ่งกรมป่าไม้ได้ส่งมอบให้ สปก.ดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2536
โดยทางสำนักงานที่ดินฯ สาขาปากช่องพิจารณาเห็นว่า การออก น.ส.3 ก. ทั้ง 5 แปลงดังกล่าว ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องดำเนินการเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ซึ่งที่ดินทั้ง 5 แปลงอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ อบต.ขนงพระ และเห็นควรแต่งตั้ง นายทรรศพงษ์ เดือนแจ่ม นักวิชาการที่ดินชำนาญการ เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการเพิกถอนตามมาตรา 61
“การดำเนินการในส่วนของที่ดินจังหวัดนครราชสีมาถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว โดยหลังจากนี้เป็นเรื่องของส่วนกลาง ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินจะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิตามที่เสนอ ซึ่งต้องแล้วเสร็จภายใน 60 วัน ส่วนที่ดินดังกล่าวเป็นของหน่วยงานใดหน่วยงานนั้นก็จะเข้าไปดำเนินการต่อไป” นายมนศักดิ์ กล่าวตอนท้าย
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000045074
https://www.facebook.com/baitongpost/posts/833538650061299
ชัดเจนครับที่หาว่าโบนันซ่า "ฮุบป่า" คือ นส.3 ก. 5 แปลง ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 ออกให้ชาวบ้าน 5 ราย (คนโคราชทั้งนั้น นามสกุลพลกรัง สันเทียะ) ซึ่งขายต่อกันกี่มือไม่ทราบจนปัจจุบันเป็นของโบนันซ่า รัฐบาลทหารค่อยมาไล่เพิกถอนย้อนหลังหาว่าออก นส.3 โดยมิชอบ
ที่ทุเรศกว่านั้นคือ หลังจากออก นส.3 ก.ปี 2519 จึงมีการขีดเขตป่าสงวนแห่งชาติปี 2534 และขีดเขตป่าไม้ถาวรปี 2543 ฉะนั้นนี้ไม่ใช่ นส.3 ทับป่าแต่ขีดป่าทับ นส.3
ไม่ว่า นส.3 ผิดถูกอย่างไร โบนันซ่าก็เป็น "ผู้ซื้อโดยสุจริต" เพราะเป็นที่ นส.3 ก. การซื้อขายไม่ได้ทำกันเองแบบซื้อขายของเถื่อน เพราะต้องซื้อขายผ่านสำนักงานที่ดิน มีราชการรับรอง คุณเอาผิดอาญาเขาไม่ได้ เผลอๆ เขาจะฟ้องสำนักงานที่ดินได้อีกต่างหากว่า อ้าว รู้ว่าออก นส.3 ก.โดยมิชอบแล้วคุณปล่อยให้เขาซื้อได้ไง คุณออก นส.3 ผิดมาเกิอบ 40 ปี อยู่ๆ มาไล่จับให้เขาได้รับความเสียหาย
ถ้าใช้มาตรฐานนี้เพิกถอนย้อนหลัง ก็ต้องเพิกถอนหมดทั้งตีนเขาใหญ่นั่นละ
เช่นเดียวกับที่ดินสรยุทธ์ ซื้อมาจากคนอื่นระหว่างปี 2551-2554 เป็นที่มีโฉนด โฉนดออกเมื่อปี 2535 รวดเดียว 175 แปลง (เอาละ น่าสงสัยว่ามีปัญหา) ปปช.ให้เพิกถอนเมื่อปี 2546 แต่กรมที่ดินเอง มีหนังสือเมื่อปี 2551 แจ้งว่าเพื่อไม่ให้ผู้ถือครองเดือดร้อนจึงไม่เพิกถอน
ความผิดของกรมที่ดินนะครับ ไม่ใช่ความผิดสรยุทธ์ ความผิดของกรมที่ดิน ไม่ใช่ความผิดของโบนันซ่า ประชาชนทั่วไปไม่ว่าคนรวยคนจนนักการเมืองหรือข้าราชการ ถ้าเขาซื้อที่ดินมีโฉนด มี นส.3 โอนผ่านสำนักงานที่ดิน เขาก็เป็นผู้สุจริต
>>>
สรุป โบนันซ่า ไม่ได้ฮุบป่าสงวน แต่มีการออก นส 3 ก ให้โดยข้าราชการสมัยนั้น จะชอบหรือไม่ชอบก็ว่ากันไป แต่ " โบนันซ่า "ซื้อมาแบบถูกกฎหมาย
ค่ายผู้จัดการหลังๆนี่เปลี่ยนไปนะ ไม่ใส่ไข่ มโน เละเทะเหมือนเมื่อก่อน
“ ที่ดินโคราช ” ชง “ ผู้ว่าฯ-อธิบดี ” เพิกถอน น.ส. 3 ก. “โบนันซ่า” ฮุบป่าแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีสนามแข่งรถอินเตอร์เนชั่นแนล โบนันซ่า สปีดเวย์ (International Bonanza Speed Way) โครงการโบนันซ่า ตั้งอยู่หมู่ 11 บ้านโบนันซ่า ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ของนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ นักธุรกิจใหญ่และนักการเมืองชื่อดัง บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน กว่า 100 ไร่นั้น
ล่าสุดวันนี้ (20 เม.ย. 58) ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายมนศักดิ์ อารักษ์ ที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ล่าสุดทางสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาได้ส่งหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรถึง นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อให้ลงนามในการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินโครงการโบนันซ่าเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ว่าฯ นครราชสีมา ได้ลงนามเห็นชอบตามที่เสนอ
โดยจากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 925-928 และ 930 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ต้องดำเนินการเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน รวมเนื้อที่ 55-3-55 ไร่ มีรายละเอียดดังนี้
1. หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 925 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 6-1-40 ไร่ ออกโดยวิธีเดินสำรวจเพื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยใช้รูปถ่ายทางอากาศตามมาตรา 58 ในปีประมาณ 2519 โดยมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่ นางสอน คำพลกรัง เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2519 โดยนางสอนแจ้งว่าได้ที่ดินมาโดยก่นสร้างมาด้วยตนเองประมาณ 25 ปี ปัจจุบันมีชื่อ บริษัท ซับม่วง จำกัด มีชื่อเป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครองไม่มีภาระผูกพัน
2. แปลงเลขที่ 926 ต.ขนงพระฯ เนื้อที่ 9-1-63 ไร่ ออกโดยวิธีเดียวกัน โดยมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่ นายพันธ์ คำพลกรัง เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2519 โดยนายพันธ์แจ้งว่าได้ที่ดินมาโดยรับให้มาจากบิดามาประมาณ 10 ปี ก่อนนั้นบิดาได้ก่นสร้างมาด้วยตนเองประมาณ 15 ปี ปัจจุบัน นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ มีชื่อเป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครองไม่มีภาระผูกพัน
3. แปลงเลขที่ 927 ต.ขนงพระฯ เนื้อที่ 16-1-90 ไร่ ออกโดยวิธีเดียวกัน โดยมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่ นายบุญส่ง คำพลกรัง เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2519 โดยนายบุญส่งแจ้งว่าได้ที่ดินมาโดยรับให้มาจากมารดามาประมาณ 5 ปี ก่อนนั้นมารดาได้ก่นสร้างมาด้วยตนเองประมาณ 20 ปี ปัจจุบัน นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ มีชื่อเป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครองไม่มีภาระผูกพัน
4. แปลงเลขที่ 928 ต.ขนงพระฯ เนื้อที่ 16-1-50 ไร่ ออกโดยวิธีเดียวกัน ซึ่งมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่ นายเขียว แวะสันเทียะ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2519 โดยนายเขียว แจ้งว่าได้ที่ดินมาโดยก่นสร้างมาด้วยตนเองประมาณ 23 ปี ปัจจุบันมี น.ส.พรรณี สุจิรภิญโญกุล (น.ส.ภัสสรา เตชะณรงค์) เป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครอง ไม่มีภาระผูกพัน
และ 5. แปลงเลขที่ 930 ต.ขนงพระฯ เนื้อที่ 7-1-20 ไร่ ออกโดยวิธีเดียวกัน โดยมิได้แจ้งการครอบครองให้แก่นางเทศ นพรัตน์ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2519 โดยนางเทศแจ้งว่าได้ที่ดินมาโดยรับให้มาจากบิดามาประมาณ 5 ปี ก่อนนั้นบิดาได้ก่นสร้างมาด้วยตนเองประมาณ 20 ปี ปัจจุบันมี น.ส.พรรณี สุจิรภิญโญกุล เป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครอง ไม่มีภาระผูกพัน
ทั้งนี้ การตรวจสอบจากระวางรูปถ่ายทางอากาศปรากฏว่าได้มีการขีดเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน เมื่อปี 2534 และมีการขีดเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2506 “ป่าโครงการรถไฟมวกเหล็ก” เมื่อปี 2543 ปัจจุบันที่ดินอยู่ในเขตพื้นที่ดำเนินการของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโซน E ซึ่งกรมป่าไม้ได้ส่งมอบให้ สปก.ดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2536
โดยทางสำนักงานที่ดินฯ สาขาปากช่องพิจารณาเห็นว่า การออก น.ส.3 ก. ทั้ง 5 แปลงดังกล่าว ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องดำเนินการเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ซึ่งที่ดินทั้ง 5 แปลงอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ อบต.ขนงพระ และเห็นควรแต่งตั้ง นายทรรศพงษ์ เดือนแจ่ม นักวิชาการที่ดินชำนาญการ เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการเพิกถอนตามมาตรา 61
“การดำเนินการในส่วนของที่ดินจังหวัดนครราชสีมาถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว โดยหลังจากนี้เป็นเรื่องของส่วนกลาง ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินจะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิตามที่เสนอ ซึ่งต้องแล้วเสร็จภายใน 60 วัน ส่วนที่ดินดังกล่าวเป็นของหน่วยงานใดหน่วยงานนั้นก็จะเข้าไปดำเนินการต่อไป” นายมนศักดิ์ กล่าวตอนท้าย
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000045074
https://www.facebook.com/baitongpost/posts/833538650061299
ชัดเจนครับที่หาว่าโบนันซ่า "ฮุบป่า" คือ นส.3 ก. 5 แปลง ออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 ออกให้ชาวบ้าน 5 ราย (คนโคราชทั้งนั้น นามสกุลพลกรัง สันเทียะ) ซึ่งขายต่อกันกี่มือไม่ทราบจนปัจจุบันเป็นของโบนันซ่า รัฐบาลทหารค่อยมาไล่เพิกถอนย้อนหลังหาว่าออก นส.3 โดยมิชอบ
ที่ทุเรศกว่านั้นคือ หลังจากออก นส.3 ก.ปี 2519 จึงมีการขีดเขตป่าสงวนแห่งชาติปี 2534 และขีดเขตป่าไม้ถาวรปี 2543 ฉะนั้นนี้ไม่ใช่ นส.3 ทับป่าแต่ขีดป่าทับ นส.3
ไม่ว่า นส.3 ผิดถูกอย่างไร โบนันซ่าก็เป็น "ผู้ซื้อโดยสุจริต" เพราะเป็นที่ นส.3 ก. การซื้อขายไม่ได้ทำกันเองแบบซื้อขายของเถื่อน เพราะต้องซื้อขายผ่านสำนักงานที่ดิน มีราชการรับรอง คุณเอาผิดอาญาเขาไม่ได้ เผลอๆ เขาจะฟ้องสำนักงานที่ดินได้อีกต่างหากว่า อ้าว รู้ว่าออก นส.3 ก.โดยมิชอบแล้วคุณปล่อยให้เขาซื้อได้ไง คุณออก นส.3 ผิดมาเกิอบ 40 ปี อยู่ๆ มาไล่จับให้เขาได้รับความเสียหาย
ถ้าใช้มาตรฐานนี้เพิกถอนย้อนหลัง ก็ต้องเพิกถอนหมดทั้งตีนเขาใหญ่นั่นละ
เช่นเดียวกับที่ดินสรยุทธ์ ซื้อมาจากคนอื่นระหว่างปี 2551-2554 เป็นที่มีโฉนด โฉนดออกเมื่อปี 2535 รวดเดียว 175 แปลง (เอาละ น่าสงสัยว่ามีปัญหา) ปปช.ให้เพิกถอนเมื่อปี 2546 แต่กรมที่ดินเอง มีหนังสือเมื่อปี 2551 แจ้งว่าเพื่อไม่ให้ผู้ถือครองเดือดร้อนจึงไม่เพิกถอน
ความผิดของกรมที่ดินนะครับ ไม่ใช่ความผิดสรยุทธ์ ความผิดของกรมที่ดิน ไม่ใช่ความผิดของโบนันซ่า ประชาชนทั่วไปไม่ว่าคนรวยคนจนนักการเมืองหรือข้าราชการ ถ้าเขาซื้อที่ดินมีโฉนด มี นส.3 โอนผ่านสำนักงานที่ดิน เขาก็เป็นผู้สุจริต
>>>
สรุป โบนันซ่า ไม่ได้ฮุบป่าสงวน แต่มีการออก นส 3 ก ให้โดยข้าราชการสมัยนั้น จะชอบหรือไม่ชอบก็ว่ากันไป แต่ " โบนันซ่า "ซื้อมาแบบถูกกฎหมาย
ค่ายผู้จัดการหลังๆนี่เปลี่ยนไปนะ ไม่ใส่ไข่ มโน เละเทะเหมือนเมื่อก่อน