เศรษฐกิจไม่ดี ผ่อนต่อไม่ไหว ดันบ้านมือสองNPA พุ่ง แบงก์เร่งระบาย แข่งลดราคา 10-30%
https://www.matichon.co.th/economy/news_5080061
เศรษฐกิจไม่ดี ผ่อนต่อไม่ไหว ดันบ้านมือสองNPA พุ่ง แบงก์เร่งระบาย แข่งลดราคา 10-30%
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม นาง
ดรุณี รุ่งเรืองผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาร์วิด พร๊อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า ปริมาณอสังหาริมทรัพย์มือสองที่เป็นทรัพย์ NPAจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการผ่อนชำระ ดังนั้น บ้านมือสองที่มีอยู่ในตลาดหลาย 100,000 ยูนิต ส่วนหนึ่งเป็นสินทรัพย์ประเภท NPA รวมอยู่ด้วย
“
เชื่อว่าในปี 2568 นี้สถาบันการเงินจะเร่งระบายทรัพย์ดังกล่าว จะทำการตลาดและส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการจัดโปรโมชั่นลดราคาขายที่น่าสนใจกว่าการซื้อทรัพย์จากแหล่งอื่น จึงเชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์มือสองในส่วนของทรัพย์ NPA ยังคงเป็นสินค้าที่น่าจะอยู่ในความสนใจของนักลงทุนและกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั่วไป” นาง
ดรุณีกล่าว
นาง
ดรุณีกล่าวว่า จากประสบการณ์ในการขายอสังหาริมทรัพย์มือสองให้กับสถาบันการเงินต่าง ๆ เริ่มเห็นสัญญาณการเร่งระบายสินทรัพย์ โดยจัดโปรโมชั่นลดราคาตั้งแต่ 10-30% ทั้งทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย เช่น คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว ในทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ อาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน โกดัง warehouse ต่างๆ
ทั้งนี้ เชื่อว่าทรัพย์ NPA ยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เพราะพฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่ได้มีการเปรียบเทียบด้านราคาและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการซื้อบ้านมือสองทั่วไปกับทรัพย์ NPA เพื่อตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการรวมทั้งความคุ้มค่าในการลงทุน
“
ทรัพย์ NPA ที่อยู่ในความสนใจจากนักลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมมากคืออาคารพาณิชย์ เพราะเป็นสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในทำเลใกล้แหล่งความเจริญ การคมนาคมสะดวกพร้อมทำการค้าขายหรือดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ได้ทันที เนื่องจากอยู่ในแหล่งพาณิชย์อยู่แล้ว ต่างจากโครงการใหม่ ที่ส่วนใหญ่อยู่ห่างจากแหล่งพาณิชย์ และราคาขายอ้างอิงต้นทุนการก่อสร้างปัจจุบัน ทั้งราคาที่ดินและราคาวัสดุต่าง ๆ แพงขึ้น นอกจากนี้แล้วทรัพย์ NPA ประเภทที่ดินเปล่าก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นกัน ส่วนใหญ่ต้องการซื้อเพื่อก่อสร้างสำนักงานหรือเพื่อการพาณิชย์อื่น ๆ“ นาง
ดรุณีกล่าว
นางดรุณีกล่าวว่า ส่วนประเภทที่อยู่อาศัย ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างดี เพราะอยู่ในทำเลที่ดีไม่ว่าทาวน์เฮ้าส์หรือบ้านเดี่ยว รวมทั้งปัจจัยด้านราคาที่มีความน่าสนใจกว่าบ้านมือสองทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงที่บ้านใหม่เริ่มมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นตามต้นทุน ในขณะที่ทรัพย์ NPA ถูกนำมาจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและตั้งอยู่ในชุมชนที่มีความได้เปรียบ น่าจะทำให้ทิศทางการตลาดทรัพย์ NPA ในปี 2568 มีการขยายตัวในทิศทางที่ดี
อย่างไรก็ตาม จากสถิติการขายทรัพย์ NPA พบว่าราคาทรัพย์ดังกล่าวมีการปรับราคาทุกปีตามราคาประเมินที่ดินของทางราชการ แต่การตัดสินใจซื้อของนักลงทุนส่วนใหญ่เกิดจากการวิเคราะห์ด้านความคุ้มค่าต่าง ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการทำนิติกรรม การต่อรองราคา หรือการจัดแคมเปญของสถาบันการเงินที่มีอย่างต่อเนื่อง
กสม. บุกศูนย์ฝึกทหารใหม่ ทร. ตรวจอาคารที่พัก โรงอาหาร การจัดเลี้ยงทหารใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5080189
กสม.บุกศูนย์ฝึกทหารใหม่ ทร. ตรวจอาคารที่พัก โรงอาหาร การจัดเลี้ยงทหารใหม่
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่ที่กองบังคับการ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และคณะ ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน โดยมี น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) และคณะ ให้การต้อนรับ
กสม. ตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมทหารใหม่ฯ ระหว่าง 5 – 6 มีนาคมโดยรับฟังภารกิจ การจัดหน่วย ของ ศฝท.ฯ เยี่ยมชมการฝึกของนักเรียนพลกองประจำการ อาคารที่พัก โรงอาหาร การจัดเลี้ยง และจัดการอบรมเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565, การป้องกันการทรมานและการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม (prevention of torture and ill-treatment) เพื่อเป็นการส่งเสริม ความรู้ ความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน องค์กรระหว่างประเทศในด้านสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชื่นชมถึงการบริหารจัดการด้วยระบบการฝึกที่ดีของ ศฝท.ฯ และถือเป็นต้นแบบที่ดีในการฝึกอบรมทหารใหม่ เป็นไปตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้านสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกองทัพกับประชาชน โดยสร้างความเชื่อมั่นให้สาธารณชนเห็นว่ากองทัพมีความเป็นทหารอาชีพในระบอบประชาธิปไตย คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนตามกติกาสากล
แฉขบวนการสวมสิทธิ ‘ที่ดิน คทช.’ เชื่อมีเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวแนะส่วนกลางตรวจสอบ
https://www.dailynews.co.th/news/4469210/
ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน แนะส่งหน่วยงานส่วนกลาง ตรวจสอบ ปมฉาว สวมเอกสารสิทธิให้"กลุ่มนายทุนใหญ่"ข้ามชาติ ปลูกสวนทุเรียนป่าท่าตะเกียบ ฉะเชิงเทรา เชื่อทำเป็นขบวนการแน่นอน ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมทุจริตด้วย
คดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อปลูกทุเรียนโดยกลุ่มทุนต่างชาติ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแควระบมและป่าสียัด หมู่ 20 บ้านห้วยนา และหมู่ 14 บ้านเขากล้วยไม้ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยพบว่าบริษัทเอกชนของคนไทย ได้กว้านซื้อที่ดินชาวบ้าน ใน อ.ท่าตะเกียบ นับพันไร่ โดยที่ดินเหล่านั้นอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ นอกจากนี้บางส่วนอยู่ระหว่างการสำรวจรายชื่อราษฎร เพื่อให้เข้าทำกินอย่างถูกต้อง ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และบางส่วนนำชื่อชาวบ้านจาก จ.จันทบุรี-ตราด มาสวมสิทธิที่คทช. โดยเจ้าตัวไม่ทราบเรื่อง จึงได้ไปแจ้งความเอาไว้แล้ว
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ทีมข่าวเดลินิวส์ ยังคงติดตามเรื่องดังกล่าว และสัมภาษณ์พิเศษ นาย
บารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน มาอย่างต่อเนื่อง โดยนาย
บารมี ชัยรัตน์ เป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่กับพี่น้องเกษตรกร ในหลายพื้นที่มายาวนาน กล่าวถึง การสวมสิทธิที่ดิน ว่า ต้องมาดูก่อนว่า วิธีการในการจัดที่ของ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แรกเริ่มมีวัตถุประสงค์ของการจัดสรรที่ดินอย่างไร ซึ่งตามนโยบายของ คทช. ก็จะจัดสรรที่ดินให้กับบุคคลที่ครอบครองอยู่ในพื้นที่นั้นๆมาก่อนเป็นหลัก เช่นครอบครองในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มาก่อนหรือ หลัง ก็จะยึดมติ ครม.30 มิ.ย.41 เป็นหลัก
แต่ถ้าเกิดบุคคลในครอบครองพื้นที่นั้นๆครอบครอง พื้นที่ เกินกว่าจำนวน ที่ การจัดสรรที่ดิน ของ คทช.กำหนดไว้ เช่น คทช. อนุญาตให้ครอบครองที่ดินได้ไม่เกิน 20 หรือ 30 ไร่ แต่หากที่ผ่านมาบุคคลรายใดครอบครองพื้นที่เกินกว่า ที่ คทช.กำหนด ก็จะถูกตัดพื้นที่ให้เหลือเพียง 20 หรือ 30 ไร่ โดยพื้นที่ที่เหลือของบุคคลรายนั้นๆ ก็ถูกจัดสรรไปให้กับผู้ยื่นขอรายอื่นๆต่อไป ซึ่งผู้ยื่นขอรายอื่นๆ นั้น ตามหลักเกณฑ์ก็ต้องเริ่มคัดสรร จากบุคคลในพื้นที่นั้นๆก่อน ที่สามารถยื่นขอรับสิทธิ ในการจัดสรรที่ดิน ของ คทช. ได้ ก็คือคนในชุมชน ในหมู่บ้าน นั้นๆ หากไม่มีในชุมชน ก็ขยับ เป็นคนในตำบล ในอำเภอ หรือ ในจังหวัด นั้นๆ หรือ หากในจังหวัดไม่มี ถึงจะขยับไปเป็นการจัดที่ดินให้กับคนที่อยู่จากจังหวัดอื่น
จึงมองว่า กรณีการสวมสิทธิ ที่ดิน คทช. ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ แควระบมและป่าสียัด อ.ท่าตะเกียบ ที่นำเอาที่ดินแปลง คทช. ไปจัดสรร ให้กับบุคคลที่มาจากจันทบุรี ได้อย่างไร เพราะว่า คนในพื้นที่ อำเภอท่าตะเกียบ ที่ยังไม่มีที่ดินทำกิน หรือว่ามีที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องที่แปลกมาก โดยเฉพาะในกระบวนการสรรหา ตรวจสอบ ถึงคุณสมบัติต่างๆ ของผู้มีสิทธิ ยื่นขอที่ดิน จาก โครงการจัดสรรที่ดินให้ชุมชน ของ คทช. ในการได้รับสิทธิการจัดสรรที่ดิน จาก คทช. รวมไปถึงหลังจาก ตรวจสอบคุณสมบัติและสิทธิแล้ว กระบวนการในการออกเอกสารอนุญาตให้ทำกินในที่ดิน คทช. หรือ การให้ สมุด คทช. นั้น ก็มีการออกให้โดย เจ้าของพื้นที่ เช่น พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ก็ออก โดยกรมป่าไม้ เพราะฉะนั้นตอนออกเอกสารอนุญาตให้บุคคลนั้นๆเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ไม่ได้มีการตรวจสอบก่อนหรือว่าบุคคลนั้น มีถิ่นที่อยู่ แหล่งพำนักอาศัย หรือ เป็นบุคคลในพื้นที่ไหน หรือมีที่อยู่ตามทะเบียนราษฏรอยู่พื้นที่ใด มีตัวตนมาพิสูจน์อย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ดีมองว่าขั้นตอนในการแจกสมุด คทช. ให้กับบุคคลรายนั้นๆ ก็มีการตรวจสอบมาในระดับหนึ่ง ถึงได้มีการออก สมุด คทช.ให้กับบุคคลรายนั้นๆ ตามหลักฐานต่างๆ แต่ต่อมา หากบุคคลรายนั้นออกมาบอกว่า ตนถูกสวมสิทธิ ก็พิสูจน์กันว่าสวมสิทธิจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงคือได้รับสิทธิแล้วนำไปขายต่อก็ต้องเพิกถอน ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ หากพบว่าเป็นการสวมสิทธิจริง ก็อาจมองได้ว่ามีการปลอมแปลงหลักฐานเอกสารต่างๆ ขึ้นมา แบบนี้ก็เข้าข่ายว่ามีการทุจริต เกิดขึ้น ซึ่งต้องมีการดำเนินการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง ไม่ใช้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ที่อยู่ในพื้นที่ไปตรวจสอบการทุจริตของตนเอง จึงมองว่า เรื่องการตรวจสอบในที่ดิน คทช. คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จำเป็นที่จะต้องตั้งคณะอนุกรรมการ หรือ ตั้งคณะทำงาน ที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ ที่ไม่ใช่คนที่เป็นคนจัดที่ดิน เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ จึงจะได้ข้อเท็จจริง ว่าเป็นอย่างไร
อีกประเด็นหนึ่งคือ ทางเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าในพื้นที่มีบริษัทเอกชนเข้าไปปลูกทุเรียนอยู่นั้นมีทั้งพื้นที่ที่อยู่ในโครงการ คทช.และพื้นที่ที่อยู่ในระหว่างเตรียมการอนุญาต ซึ่งตนมองว่า อาจจะเป็นพื้นที่ที่ผู้ได้รับอนุญาตนั้นเคยครอบครองอยู่ แต่เกินสิทธิที่จะได้รับอนุญาต เลยมีการสมคบกันระหว่างผู้ได้รับอนุญาตกับเจ้าหน้าที่ คือให้ทำในพื้นที่ต่อไปเท่าเดิม เช่น ครอบครองอยู่ 100 ไร่ ก็รู้เห็นเป็นใจกับ เจ้าหน้าที่รัฐ โดยยื่นขอรับอนุญาตในที่ดิน ตามเงื่อนไขที่กำหนด คือ 20 – 30 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่เหลือ ก็มีการใช้พื้นที่นั้นต่อไป โดยที่ทางเจ้าหน้าที่รัฐ ก็มิได้นำพื้นที่ที่เหลือนั้น ไปจัดสรรให้กับบุคคลอื่นที่มีสิทธิ์ตามเงื่อนไข พอเรื่องแดงขึ้นมาเจ้าหน้าที่ก็ออกมาแก้ตัวว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการอนุญาต
นาย
บารมี กล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินการของ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ยังมีความไม่ชัดเจน โปร่งใส ในการดำเนินการจัดสรรที่ดิน ข้อสำคัญคือการแต่งตั้งชุดที่เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการ หรือ คณะทำงาน เพื่อที่ตรวจสอบ ความโป่งใสในการดำเนินการจัดสรร ที่ดิน ของ คทช. ในพื้นที่ต่างๆ นั้น ต้องไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ที่ดำเนินการตรวจสอบ แต่ต้องมีคณะทำงานที่เป็นกลางเข้ามาตรวจสอบ จึงจะสร้างความโปร่งใส และ ทำให้ ราษฏรผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินจริงๆ ได้รับประโยชน์สูงสุด จากโครงการฯ ของ คทช.
JJNY : ศก.ไม่ดี ผ่อนต่อไม่ไหว ดันบ้านมือสองNPA พุ่ง│กสม. บุกศูนย์ฝึกทหาร│แฉขบวนการสวมสิทธิ ‘ที่ดิน คทช.’│อุตุฯ ประกาศ
https://www.matichon.co.th/economy/news_5080061
เศรษฐกิจไม่ดี ผ่อนต่อไม่ไหว ดันบ้านมือสองNPA พุ่ง แบงก์เร่งระบาย แข่งลดราคา 10-30%
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม นางดรุณี รุ่งเรืองผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาร์วิด พร๊อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า ปริมาณอสังหาริมทรัพย์มือสองที่เป็นทรัพย์ NPAจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการผ่อนชำระ ดังนั้น บ้านมือสองที่มีอยู่ในตลาดหลาย 100,000 ยูนิต ส่วนหนึ่งเป็นสินทรัพย์ประเภท NPA รวมอยู่ด้วย
“เชื่อว่าในปี 2568 นี้สถาบันการเงินจะเร่งระบายทรัพย์ดังกล่าว จะทำการตลาดและส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการจัดโปรโมชั่นลดราคาขายที่น่าสนใจกว่าการซื้อทรัพย์จากแหล่งอื่น จึงเชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์มือสองในส่วนของทรัพย์ NPA ยังคงเป็นสินค้าที่น่าจะอยู่ในความสนใจของนักลงทุนและกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั่วไป” นางดรุณีกล่าว
นางดรุณีกล่าวว่า จากประสบการณ์ในการขายอสังหาริมทรัพย์มือสองให้กับสถาบันการเงินต่าง ๆ เริ่มเห็นสัญญาณการเร่งระบายสินทรัพย์ โดยจัดโปรโมชั่นลดราคาตั้งแต่ 10-30% ทั้งทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย เช่น คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว ในทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ อาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน โกดัง warehouse ต่างๆ
ทั้งนี้ เชื่อว่าทรัพย์ NPA ยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เพราะพฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่ได้มีการเปรียบเทียบด้านราคาและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการซื้อบ้านมือสองทั่วไปกับทรัพย์ NPA เพื่อตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการรวมทั้งความคุ้มค่าในการลงทุน
“ทรัพย์ NPA ที่อยู่ในความสนใจจากนักลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมมากคืออาคารพาณิชย์ เพราะเป็นสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในทำเลใกล้แหล่งความเจริญ การคมนาคมสะดวกพร้อมทำการค้าขายหรือดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ได้ทันที เนื่องจากอยู่ในแหล่งพาณิชย์อยู่แล้ว ต่างจากโครงการใหม่ ที่ส่วนใหญ่อยู่ห่างจากแหล่งพาณิชย์ และราคาขายอ้างอิงต้นทุนการก่อสร้างปัจจุบัน ทั้งราคาที่ดินและราคาวัสดุต่าง ๆ แพงขึ้น นอกจากนี้แล้วทรัพย์ NPA ประเภทที่ดินเปล่าก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นกัน ส่วนใหญ่ต้องการซื้อเพื่อก่อสร้างสำนักงานหรือเพื่อการพาณิชย์อื่น ๆ“ นางดรุณีกล่าว
นางดรุณีกล่าวว่า ส่วนประเภทที่อยู่อาศัย ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างดี เพราะอยู่ในทำเลที่ดีไม่ว่าทาวน์เฮ้าส์หรือบ้านเดี่ยว รวมทั้งปัจจัยด้านราคาที่มีความน่าสนใจกว่าบ้านมือสองทั่วไป โดยเฉพาะในช่วงที่บ้านใหม่เริ่มมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นตามต้นทุน ในขณะที่ทรัพย์ NPA ถูกนำมาจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและตั้งอยู่ในชุมชนที่มีความได้เปรียบ น่าจะทำให้ทิศทางการตลาดทรัพย์ NPA ในปี 2568 มีการขยายตัวในทิศทางที่ดี
อย่างไรก็ตาม จากสถิติการขายทรัพย์ NPA พบว่าราคาทรัพย์ดังกล่าวมีการปรับราคาทุกปีตามราคาประเมินที่ดินของทางราชการ แต่การตัดสินใจซื้อของนักลงทุนส่วนใหญ่เกิดจากการวิเคราะห์ด้านความคุ้มค่าต่าง ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการทำนิติกรรม การต่อรองราคา หรือการจัดแคมเปญของสถาบันการเงินที่มีอย่างต่อเนื่อง
กสม. บุกศูนย์ฝึกทหารใหม่ ทร. ตรวจอาคารที่พัก โรงอาหาร การจัดเลี้ยงทหารใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5080189
กสม.บุกศูนย์ฝึกทหารใหม่ ทร. ตรวจอาคารที่พัก โรงอาหาร การจัดเลี้ยงทหารใหม่
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่ที่กองบังคับการ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และคณะ ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน โดยมี น.อ.ทิวา อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) และคณะ ให้การต้อนรับ
กสม. ตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมทหารใหม่ฯ ระหว่าง 5 – 6 มีนาคมโดยรับฟังภารกิจ การจัดหน่วย ของ ศฝท.ฯ เยี่ยมชมการฝึกของนักเรียนพลกองประจำการ อาคารที่พัก โรงอาหาร การจัดเลี้ยง และจัดการอบรมเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565, การป้องกันการทรมานและการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม (prevention of torture and ill-treatment) เพื่อเป็นการส่งเสริม ความรู้ ความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน องค์กรระหว่างประเทศในด้านสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชื่นชมถึงการบริหารจัดการด้วยระบบการฝึกที่ดีของ ศฝท.ฯ และถือเป็นต้นแบบที่ดีในการฝึกอบรมทหารใหม่ เป็นไปตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้านสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกองทัพกับประชาชน โดยสร้างความเชื่อมั่นให้สาธารณชนเห็นว่ากองทัพมีความเป็นทหารอาชีพในระบอบประชาธิปไตย คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนตามกติกาสากล
แฉขบวนการสวมสิทธิ ‘ที่ดิน คทช.’ เชื่อมีเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวแนะส่วนกลางตรวจสอบ
https://www.dailynews.co.th/news/4469210/
ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน แนะส่งหน่วยงานส่วนกลาง ตรวจสอบ ปมฉาว สวมเอกสารสิทธิให้"กลุ่มนายทุนใหญ่"ข้ามชาติ ปลูกสวนทุเรียนป่าท่าตะเกียบ ฉะเชิงเทรา เชื่อทำเป็นขบวนการแน่นอน ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมทุจริตด้วย
คดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อปลูกทุเรียนโดยกลุ่มทุนต่างชาติ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแควระบมและป่าสียัด หมู่ 20 บ้านห้วยนา และหมู่ 14 บ้านเขากล้วยไม้ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยพบว่าบริษัทเอกชนของคนไทย ได้กว้านซื้อที่ดินชาวบ้าน ใน อ.ท่าตะเกียบ นับพันไร่ โดยที่ดินเหล่านั้นอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ นอกจากนี้บางส่วนอยู่ระหว่างการสำรวจรายชื่อราษฎร เพื่อให้เข้าทำกินอย่างถูกต้อง ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และบางส่วนนำชื่อชาวบ้านจาก จ.จันทบุรี-ตราด มาสวมสิทธิที่คทช. โดยเจ้าตัวไม่ทราบเรื่อง จึงได้ไปแจ้งความเอาไว้แล้ว
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ทีมข่าวเดลินิวส์ ยังคงติดตามเรื่องดังกล่าว และสัมภาษณ์พิเศษ นายบารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน มาอย่างต่อเนื่อง โดยนายบารมี ชัยรัตน์ เป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่กับพี่น้องเกษตรกร ในหลายพื้นที่มายาวนาน กล่าวถึง การสวมสิทธิที่ดิน ว่า ต้องมาดูก่อนว่า วิธีการในการจัดที่ของ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แรกเริ่มมีวัตถุประสงค์ของการจัดสรรที่ดินอย่างไร ซึ่งตามนโยบายของ คทช. ก็จะจัดสรรที่ดินให้กับบุคคลที่ครอบครองอยู่ในพื้นที่นั้นๆมาก่อนเป็นหลัก เช่นครอบครองในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มาก่อนหรือ หลัง ก็จะยึดมติ ครม.30 มิ.ย.41 เป็นหลัก
แต่ถ้าเกิดบุคคลในครอบครองพื้นที่นั้นๆครอบครอง พื้นที่ เกินกว่าจำนวน ที่ การจัดสรรที่ดิน ของ คทช.กำหนดไว้ เช่น คทช. อนุญาตให้ครอบครองที่ดินได้ไม่เกิน 20 หรือ 30 ไร่ แต่หากที่ผ่านมาบุคคลรายใดครอบครองพื้นที่เกินกว่า ที่ คทช.กำหนด ก็จะถูกตัดพื้นที่ให้เหลือเพียง 20 หรือ 30 ไร่ โดยพื้นที่ที่เหลือของบุคคลรายนั้นๆ ก็ถูกจัดสรรไปให้กับผู้ยื่นขอรายอื่นๆต่อไป ซึ่งผู้ยื่นขอรายอื่นๆ นั้น ตามหลักเกณฑ์ก็ต้องเริ่มคัดสรร จากบุคคลในพื้นที่นั้นๆก่อน ที่สามารถยื่นขอรับสิทธิ ในการจัดสรรที่ดิน ของ คทช. ได้ ก็คือคนในชุมชน ในหมู่บ้าน นั้นๆ หากไม่มีในชุมชน ก็ขยับ เป็นคนในตำบล ในอำเภอ หรือ ในจังหวัด นั้นๆ หรือ หากในจังหวัดไม่มี ถึงจะขยับไปเป็นการจัดที่ดินให้กับคนที่อยู่จากจังหวัดอื่น
จึงมองว่า กรณีการสวมสิทธิ ที่ดิน คทช. ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ แควระบมและป่าสียัด อ.ท่าตะเกียบ ที่นำเอาที่ดินแปลง คทช. ไปจัดสรร ให้กับบุคคลที่มาจากจันทบุรี ได้อย่างไร เพราะว่า คนในพื้นที่ อำเภอท่าตะเกียบ ที่ยังไม่มีที่ดินทำกิน หรือว่ามีที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องที่แปลกมาก โดยเฉพาะในกระบวนการสรรหา ตรวจสอบ ถึงคุณสมบัติต่างๆ ของผู้มีสิทธิ ยื่นขอที่ดิน จาก โครงการจัดสรรที่ดินให้ชุมชน ของ คทช. ในการได้รับสิทธิการจัดสรรที่ดิน จาก คทช. รวมไปถึงหลังจาก ตรวจสอบคุณสมบัติและสิทธิแล้ว กระบวนการในการออกเอกสารอนุญาตให้ทำกินในที่ดิน คทช. หรือ การให้ สมุด คทช. นั้น ก็มีการออกให้โดย เจ้าของพื้นที่ เช่น พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ก็ออก โดยกรมป่าไม้ เพราะฉะนั้นตอนออกเอกสารอนุญาตให้บุคคลนั้นๆเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ไม่ได้มีการตรวจสอบก่อนหรือว่าบุคคลนั้น มีถิ่นที่อยู่ แหล่งพำนักอาศัย หรือ เป็นบุคคลในพื้นที่ไหน หรือมีที่อยู่ตามทะเบียนราษฏรอยู่พื้นที่ใด มีตัวตนมาพิสูจน์อย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ดีมองว่าขั้นตอนในการแจกสมุด คทช. ให้กับบุคคลรายนั้นๆ ก็มีการตรวจสอบมาในระดับหนึ่ง ถึงได้มีการออก สมุด คทช.ให้กับบุคคลรายนั้นๆ ตามหลักฐานต่างๆ แต่ต่อมา หากบุคคลรายนั้นออกมาบอกว่า ตนถูกสวมสิทธิ ก็พิสูจน์กันว่าสวมสิทธิจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงคือได้รับสิทธิแล้วนำไปขายต่อก็ต้องเพิกถอน ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ หากพบว่าเป็นการสวมสิทธิจริง ก็อาจมองได้ว่ามีการปลอมแปลงหลักฐานเอกสารต่างๆ ขึ้นมา แบบนี้ก็เข้าข่ายว่ามีการทุจริต เกิดขึ้น ซึ่งต้องมีการดำเนินการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง ไม่ใช้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ที่อยู่ในพื้นที่ไปตรวจสอบการทุจริตของตนเอง จึงมองว่า เรื่องการตรวจสอบในที่ดิน คทช. คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จำเป็นที่จะต้องตั้งคณะอนุกรรมการ หรือ ตั้งคณะทำงาน ที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ ที่ไม่ใช่คนที่เป็นคนจัดที่ดิน เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ จึงจะได้ข้อเท็จจริง ว่าเป็นอย่างไร
อีกประเด็นหนึ่งคือ ทางเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าในพื้นที่มีบริษัทเอกชนเข้าไปปลูกทุเรียนอยู่นั้นมีทั้งพื้นที่ที่อยู่ในโครงการ คทช.และพื้นที่ที่อยู่ในระหว่างเตรียมการอนุญาต ซึ่งตนมองว่า อาจจะเป็นพื้นที่ที่ผู้ได้รับอนุญาตนั้นเคยครอบครองอยู่ แต่เกินสิทธิที่จะได้รับอนุญาต เลยมีการสมคบกันระหว่างผู้ได้รับอนุญาตกับเจ้าหน้าที่ คือให้ทำในพื้นที่ต่อไปเท่าเดิม เช่น ครอบครองอยู่ 100 ไร่ ก็รู้เห็นเป็นใจกับ เจ้าหน้าที่รัฐ โดยยื่นขอรับอนุญาตในที่ดิน ตามเงื่อนไขที่กำหนด คือ 20 – 30 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่เหลือ ก็มีการใช้พื้นที่นั้นต่อไป โดยที่ทางเจ้าหน้าที่รัฐ ก็มิได้นำพื้นที่ที่เหลือนั้น ไปจัดสรรให้กับบุคคลอื่นที่มีสิทธิ์ตามเงื่อนไข พอเรื่องแดงขึ้นมาเจ้าหน้าที่ก็ออกมาแก้ตัวว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการอนุญาต
นายบารมี กล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินการของ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ยังมีความไม่ชัดเจน โปร่งใส ในการดำเนินการจัดสรรที่ดิน ข้อสำคัญคือการแต่งตั้งชุดที่เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการ หรือ คณะทำงาน เพื่อที่ตรวจสอบ ความโป่งใสในการดำเนินการจัดสรร ที่ดิน ของ คทช. ในพื้นที่ต่างๆ นั้น ต้องไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ที่ดำเนินการตรวจสอบ แต่ต้องมีคณะทำงานที่เป็นกลางเข้ามาตรวจสอบ จึงจะสร้างความโปร่งใส และ ทำให้ ราษฏรผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกินจริงๆ ได้รับประโยชน์สูงสุด จากโครงการฯ ของ คทช.