ลาออกจากงานมาอยู่บ้าน อยากมาดูแลพ่อแม่ แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด T_T

เราอายุ 30+ แล้วนะคะ ทำงานประจำในกรุงเทพฯ เช่าอพาร์ทเมนท์อยู่คนเดียวมานาน
ตอนนี้โสดสนิทค่ะ เพราะเลิกกับอดีตสามีมา 2 ปีแล้ว เพราะทนพฤติกรรมความเจ้าชู้ไม่ไหว
เลยหนีออกมาจากชีวิตเค้า ตัดการติดต่อทุกทาง และไม่คิดมีใครอีก เบื่อค่ะ วางแผนขีวิตไว้
เก็บเงินสักก้อน จะกลับไปเปิดร้านอาหารเล็กๆที่บ้าน และอยู่ดูแลพ่อแม่ซึ่งเริ่มแก่แล้ว (70)

และ... ตอนนี้เราได้ลาออกจากงานมาแล้ว 1 เดือน เริ่มต้นเปิดร้านอาหารเล็กๆ มีลูกค้าทุกวัน
แต่ยอมรับค่ะ ว่ารายได้น้อยกว่าตอนทำงานประจำมากกก.... (ตอนนั้นได้เงินเดือน 35,000+)
แต่ตอนนี้รวมๆแล้วไม่เกิน 15,000 แต่อยู่บ้าน ไม่ต้องมีค่าใฃ้จ่ายอะไรมาก นอกจากค่าอาหาร
ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดไม่เกิน 7,000 และเริ่มต้นขายของออนไลน์ด้วย

เราวาดฝันไว้สวยหรูว่าชีวิตต่อจากนี้ต้องมีความสุข ตื่นเช้ามาทำกับข้าวให้พ่อแม่กิน ดูแลท่านบ้าง
ทำอาชีพอิสระ โดยไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร.... แต่ ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราฝันไว้

พอได้มาอยู่กับแม่ทุกวัน เราเครียดมากๆๆๆ ไม่เหมือนกับตอนที่เรามีเงินเดือน ส่งเงินให้เค้า
แม่ปฏิบัติกับเราไม่เหมือนเดิม พูดจาอะไรก็ตวาดๆ เหมือนเรามาเป็นภาระให้เค้า (รึป่าว)
เราพูดอะไร ออกความคิดเห็นอะไร แม่ไม่เคยรับฟัง ที่ดินนี้ บ้านนี้เป็นของแม่ เราไม่มีสิทธิทำอะไรเลย
แม้แต่ปลูกต้นไม้สักต้น ต่อเติมร้านแบบไหน แม่ต้องอนุมัติก่อนถึงจะทำได้ เลี้ยงหมาแมวอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

ตอนนี้ไม่มีความสุขเลยค่ะ เครียดมาก นอนไม่หลับ อยากกลับไปทำงานเหมือนเดิม แล้วส่งเงินให้แม่
นานๆเจอกันทีดูจะรักกันกว่านี้ ไม่ต้องทะเลาะกันทุกวันแบบนี้ (พ่อแม่เราอยู่กับน้องชายและพี่สาวเราค่ะ
คือเหมือนบ้านกงสี อยู่รวมกัน 3 พี่น้อง แต่น้องชายและพี่สาวโสดนะคะ ไม่มีครอบครัวเหมือนเรา)

เม่าเหม่อ เราอยากหางานใหม่ หรือแยกออกไปอยู่ข้างนอกมากๆ  เครียดค่ะ ไม่รู้จะตัดสินใจไงดี
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ก่อนหน้านี้คุณเบื่องานประจำด้วยหรือเปล่าคะ ?
ถ้าเป็นเพราะเบื่อ และเครียดมากๆ ถึงออกมา คุณก็ต้องเลือกงาน ที่สภาพแวดล้อมไม่เป็นอย่างเดิม
มิเช่นนั้น คุณอาจมีโอกาสเครียดแบบเดิมอีก

เดาว่า คุณไม่ได้ออกมาเพราะพ่อแม่ ขอให้ออกมาดูแลท่าน (เนื่องจากที่บ้านมีพี่น้องอยู่ด้วยแล้ว)
แต่คุณวาดฝันว่าจะกลับมาอยู่กับครอบครัว และดูแลท่านเองใช่ไหมคะ ?
ตอนนี้พอไม่เป็นอย่างที่เคยคิดไว้ มันก็รู้สึกผิดหวังและเครียดเป็นธรรมดาค่ะ

คุณเพิ่งออกมาได้หนึ่งเดือน
การกลับไปหางาน ไม่น่าจะยากนะคะ เพื่อนฝูงก็ยังมี  ช่องทางน่าจะยังมี ไม่ขาดสายกันไปเลยทีเดียว
ระหว่างนี้ ค่อยๆทยอยส่งใบสมัครงานไว้ได้เลยค่ะ...

ถ้าบอกแม่ว่าคุณจะกลับไปทำงานแล้ว
ท่านอาจจะว่าคุณน้อยลงค่ะ

แต่ถ้าคุณเครียดจากการทำงานประจำ ...
คุณต้องหาช่องทาง ให้มีรายได้มากขึ้น จากธุรกิจตอนนี้
และให้แม่ได้เท่าเดิม แบบที่เคยส่งมาให้
คุณคิดว่า  ท่านจะยังว่าคุณได้ไหมคะ ?
หากไม่ทราบ คุยกันตรงๆจะดีที่สุดค่ะ  ว่าท่านต้องการอะไร
บางที ที่แม่บ่นว่า อาจเพราะความเคยชิน
(แบบอยู่ด้วยกันทุกวัน ก็พูดทุกคำที่คิด ไม่ยั้งไว้เหมือนตอนนานๆเจอกันที)
และไม่คิดว่าคุณจะเครียด บอกให้ท่านทราบนะคะ ท่านจะได้เพลาๆลงมาค่ะ

ลองคิด และเลือกทางที่ ทุกฝ่ายจะมีความสุขที่สุดนะคะ

flower
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
กลับไปทำงานดีกว่าค่ะ
คนบางประเภท จะดีกับเราก็ต่อเมื่อเรามีเงินให้
พอไม่มีเงิน  ก็เห็นเราไม่ต่างจากหมา
รีบกลับไปหางานทำค่ะ
ความคิดเห็นที่ 10
พ่อกับแม่ เป็นอะไรที่ต้องมีช่องว่างไว้บ้างค่ะ
เป็นกันหลายบ้านนะ ลูกจะอยู่กับพ่อแม่ไม่ได้ และพ่อแม่จะอยู่กับลูกไม่ได้
อยู่กันก็ทะเลาะกันทุกวัน มีแต่เรื่องมาขุ่นเคืองใจกัน แปลกดี
อาจเพราะ ต่างฝ่ายต่างเห็นว่า ฉันเป็นพ่อแม่นะ และฉันเป็นลูกนะ กระมัง...

กรณีคุณ เราแนะนำว่าให้ออกไปทำงานเหมือนเดิม
และย้ายไปอยู่ข้างนอกเสีย พ่อแม่มีคนดูแล้วล่ะ อย่าห่วงเลย

ทำงานและส่งเงินให้ท่านเหมือนเดิมดีกว่า คนเรายังไงก็ชอบคนให้เงินนะ
ยิ่งเคยให้ แล้วไม่ให้ และมาอยู่แบบนี้ เค้าจะมองไม่เห็นค่าคุณหรอกค่ะ
ความคิดเห็นที่ 82
มันเป็นความจริงนะ เรามีคนรู้จักกลับไปทำการเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี ทำแบรนด์ได้ ขายดีแบบหมดทุกรอบที่จอง ของไม่พอขาย แต่เอาที่ดิน(บางส่วน)ของที่บ้านมาทำ เงินที่ได้มาก็จับจ่ายใช้กินในบ้านและทำทุกอย่าง แต่พ่อแม่แท้ๆ นี่แหละบอกว่าอุตส่าห์เรียนมา อุตส่าห์ไปอยู่กรุง แต่กลับมาเป็นภาระ บอกว่าอยากให้ส่งเงินมาให้เหมือนก่อนมากกว่า ประเด็นคือ คนคนนี้เขาส่งเงินให้ที่บ้านเกือบสิบปี ไม่มีอะไรงอกเงย มีหนี้ ที่ดินก็ติดธนาคาร การบริหารชีวิตพังเละมาก เขาก็อยากมาดูแลที่บ้านและพยายามจัดการอะไรให้เข้าที่ ดูแลพ่อแม่ที่แก่แล้ว แค่กลับมาสองปีก็เอาที่ดินที่จำนองไว้ออกมาได้แล้ว แต่เขาก็ยังอยากให้กลับไป ทำงานส่งเงินมาให้เป็นก้อนรายเดือนมากกว่า

ขอบอกว่าทุกข์มากค่ะ โดนกดดันทุกวัน  เขาจะเลิกล้มกลับมาเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ห่วงหมาแมวที่ดูแล แบรนด์ที่สร้างและฐานลูกค้า สุดท้ายเลยต้องออกมาเช่าบ้านอยู่ เช่าที่ดินทำกินแล้วก็เริ่มจากติดลบ เพราะที่ทำเงินมาก็ไม่ใช้จ่ายในบ้านตลอด แต่มันมองไม่เห็นเหมือนให้เป็นเดือนๆ ไง

เราเลยบอกว่าลูกไม้ ไม่มีทางโตได้ใต้ไม้ใหญ่ อยากพุ่งสูงและแข็งแรงต้องออกมาให้ห่างๆ ร่มเงา พ่อแม่พี่น้องไม่ได้สนับสนุนเราเสมอไป บางคนเขาก็มองที่ผลประโยชน์จริงๆ นะ

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้ารวยแล้ว จะกลับไปนั่งๆ นอนๆ ก็ยังมีคนชื่นชมอยู่ดี แต่กลับไปดำนาหลังขดหลังแข็ง คนเขาคิดว่าพ่ายแพ้ มาเกาะแม่กิน

โลกมันก็ไม่สวยแบบนี้แหละค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
ตอนแรกเรานึกว่าคุณออกเพราะไม่มีคนดูแลพ่อแม่ แต่จริงๆแล้วมีคนดูแลอยู่แล้ว การที่คุณออกจากงานกลับมาอยู่บ้าน ย่อมไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่คุณต้องการ แสดงว่าตอนที่คิดจะออกไม่ได้ปรึกษาทางบ้านเลยใช่ไหมคะ

คนทำงานประจำส่วนใหญ่เป็นแบบคุณเยอะมาก อยากออกจากงาน อยากเป็นนายตัวเอง คิดว่าการออกมาทำธุรกิจเองมันง่าย แต่พอมาทำจริงๆแล้วมันไม่ใช่ บางคนทำได้ดีก็ไปต่อ บางคนไม่ดีก็ต้องกลับไปทำงานประจำเหมือนเดิม เศรษฐกิจสมัยนี้ไม่ง่ายจริงๆค่ะ ถ้าไม่เก่งจริงๆก็ยากที่จะทำอะไรรุ่งในช่วงเวลาแบบนี้ ตอนนี้มีแต่ประคองตัวกันไป

ส่วนจขกท. เราแนะนำว่าคุณกลับไปทำงานประจำเถอะค่ะ  พ่อแม่คุณมีพี่กับน้องดูแลอยู่แล้ว กลับไปสร้างอนาคตตัวเองให้ดีขึ้นดีกว่าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 2
พ่อแม่มีคนอยู่ด้วยแล้ว   ออกไปทำงานดีกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่