เลือกผัวผิดคิดจนตัวตาย..????

ต้องท้าวความก่อนนะคะ (ขอเรียกแฟนคนที่แต่งงานว่า A) (ขอเรียกแฟนตอนทำงานว่า B)
.................................................................................................................................................
คือเราแต่งงานเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เรากับ (A)คบกันตอนเข้าเรียนมหาลัยแรก ๆ แล้วก็เลิกกันไปหลายปีเลยล่ะค่ะ แต่ก็ยังเป็นเพื่อน คอยถามข่าวคราวกันอยุ่ตลอด (A)เค้าเรียนจบก่อนก็เลยย้ายไปอยู่ ตจว. (เราเรียนที่มหาลัยใน กทม.) พอเราเรียนจบเราก็ยังทำงานที่ กทม. คือ ณ ตอนนั้นเราคบกับ(B)อยู่  เรากับ(B)คบกันได้สองปีก็เริ่มทะเลาะกันบ่อยไม่เข้าใจกัน เราเลยขอเลิกกับ (B)  หลังจากนั้น(A)ก็ทักไลน์มาถามว่าทำไมเลิกกัน เราก็เล่าถึงเหตุผลที่เลิกกับ (B) ให้ฟัง แล้ว (A)ก็ถามเราว่า เรากลับมาคบกันมั้ย แกก็ไม่มีใคร เค้าก็ไม่มีใคร เราลองกันซักครั้งมั้ย ตอนนั้นที่เราเลิกกันเพราะเรายังเด็กทั้งคู่ แต่ตอนนี้เราก็โต ๆ กันแล้ว เค้ารอแกมาตลอดเลยนะ แกกลับมาคบกันเหอะ ถ้ากลับมาคบกันครั้งนี้เราต้องแต่งงานกันนะ เค้าจะไม่ยอมปล่อยแกไปไหนอีก แค่แกตอบตกลงเค้าให้พ่อกับแม่ไปหมั้นแกอาทิตย์หน้าเลย  เราก็เลยบอกไปว่าคิดดูก่อน แล้วพออีกวันเราก็ตอบตกลงเลย 5555 ++
ช่วงกลางเดือนสิงหาเค้าก็ชวนเราไปเที่ยวบ้านเค้า เพราะเพื่อนเค้าจะเปิดร้านอาหาร เราก็เลยไป เราค้างที่บ้านเค้า 2 คืน 3 วัน แล้วเราก็กลับมาทำงานปกติ  หลังจากนั้นใกล้สิ้นเดือนประจำเดือนเราไม่มา ซื้อที่ตรวจมาตรวจ สรุปเราท้องค่ะ
   เราโทรไปบอกเค้า เค้าดูดีใจมาก แล้วบอกให้เราลาออกจากงานไปอยุ่กับเค้าเลย เย็นวันนั้นเค้าบอกพ่อแม่เค้าเรื่องเราท้อง ที่บ้านเค้าบอกให้เราออกจากงานแล้วไปอยุ่ที่บ้านเค้า แต่เราบอกว่าเรามีน้องสาวที่จะต้องส่งเรียนแล้วค่าเช่าหอน้องที่จะต้องจ่ายทุก ๆ เดือน เราบอกเค้าว่าอยากทำงานไปก่อน เค้าบอกว่าในส่วนนี้เค้าจะออกค่าให้ทั้งหมด เราตัดสินใจออกจากงาน แล้วย้ายไปอยุ่ที่บ้านเค้าทันที่
   ระหว่างนี้ที่บ้านเค้าก็ดูฤกษ์แต่งงาน ได้ฤกษ์แต่งงานช่วงเดือนตุลา ช่วงแรกที่เราไปอยุ่ทุกอย่างมันโอเค เค้าไปทำงานเราก็ไปนั่งเล่นที่ร้าน (เค้าออกจากงานแล้วมีกิจการเป็นของตัวเอง) เราไปนั่งรอเค้าสังสรรค์ตี 1 ตี 2 ทุกวัน เกือบสองอาทิตย์ หลังจากนั้นเราก็ไม่ไปอีก แล้วบอกให้เค้าเข้าบ้านเร็วหน่อย เราอยู่คนเดียวเราเหงา แต่เค้าก็ไม่เคยทำให้เลย พอถึงสิ้นเดือนเราก็บอกเรื่องค่าใช้จ่ายน้องสาวเรา เค้ากลับพูดว่าภาระค่าใช้จ่ายเค้าเยอะอยู่แล้ว คงช่วยเราทั้งหมดไม่ได้ ตอนนั้นเราก็ไม่ว่าอะไรพยายามเข้าใจ แล้วโทรขอตังแม่เพราะเราไม่มีรายได้อะไรเลย
    ระหว่างช่วงก่อนวันแต่งงานเราก็หาร้านพวกของชำร่วย พานสินสอด ของที่ต้องใช้ในงานแต่ง ร้านอาหารที่จะใช้เลี้ยงอาหารแขก สถานที่จัดงาน เราเลือกจัดงานที่โรงบาลสงฆ์ในกรุงเทพ ร้านอาหารที่ใช้เลี้ยงแขกก็อยุ่ไม่ห่างจากโรงบาลสงฆ์ ส่วนของชำร่วยก็ที่พาหุรัด ดอกไม้พานสินสอดเป็นที่ปากคลองตลาด ทั้งหมดที่พูดมานี่เราทำคนเดียว หาคนเดียวนะคะ เรานั่งรถตู้จากบ้านเค้ามากรุงเทพ แล้วเดินดูร้าน ซื้อของชำร่วย หอบของพะรุงพะรังคนเดียว
ตอนนั้นร้องไห้เลย ถามตัวเองว่าเค้าอยากแต่งป่าววะ แล้วทำไมเราถึงต้องทำอยู่คนเดียวทั้ง ๆ ที่เราก็ท้องอยู่ เราเคยชวนเค้านะคะ แต่เค้าก็ดูเหมือนไม่อยากมาด้วย บวกกับแม่เค้าก็บอกเราว่าถ้าทำคนเดียวได้ก็ทำไปเหอะ เพราะถ้าไปกันสองคนใครจะดูแลร้าน เดี่ยวลูกค้าก็หายหมด ช่วงนั้นแฟนเพิ่งเปิดร้านได้ไม่นานมากค่ะ แม่เค้าบอกควรดึงลูกค้าไว้ กลัวว่าลูกค้ามาแล้วไม่เปิดร้านจะหนีไปร้านอื่น เราก็โอเคไม่เป็นไรคนเดียวก็ได้ แต่ก็แบบน้อยใจนะคะ
  วันแต่งงานมาถึง ทุกอย่างราบรื่น เราสองคนยังใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนเดิม เค้ายังคงเข้าบ้านดึกทุกวัน เราก็นอนร้องไห้บ่อยมาก เราอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมคนเดียว อยู่กับโทรศัพท์ คุยกับลูกในท้อง มันเป็นอะไรที่ท้อมาก ตอนนั้นเราอยากกลับมาอยู่ที่บ้านเรามาก พอคุยเรื่องเข้าบ้านดึกก็ทะเลาะกัน เค้าบอกเค้าก็ทำงาน ทำไมเราไม่เข้าใจ แต่ตอนที่เราไปนั่งที่ร้านช่วงแรก ๆ ก็เห็นสังสรรค์ที่ร้านทุกคืน ไม่เห็นจะทำงานอะไรเลย ร้านก็ปิดสี่ทุ่ม แต่เข้าบ้านตีสอง เนี่ยแหล่ะเป็นเรื่องที่แย้งกันมาก แต่ก็ได้แต่ทำใจ
   มีวันนึงเราไปหาหมอ เค้าก็ไปส่งนะคะ แล้วก็กลับโดยบอกเราว่า แกก็รู้ว่าเค้าไม่ชอบรอนาน ๆ ไม่ชอบคนเยอะ ๆ จะกลับก็โทรมาละกัน เค้ากลับไปนอนก่อน เราเสียใจมาก รู้สึกเหมือนตัวคนเดียว
   เวลาผ่านไปเกือบห้าเดือนทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เราก็เริ่มไม่ไหว ตอนดึกวันที่ 26 ม.ค เราสองคนทะเลาะกันเรื่องเดิม วันที่ 27 เค้าเมินเฉยเราสองคนไม่คุยกัน เค้ายังคงกลับดึกพร้อมกลิ่นแอลกอฮอร์กลับมาบ้านเหมือนเดิม ตอนนั้นในใจคิดว่าจะไม่ทนอยู่ละ วันที่ 28 ไม่มีใครอยุ่บ้าน มีเราอยุ่คนเดียว ตอนนั้นเรารีบเก็บเสื้อผ้า ของใช้เท่าที่จำเป็น สรุปเก็บมาได้สามกระเป๋า เรารีบอาบน้ำแต่งตัวหิ้วกระเป่าออกทางหลังบ้าน กระเป๋าเดินทางแบบถือ 3 ใบ กระเป๋าสะพาย 1 ใบ กระเป๋าโน๊ตบุ๊ค 1 ใบ หอบกระเป๋าเดินไปขึ้นรถตู้ทั้งน้ำตา ช่วงบ่ายวันนั้นเค้ากลับบ้านมาไม่เจอเรา เค้ารีบโทรหาขอร้องให้เรากลับแล้วบอกจะปรับตัว เราบอกเค้าไปว่าเราไม่ขอกลับไปอีกแล้ว เราขอเลิก (เราสองคนไม่ได้จดทะเบียนกันค่ะ) เค้าก็ขอร้องเราให้เราเห็นแก่ลูก แต่เรายังยืนยันว่าไม่เด็ดขาด เรากลับมาอยู่กับที่บ้านที่กรุงเทพ เค้าก้ยังคงไลน์มาถามเรื่อย ๆ ชวนให้เรากลับแต่เราก็ยืนยันไม่กลับ ตอนนั้นในใจก็อยากกลับแล้วแหล่ะ เพราะพ่อแม่เราบอกให้กลับไป ลองให้โอกาสเค้าซักครั้ง เราตั้งใจว่าสิ้นเดือนกุมภาจะกลับไป แต่วันที่ 23 กุมพาเค้าไลน์มาถามว่าจะไม่กลับมาแล้วใช่มั้ย เราบอกไปว่าไม่กลับแล้ว เค้าเลยถามเราว่าถ้าเค้าจะมีแฟนใหม่ได้ใช่มั้ย เราเลยถามกลับว่า มีแล้วหรอ..? เค้าบอกก็มีคุย ๆ ผู้หญิงรุ้ว่าเคยแต่งงานมีลูก แต่ผู้หญิงรับได้ทุกอย่าง เราเลยถามว่านานรึยัง เค้าบอกว่าซักพักนึงแล้ว เราเลยบอกไปว่า เราออกจากบ้านมาไม่ถึงเดือนเลยนะทำไมเร็วจัง ไม่ใช่มีนานแล้วหรอ เห็นกลับบ้านดึกตลอด เค้าบอกไม่ ๆ เพิ่งคุยตอนเราออกจากบ้าน ตอนนั้นเราถึงกับร้องไห้ออกมาเลย  แล้วเค้าก็พูดต่ออีกว่า เค้าไม่แน่ใจว่าลูกในท้องลูกเค้ารึป่าว ตอนนั้นเรายิ่งร้องหนัก ร้องเหมือนจะขาดใจตาย สงสารลูกที่เค้าคิดแบบนี้ เราเลยถามว่าทำไมคิดแบบนี้ เค้าบอกว่าเพราะเรากล้าหนีออกมาทั้ง ๆ ที่ยังท้อง เหมือนเรามีที่สำรอง เหมือนเรามีที่ไป ตอนนั้นเราตัดสินใจเด็ดขาด บอกพ่อกับแม่ว่า จะไม่กลับไปอีกแล้ว จากนั้นเค้าก้ไม่ติดต่อมาอีก
    พอถึงวันคลอดเห็นหน้าลูกครั้งแรก โอ้ยยยย....ทำไมเหมือนเค้าขนาดนี้เนี่ย กรุปเลือดยังเอาของเค้ามาเลย หลังจากที่คลอดได้สามวันเค้าทักมาต่อว่าเรา ว่าเราใจดำ คลอดไม่ยอมบอก ไม่ส่งรูปลูกให้เค้าดู เค้าอยากเห็นหน้าลูก อยากกอดลูก แล้วขอให้เรากลับไปหาเค้าอีกครั้ง เค้าบอกที่บอกว่ามีแฟนใหม่แล้ว เค้าพูดให้เราหึงเพื่อจะได้กลับไป เราเลยบอกไปว่าที่เราไม่กลับ แล้วที่ไม่กลับไปไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่เค้าบอกว่าเค้าคิดว่าไม่ใช่ลูกเค้า เค้าบอกว่ามีคนส่งรูปลูกให้เค้าดูเค้าร้องไห้รู้สึกผิดกับคำพูดของตัวเอง เราเลยบอกไปว่าวันที่เราได้ยินเราทรมานกว่าเค้าหลายเท่า เราจะไม่กลับไปเด็ดขาด
    จากวันนั้นจนถึงวันนี้เค้าก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย ไม่เคยส่งเสีย แต่เราก็ไม่อยากได้อะไรจากเค้านะ กลัวมาทวงบุญคุณกลัววันนึงเค้าจะอยากมาเจอลูกเรา แต่มีอย่างนึงที่เราไม่เข้าใจที่สุด คือ พ่อ-แม่ แฟนทำไมเค้าไม่ถามถึงหลาน ไม่คิดถึงหลาน ทั้งที่เค้าก็ดีกับเรามากเลยนะ แต่ทำไมพอถึงตอนนี้เค้าถึงเป็นแบบนี้ ลูกเลิกกันมันก็เป็นธรรมดาที่จะไม่คุยกัน แต่เค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำไมเค้าไม่แยกแยะ แต่ก็ช่างมันเถอะค่ะ ตอนนี้เราเลี้ยงลูกคนเดียว ได้ดูพัฒนาการลูก ได้มองหน้าลูกเราก้มีความสุขมากแล้ว ตอนนี้เราก็เปิดร้านถ่ายเอกสารเล็ก ๆ ขายเสื้อผ้าเด็ก ขายตุ้มหู ทำกระเป๋าแฮนเมส  มันก็โอเคมากแล้วค่ะ
          .....  เรื่องนี้ไม่โทษใคร โทษตัวเองที่ไม่อดทนมากพอ โทษตัวเองที่ไม่ป้องกัน....
                           ***   ขอบคุณที่อ่านจบนะคะ****
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่