ผีมีจริงหรือไม่?
ยุคนี้ น่าจะได้พูดกันถึงเรื่องผีๆสางๆ ตามที่ชาวพุทธทั้งหลายกำลังสนใจ เพื่อให้สังวรไว้บ้างข้อสำคัญที่สุดนั้นมีอยู่ว่า ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้ผิดแล้วจะทำพุทธศาสนาให้กลายเป็นลัทธิผีหรือลัทธิวิญญาณ (Animism) ไปโดยไม่รู้สึกตัว และอาจจะทำให้พระพุทธเจ้าให้กลายเป็นวิญญาณหรือผีศักดิ์สิทธิ์หรือเจว็ดอะไรไปก็ได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจให้มากและให้ถูกทาง อย่าให้เผลอไปเข้าใจผิดในเรื่องนี้ แม้แต่บทสวดมนต์ทำวัตรก็มีบทสวดบางบทที่ทำให้คนบางคน ฟังแล้วรู้สึกเหมือนกับว่า พระพุทธองค์ยังทรงมีวิญญาณอยู่ หรือยังมีอะไรเหลืออยู่สำหรับพูดจาหรือต่อรองหรือรับการขอขมากับพวกเรา ถ้าใครไปมีความคิดอย่างนี้เข้า ก็กลายเป็นเรื่องทำพระพุทธองค์ให้เป็นวิญญาณ หรือเป็นผีชนิดหนึ่งไปในที่สุด และจะเป็นที่น่าสลดสังเวชยิ่งนัก นี่แหละจึงได้ชวนกันให้สนใจในเรื่องนี้ ตามที่เห็นว่าจะเป็นผลดีอย่างไรต่อชาวพุทธ
สำหรับเรื่องผีนี้มีปัญหามาก ที่ถกเถียงกันอยู่ตลอดกาลคล้ายกับว่าเป็นปัญหาโลกแตก นั่นคือปัญหาที่ว่า ผีมีหรือผีไม่มี ถ้าถามอย่างนี้ก็ต้องตอบว่ามีเสียก่อน แต่แล้วมันจะเป็นผีเหมือนกับที่คนอื่นเขาคิดกันก่อนว่า มันเกิดมาจากอะไร อาตมาเห็นว่า สิ่งที่เรียกว่าผีนี้เกิดมาจากอำนาจของอวิชชาของคนรวมกันมากๆนั่นเอง ที่แท้นั้นหาได้เป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หรือจิต หรืออะไรเหมือนที่คนอื่นนึกคิดกันไม่ หากแต่เป็นกระแสจิตในทางนามธรรมชนิดหนึ่ง ที่อวิชชาของมนุษย์จำนวนมากมหึมาได้ช่วยกันสร้างมันขึ้นมา
ในชั้นแรกขอให้มองดูกันก่อนในข้อที่ว่า สิ่งที่เรียกว่าจิตนี้ย่อมมีกระแสอย่างหนึ่ง มีอำนาจอย่างใดอย่างหนึ่งในกระแสนั้น กระแสจิตนั้นจะเข้มข้นมากในเมื่อมนุษย์จำนวนมากได้เชื่อถือ และเชื่ออย่างแน่นแฟ้นจริงๆ สิ่งที่ทำให้เชื่ออย่างแน่นแฟ้นจริงๆก็คืออวิชชา กล่าวคือ ความโง่ ความหลง ความงมงายอย่างรุนแรง แล้วคนพวกนี้มี ปริมาณมาก มีความเชื่อมั่นอย่างนั้นลงไปจริงๆโดยไม่รู้สึกตัว ไม่ใช่เป็นเรื่องแกล้งทำ แต่เป็นเรื่องทำจริงสุดชีวิตจิตใจ คือเชื่อรวมกันเหมือนกันในจุดเดียวกัน ด้วยอำนาจของอวิชชา ความโง่ เมื่อมีปริมาณมากขนาดนั้น กระแสจิตของมนุษย์มากๆคนนี้จึงมีความเข้มข้นมาก เกิดเป็นอำนาจอะไรอันหนึ่งขึ้นมา ซึ่งถูกสมมติเรียกว่าผี อำนาจกระแสจิตของคนโง่ๆเขลาๆรวมกันมากๆ เช่นนี้ มีอำนาจพอที่จะครอบงำจิตใจบุคคลเขลาคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ เมื่อใดก็ได้ และทำให้เขาเกิดความรู้สึกเป็นไปตามนั้นจริงๆ ความเชื่อในเรื่องผีก็เกิดขึ้นอย่างแน่นแฟ้นและสมบูรณ์.
หนังสือ ผีมีจริงหรือไม่ ?
ท่านพุทธทาส เขียนเรื่องนี้เพื่อเปิดตาชาวพุทธ หน้าที่ ๓๓ - ๓๕
ผีมีจริงหรือไม่ โดยท่านพุทธทาส
ยุคนี้ น่าจะได้พูดกันถึงเรื่องผีๆสางๆ ตามที่ชาวพุทธทั้งหลายกำลังสนใจ เพื่อให้สังวรไว้บ้างข้อสำคัญที่สุดนั้นมีอยู่ว่า ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้ผิดแล้วจะทำพุทธศาสนาให้กลายเป็นลัทธิผีหรือลัทธิวิญญาณ (Animism) ไปโดยไม่รู้สึกตัว และอาจจะทำให้พระพุทธเจ้าให้กลายเป็นวิญญาณหรือผีศักดิ์สิทธิ์หรือเจว็ดอะไรไปก็ได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจให้มากและให้ถูกทาง อย่าให้เผลอไปเข้าใจผิดในเรื่องนี้ แม้แต่บทสวดมนต์ทำวัตรก็มีบทสวดบางบทที่ทำให้คนบางคน ฟังแล้วรู้สึกเหมือนกับว่า พระพุทธองค์ยังทรงมีวิญญาณอยู่ หรือยังมีอะไรเหลืออยู่สำหรับพูดจาหรือต่อรองหรือรับการขอขมากับพวกเรา ถ้าใครไปมีความคิดอย่างนี้เข้า ก็กลายเป็นเรื่องทำพระพุทธองค์ให้เป็นวิญญาณ หรือเป็นผีชนิดหนึ่งไปในที่สุด และจะเป็นที่น่าสลดสังเวชยิ่งนัก นี่แหละจึงได้ชวนกันให้สนใจในเรื่องนี้ ตามที่เห็นว่าจะเป็นผลดีอย่างไรต่อชาวพุทธ
สำหรับเรื่องผีนี้มีปัญหามาก ที่ถกเถียงกันอยู่ตลอดกาลคล้ายกับว่าเป็นปัญหาโลกแตก นั่นคือปัญหาที่ว่า ผีมีหรือผีไม่มี ถ้าถามอย่างนี้ก็ต้องตอบว่ามีเสียก่อน แต่แล้วมันจะเป็นผีเหมือนกับที่คนอื่นเขาคิดกันก่อนว่า มันเกิดมาจากอะไร อาตมาเห็นว่า สิ่งที่เรียกว่าผีนี้เกิดมาจากอำนาจของอวิชชาของคนรวมกันมากๆนั่นเอง ที่แท้นั้นหาได้เป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หรือจิต หรืออะไรเหมือนที่คนอื่นนึกคิดกันไม่ หากแต่เป็นกระแสจิตในทางนามธรรมชนิดหนึ่ง ที่อวิชชาของมนุษย์จำนวนมากมหึมาได้ช่วยกันสร้างมันขึ้นมา
ในชั้นแรกขอให้มองดูกันก่อนในข้อที่ว่า สิ่งที่เรียกว่าจิตนี้ย่อมมีกระแสอย่างหนึ่ง มีอำนาจอย่างใดอย่างหนึ่งในกระแสนั้น กระแสจิตนั้นจะเข้มข้นมากในเมื่อมนุษย์จำนวนมากได้เชื่อถือ และเชื่ออย่างแน่นแฟ้นจริงๆ สิ่งที่ทำให้เชื่ออย่างแน่นแฟ้นจริงๆก็คืออวิชชา กล่าวคือ ความโง่ ความหลง ความงมงายอย่างรุนแรง แล้วคนพวกนี้มี ปริมาณมาก มีความเชื่อมั่นอย่างนั้นลงไปจริงๆโดยไม่รู้สึกตัว ไม่ใช่เป็นเรื่องแกล้งทำ แต่เป็นเรื่องทำจริงสุดชีวิตจิตใจ คือเชื่อรวมกันเหมือนกันในจุดเดียวกัน ด้วยอำนาจของอวิชชา ความโง่ เมื่อมีปริมาณมากขนาดนั้น กระแสจิตของมนุษย์มากๆคนนี้จึงมีความเข้มข้นมาก เกิดเป็นอำนาจอะไรอันหนึ่งขึ้นมา ซึ่งถูกสมมติเรียกว่าผี อำนาจกระแสจิตของคนโง่ๆเขลาๆรวมกันมากๆ เช่นนี้ มีอำนาจพอที่จะครอบงำจิตใจบุคคลเขลาคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ เมื่อใดก็ได้ และทำให้เขาเกิดความรู้สึกเป็นไปตามนั้นจริงๆ ความเชื่อในเรื่องผีก็เกิดขึ้นอย่างแน่นแฟ้นและสมบูรณ์.
หนังสือ ผีมีจริงหรือไม่ ?
ท่านพุทธทาส เขียนเรื่องนี้เพื่อเปิดตาชาวพุทธ หน้าที่ ๓๓ - ๓๕