สวัสดีครับ ผมเข้าห้องศาสนามาประมาณหนึ่งปี ได้เห็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมกัน จึงอยากขอเล่าถึงประสบการณ์นั่งสมาธิของผมเองซึ่งเคยเกิดขึ้นในอดีตให้กับผู้ที่สนใจแลกเปลี่ยนกันครับ
ย้อนกลับไปตอนอายุ 17 ปี ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมีประสบการณ์ปฏิบัติธรรมแบบจริงจังมาก่อนเลยครับ คิดว่านั่งสมาธิก็คือแค่นั่งหลับตาเฉยๆ แต่พื้นฐานส่วนตัวคือชอบทำบุญ ในปีนี้โรงเรียนได้พาไปเข้าค่ายธรรมะที่วัดหลวงพ่อจรัญ จ.สิงห์บุรี มีการนั่งสมาธิ เดินจงกรมอย่างจริงจังและเข้มงวด ก็ทำไปแบบเด็กๆไม่ได้คิดอะไร แต่ด้วยความที่วัดค่อนข้างเข้มงวดก็ทำให้เราได้ปฏิบัติจนได้ทราบพื้นฐานในแนวกำหนดสติที่อิริยาบทต่างๆ และการนั่งสมาธิพองยุบ พอกลับมาบ้านก็เอามาลองทำสมาธิ เดินจงกรมเอง แต่ก็ไม่ได้ทำบ่อยครับ
พออายุ 18 ปี มีโอกาสไปงานสัปดาห์หนังสือ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยอ่านธรรมะเลยครับ มางานนี้ก็กะว่าจะมาเดินเตร็ดเตร่หาหนังสือทั่วไป แต่อยู่ดีๆจิตใจก็อยากจะหาหนังสือธรรมะมาอ่านตอนผ่านบูธหนังสือธรรมะครับ เลยเดินเข้าไปดูหนังสือ หยิบมาพิจารณาหลายเล่มสุดท้ายได้เล่มที่ชื่อ อิทัปปจัยตา ของท่านพุทธทาสภิกขุกลับบ้านมาแบบงงๆ 1 เล่ม พอเอากลับมาอ่านบอกเลยว่าเป็นหนังสือเล่มแรกที่เปลี่ยนชีวิตครับ ที่บอกว่าเปลี่ยนชีวิตคือผมอินกับธรรมมะในหนังสือมาก คำว่า 'เพราะมีสิ่งนี้ๆเป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆจึงเกิดขึ้น' หรือคำว่า 'ตถตา-มันเป็นเช่นนั้นเอง' มันทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มในใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็พยายามใคร่ครวญถึงธรรมะของท่านพุทธทาสซึ่งทำให้ผมเกิดหลักยึดขึ้นมาในใจในเรื่องการปล่อยวางครับ
ประกอบกับช่วงนั้นต้องเอนทรานซ์ก็เลยคิดว่าการปฏิบัติธรรมอาจช่วยให้เราสอบติดได้ด้วย 555+ ผมก็เริ่มปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังโดยการใส่บาตรติดกันทุกวัน สวดมนต์ทุกคืนแล้วก็ตามด้วยนั่งสมาธิ เดินจงกรมตามแนวหลวงพ่อจรัญ ช่วงนั้นจิตใจสงบนิ่งมาก
ปฏิบัติไปหลายเดือนก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ที่ทำให้ผมจดจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ วันนั้นผมอยู่คนเดียวที่บ้านครับ ก็สวดมนต์ เดินจงกรมสักพักแล้วก็มานั่งสมาธิ ช่วงนั่งไปก็กำหนดคำบริกรรมว่ายุบหนอ พองหนอพร้อมกับใช้จิตพิจารณาอาการพองยุบ ควบคู่กับคำบริกรรม นั่งไปสักพักรู้สึกว่าร่างกายสั่นเทิ้ม และรู้สึกหมือนร่างจะแยกเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกคือกลัวตาย แต่ผมยังพยายามให้จิตกำหนดที่การพองยุบอยู่ ในใจคิดว่าตายเป็นตาย หลังจากนั้นอยู่ดีๆจิตก็ย้ายมาจับที่ลมหายใจแล้วคำบริกรรมก็เปลี่ยนอัตโนมัติเป็น 'เพราะมีสิ่งนี้ๆเป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆจึงเกิดขึ้น' จิตมาจับลมหายใจสักพักลมหายใจเหมือนหายไปจับไม่ได้ คำบริกรรมก็หายไป จิตก็ย้ายกลับไปที่หน้าท้องอีกครั้ง ตอนนั้นเรารู้สึกว่าควบคุมจิตไม่ได้เลย พอจิตกำหนดที่ท้องอีกครั้งก็เห็นตัวเองกำลังนั่งอยู่ในท้องของตัวเองแต่ไม่ได้เห็นตับไตไส้พุงนะครับ เหมือนกำลังนั่งในถ้ำมากกว่า ตรงนี้บรรยายไม่ถูกครับคือรู้ว่าที่เห็นคือตัวเรานั่งอยู่ แต่เรายังไม่ได้เป็นส่วนเดียวกับภาพที่เห็น งงไหมครับ ตอนนั้นก็เลยพยายามจะเข้าไปหาคนในนั้น เหมือนเรากำลังดำดิ่งเข้าไป วูบลงไปเลย แล้วภาพก็เปลี่ยนเป็นแสงสว่างสีขาวโพลนขึ้นมาจนมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น คือสว่างจ้ามากๆ ตอนนั้นรู้สึกว่ากายเราหายไปไหน มีแต่แสงปกคลุมไปหมด แล้วผมก็ถอนสมาธิออกมาทันที รู้สึกตกใจมาก เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่พอถอนออกมารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากเช่นกัน แต่รู้สึกว่าใจอิ่มและนิ่งมาก เป็นอยู่ 2-3 วันก็กลับมาเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เลยเลิกนั่งสมาธิแล้วก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังถึงเหตุการณ์นี้เลย
ปัจจุบันผ่านมา 10 ปี ก็รู้สึกอยากฟังธรรมอีกครั้งหนึ่งเลยหาฟังตามยูทูป ฟังจากหลายๆท่านครับเพราะไม่เคยฟังมาก่อนเลยเช่น หลวงพ่อพุธ หลวงตาบัว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่ดุลย์ หลวงพ่อปราโมทย์ ฟังแล้วก็เอามาพิจารณาตาม ก็เลยได้เข้าใจสภาวะที่เกิดขึ้นครั้งนั้นพอสมควร ตอนนี้ก็เลยกลับมานั่งสมาธิเหมือนเดิมแต่ก็ยังไม่ได้เจอเหตุการณ์เหมือนที่เคยเจอตอนนั้นครับ
ขอบคุณที่อ่านนะครับ ใครมีประสบการณ์คล้ายๆกันมาแลกเปลี่ยนกันครับ
เล่าประสบการณ์นั่งสมาธิในอดีต
ย้อนกลับไปตอนอายุ 17 ปี ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมีประสบการณ์ปฏิบัติธรรมแบบจริงจังมาก่อนเลยครับ คิดว่านั่งสมาธิก็คือแค่นั่งหลับตาเฉยๆ แต่พื้นฐานส่วนตัวคือชอบทำบุญ ในปีนี้โรงเรียนได้พาไปเข้าค่ายธรรมะที่วัดหลวงพ่อจรัญ จ.สิงห์บุรี มีการนั่งสมาธิ เดินจงกรมอย่างจริงจังและเข้มงวด ก็ทำไปแบบเด็กๆไม่ได้คิดอะไร แต่ด้วยความที่วัดค่อนข้างเข้มงวดก็ทำให้เราได้ปฏิบัติจนได้ทราบพื้นฐานในแนวกำหนดสติที่อิริยาบทต่างๆ และการนั่งสมาธิพองยุบ พอกลับมาบ้านก็เอามาลองทำสมาธิ เดินจงกรมเอง แต่ก็ไม่ได้ทำบ่อยครับ
พออายุ 18 ปี มีโอกาสไปงานสัปดาห์หนังสือ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยอ่านธรรมะเลยครับ มางานนี้ก็กะว่าจะมาเดินเตร็ดเตร่หาหนังสือทั่วไป แต่อยู่ดีๆจิตใจก็อยากจะหาหนังสือธรรมะมาอ่านตอนผ่านบูธหนังสือธรรมะครับ เลยเดินเข้าไปดูหนังสือ หยิบมาพิจารณาหลายเล่มสุดท้ายได้เล่มที่ชื่อ อิทัปปจัยตา ของท่านพุทธทาสภิกขุกลับบ้านมาแบบงงๆ 1 เล่ม พอเอากลับมาอ่านบอกเลยว่าเป็นหนังสือเล่มแรกที่เปลี่ยนชีวิตครับ ที่บอกว่าเปลี่ยนชีวิตคือผมอินกับธรรมมะในหนังสือมาก คำว่า 'เพราะมีสิ่งนี้ๆเป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆจึงเกิดขึ้น' หรือคำว่า 'ตถตา-มันเป็นเช่นนั้นเอง' มันทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มในใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็พยายามใคร่ครวญถึงธรรมะของท่านพุทธทาสซึ่งทำให้ผมเกิดหลักยึดขึ้นมาในใจในเรื่องการปล่อยวางครับ
ประกอบกับช่วงนั้นต้องเอนทรานซ์ก็เลยคิดว่าการปฏิบัติธรรมอาจช่วยให้เราสอบติดได้ด้วย 555+ ผมก็เริ่มปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังโดยการใส่บาตรติดกันทุกวัน สวดมนต์ทุกคืนแล้วก็ตามด้วยนั่งสมาธิ เดินจงกรมตามแนวหลวงพ่อจรัญ ช่วงนั้นจิตใจสงบนิ่งมาก
ปฏิบัติไปหลายเดือนก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ที่ทำให้ผมจดจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ วันนั้นผมอยู่คนเดียวที่บ้านครับ ก็สวดมนต์ เดินจงกรมสักพักแล้วก็มานั่งสมาธิ ช่วงนั่งไปก็กำหนดคำบริกรรมว่ายุบหนอ พองหนอพร้อมกับใช้จิตพิจารณาอาการพองยุบ ควบคู่กับคำบริกรรม นั่งไปสักพักรู้สึกว่าร่างกายสั่นเทิ้ม และรู้สึกหมือนร่างจะแยกเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกคือกลัวตาย แต่ผมยังพยายามให้จิตกำหนดที่การพองยุบอยู่ ในใจคิดว่าตายเป็นตาย หลังจากนั้นอยู่ดีๆจิตก็ย้ายมาจับที่ลมหายใจแล้วคำบริกรรมก็เปลี่ยนอัตโนมัติเป็น 'เพราะมีสิ่งนี้ๆเป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆจึงเกิดขึ้น' จิตมาจับลมหายใจสักพักลมหายใจเหมือนหายไปจับไม่ได้ คำบริกรรมก็หายไป จิตก็ย้ายกลับไปที่หน้าท้องอีกครั้ง ตอนนั้นเรารู้สึกว่าควบคุมจิตไม่ได้เลย พอจิตกำหนดที่ท้องอีกครั้งก็เห็นตัวเองกำลังนั่งอยู่ในท้องของตัวเองแต่ไม่ได้เห็นตับไตไส้พุงนะครับ เหมือนกำลังนั่งในถ้ำมากกว่า ตรงนี้บรรยายไม่ถูกครับคือรู้ว่าที่เห็นคือตัวเรานั่งอยู่ แต่เรายังไม่ได้เป็นส่วนเดียวกับภาพที่เห็น งงไหมครับ ตอนนั้นก็เลยพยายามจะเข้าไปหาคนในนั้น เหมือนเรากำลังดำดิ่งเข้าไป วูบลงไปเลย แล้วภาพก็เปลี่ยนเป็นแสงสว่างสีขาวโพลนขึ้นมาจนมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น คือสว่างจ้ามากๆ ตอนนั้นรู้สึกว่ากายเราหายไปไหน มีแต่แสงปกคลุมไปหมด แล้วผมก็ถอนสมาธิออกมาทันที รู้สึกตกใจมาก เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่พอถอนออกมารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากเช่นกัน แต่รู้สึกว่าใจอิ่มและนิ่งมาก เป็นอยู่ 2-3 วันก็กลับมาเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เลยเลิกนั่งสมาธิแล้วก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังถึงเหตุการณ์นี้เลย
ปัจจุบันผ่านมา 10 ปี ก็รู้สึกอยากฟังธรรมอีกครั้งหนึ่งเลยหาฟังตามยูทูป ฟังจากหลายๆท่านครับเพราะไม่เคยฟังมาก่อนเลยเช่น หลวงพ่อพุธ หลวงตาบัว หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงปู่ดุลย์ หลวงพ่อปราโมทย์ ฟังแล้วก็เอามาพิจารณาตาม ก็เลยได้เข้าใจสภาวะที่เกิดขึ้นครั้งนั้นพอสมควร ตอนนี้ก็เลยกลับมานั่งสมาธิเหมือนเดิมแต่ก็ยังไม่ได้เจอเหตุการณ์เหมือนที่เคยเจอตอนนั้นครับ
ขอบคุณที่อ่านนะครับ ใครมีประสบการณ์คล้ายๆกันมาแลกเปลี่ยนกันครับ