เด็กรุ่นใหม่ ต้องไม่กลัวผี

อบรมเด็กไม่ให้กลัวผี
.
.

"เราต้องช่วยกันอบรมเด็กของเรามิให้กลัวผี คือเริ่มตั้งแต่เด็กที่พอฟังพอเข้าใจเรื่องราวได้ รู้จักคิดรู้จักโต้แย้งด้วยเหตุผลของตัวเองได้ ความเชื่อเรื่องผีๆจะได้ไม่ติดอยู่ในสมองของเด็ก ซึ่งแรกเริ่มไม่เคยกลัวผีเลย แต่ถ้าบิดามารดาโง่เขลา พี่เลี้ยงโง่เขลา ก็สอนให้เด็กกลัวผี ยิ่งกว่านั้นยังทำให้กลัวไส้เดือน กิ้งกือ จิ้งจก ตุ๊กแก นี้คือว่าผู้ใหญ่ทำพื้นฐานให้ดีอยู่ก่อนแล้วของเด็กให้เสียไป เพราะความโง่ของผู้เลี้ยงที่ไม่รู้จักพุทธศาสนา เราต้องสอนเด็กๆให้แหกคอกแหวกแนว แม้แม่กลัวผีแม่ก็ต้องสอนให้เด็กไม่ให้กลัวผี แม่กลัวจิ้งจกตุ๊กแกก็ต้องสอนลูกไม่ให้กลัวจิ้งจกตุ๊กแก เพราะความกลัวคือความโง่กลัวผีก็ยิ่งโง่ที่สุด ส่วนเด็กๆก็ต้องรู้จักคิดว่าตัวเรานี้มีอะไร แล้วผีมีอะไร เด็กๆมักถูกเข้าใจว่า ผีคือโครงกระดูก และในนั้นมีวิญญาณด้วย คือมีเพียง ๒ อย่าง ส่วนคนเรานี้มีโครงกระดูก ข้างในของเราก็มีวิญญาณ แล้วเรายังมีเนื้อหนัง มีกล้ามเนื้อ มีเลือด มีพลังอย่างอื่นอีกแยะ เพราะฉะนั้นเรามีมากกว่าผี เราเก่งกว่าผี ดีกว่าผี เราก็ต้องไม่กลัวผี เพราะเรามีอะไรมากกว่าผีมี แต่เด็กถูกผู้ใหญ่ทำให้โง่ไปจนรู้สึกว่า ผีมีอะไรเก่งกว่าคน นี่เรียกว่าไม่เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุผล อย่างนี้ควรเรียกว่าเป็นความโง่งมงายที่สุด
.
ผู้ใหญ่ต้องสอนเด็กๆรู้เรื่องนี้ขึ้นไป จนกระทั่งให้เด็กรู้ว่า ทุกอย่างมันมีเหตุปัจจัย มีกฎเกณฑ์ของมันเอง โดยไม่ต้องเอาผีสางเทวดาเข้ามาเกี่ยวข้อง การกระทำ การเป็นอยู่ การเป็นไปในตัวเรา มันมีเหตุปัจจัยของมันเอง มีกฎเกณฑ์ของมันเอง เป็นเรื่องของธรรมชาติ กฎของธรรมชาติ หน้าที่ตามธรรมชาติ และผลตามหน้าที่ของธรรมชาติไม่มีผีสางเทวดาเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ต้องเอาฤกษ์เอายามอย่างพวกไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ทำไปตามเวลาที่เหมาะสมตามหลักวิชาการงานนั้น เพราะการทำอะไรเราก็ต้องมีเวลาที่ถูกต้องเหมือนกัน แต่มันจะต้องเป็นเวลาที่เหมาะสมแก่หลักวิชาการงาน ไม่ใช่เวลาตามหลักของไสยศาสตร์อันเกี่ยวด้วยฤกษ์ด้วยดวงดาว ด้วยผีสางเทวดาด้วยพิธีรีตอง
.

ต้องสอนให้เด็กๆเรากล้าค้าน เช่นว่า ถ้าผีสางเทวดาเก่งจริงๆทำไมไม่ทำบ้านเรือนอยู่เองเล่า อย่างศาลพระภูมินี้คนก็ต้องทำให้ถ้าเทวดาเก่งจริงทำไมไม่ทำให้เทวสถานเอาเองบ้าง ยิ่งกว่านั้น เวลาสุนัขมาเยี่ยวรดบ้านเรือนของเทวดานั้นทำไมพระภูมิหรือเทวดาไม่รู้จักไล่สุนัขไม่สามารถจะลงโทษสุนัข สอนให้เด็กๆมีเหตุผลของตัวเองในเรื่องอย่างนี้ ยิ่งถ้าสอนให้เขารู้จักคำสอนที่แท้ของพระพุทธศาสนา เขาก็ต้องหายงมงายและจะเจริญต่อไปข้างหน้า แต่ถ้าผู้ใหญ่ไปทำให้เขาโง่ให้หลงเสียตั้งแต่แรกแล้วมันก็แก้ไขยากเหมือนกัน ความผิดทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ผู้ใหญ่โง่ๆนี่แหละ
.
(คัดตัดตอนมาจากหนังสือ "บรมธรรม" ของท่านพุทธทาสภิกขุ)

หนังสือ ดอกโมกข์ ฉบับ อาจาริยบูชา
ธรรมสมโภชชาตกาล ๑ ศตวรรษพุทธทาส
ผีมีจริงหรือไม่ ? ท่านพุทธทาส เขียนเรื่องนี้เพื่อเปิดตาชาวพุทธ
หน้า ๑๖๕ - ๑๖๘
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่