กราบสวัสดีทุกท่านที่หลงเข้ามาในกระทู้นี้ก่อนเลยนะครับ
อยากมาแชร์ประสบการณ์ ในการสอบผ่านข้อเขียนและสัมภาษณ์ของโรงเรียนการไปรษณีย์
ระเบียบการสอบเข้าที่นี่ จะมีคร่าวๆดังนี้
ประกาศรับสมัครช่วงกลางเดือน เมษายน
สอบข้อเขียนประมาณกลางเดือน มิถุนายน
ประกาศผลสอบข้อเขียน กรกฎาคม
นัดวันสัมภาษณ์สำหรับคนที่สอบผ่านข้อเขียน สิงหาคม
รายงานตัว กันยายน
เรียน 1 ปีที่โรงเรียนการไปรษณีย์หลักสี่ จบแล้วบรรจุเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจระดับ 2 ทันที เงินเดือนรวมค่าครองชีพของปีนี้ประมาณ 13,000 บาท
ระเบียบเกือบทุกปีแทบจะเรียงตามรูปแบบนี้ตลอดครับ สถิติที่ผ่านมา8ปีมีเปิดสอบทุกปี ไม่เปิดปีเดียว
คุณสมบัติคร่าวๆ
อายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 25 ปี นับตั้งแต่วันที่เปิดรับสมัคร(อย่างของผมปีนี้จะครบ 25 ตอนเดือนธันวาที่จะถึงยังมีโอกาสสอบ)
วุฒิ ม.6 เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.5
โสดทั้ง ญ และ ช
ผู้ชายต้องผ่านการเกณฑ์ทหารหรือเรียบจบนศท.ปี3
ปีนี้มีคนสอบประมาณ 8,000 กว่าคน(น้อยกว่าปีก่อนๆ มาก)
แบ่งเป็น ผู้ชาย 3,000 คน (รับ 122 คน)
ผู้หญิง 5,000 คน (รับ 77 คน)
ซึ่งผู้ชายก็จะแข่งกับแค่ผู้ชาย ผู้หญิงก็จะแข่งกับแค่ผู้หญิง
วิชาที่สอบและเนื้อหาที่ออกสอบของปีนี้
1.คณิตศาสตร์ 50 ข้อ 1 ชั่วโมง
ค่อนข้างต่างจากปีก่อนๆ มาก ผมทราบเพราะผมซื้อหนังสือแทบจะทุกสำนักทั้งแบบไฟล์ PDF หรือเป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ติวสอบต่าง ๆ รวมไปถึงที่ห้าง เนื้อหาปีก่อนๆจะออกไปทางข้อง่ายๆ ถึงกลางๆ ปีนี้ออกไปทางยาก ถึงยากมากๆ
มีแทบจะทุกเรื่องเช่น ตรีโกณมิติ ฟังชั่นเอกโพเน้นเชียล ความน่าจะเป็น ตรรกศาสตร์ ถ้าจะให้พูดรวมๆคือแนะนำให้อ่านทุกเรื่องครับของมัธยม อย่าไปคิดว่าโจทย์ยากๆไม่น่าจะออกเพราะใช้วุฒิแค่ ม.6 แต่วุฒิ ม.6 นี่แหละมันกว้างมากๆ เค้าจะออกง่ายๆ หรือยากๆไปเลยแต่ถ้าเนื้อหายังอยู่ใน ม.6 ก็ไม่ถือว่าผิดครับ
ส่วนตัวผมทำได้น้อยมากวิชานี้ จาก 50 ข้อมั่นใจว่าถูกแน่ๆ ประมาณ 10 ข้อครับ
2.ภาษาไทย 50 ข้อ 1 ชั่วโมง
วิชานี้ไม่มีออกพวกวิเคราะห์บทความเลยสักข้อ(สิ่งที่ผมคิดว่าถนัด) เน้นไปออกที่หลักภาษา80 - 90% จำเนื้อหาข้อสอบไม่ค่อยได้ครับ อ่านเยอะมากตาลาย
ส่วนตัวผม 50 ข้อมั่นใจประมาณ 20 - 30 ข้อ
3.คอมพิวเตอร์ 50 ข้อ 1 ชั่วโมง
ส่วนตัวคิดว่าปีนี้ค่อนข้างง่ายครับ ออกไม่ลึก มีHardware Software ผสมกัน เทคโนโลยี GPS พรบ.คอมพิวเตอร์ คิดว่าเด็กยุคนี้ส่วนใหญ่น่าจะทำได้ครับ
ตัวผม 50 ข้อมั่นใจประมาณ 40+
4.ภาษาอังกฤษ 50 ข้อ 1 ชั่วโมง ***คะแนนไม่ถึง50%ไม่ตรวจวิชาอื่น
ปีนี้ก็พลิกอีกแล้วครับจากที่ผมเก็บข้อมูลจากรุ่นพี่ที่เรียนอยู่หรือหนังสือที่ซื้อมา เดาไว้ว่าน่าจะออก Reading เยอะแต่ผิดคาด พาร์ทแรกจะเป็น Conversation 10 ข้อ เทียบกับข้อสอบภาค ก.ของกพส่วนนี้ถือว่ายาก ต้องวิเคราะห์ทั้งด้านคำถาม และตัวคำตอบที่ใกล้เคียงกันมากถ้าอ่านไม่ดีอาจผิด
Reading 15 ข้อ กลางๆไปถึงยากครับ
Grammar 25 ข้อ ส่วนที่ผมไม่ชอบมากๆ แต่กลับออกเยอะสุด T^T
ออกจากห้องสอบแทบร้องเลยครับเพราะถ้าไม่ได้คะแนนวิชานี้เกินครึ่งไม่ตรวจวิชาอื่น มั่นใจประมาณ 15 16 ข้อ แต่ยังแอบคิดว่าถ้าผมผ่านวิชานี้ก็คงผ่านไม่เยอะ แถวๆ 25 26 27 ไม่น่าเกินนี้
5.ทัศนคติ 100 ข้อ 1 ชั่วโมง
จะเห็นว่าตั้ง 100 ข้อแต่ให้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง ต้องนิ่งและคมที่สุดครับ 555 ออกแนวทัศนคติจากหนังสือหลายๆเล่ม เช่นถ้าเราเจอเหตุการณ์แบบนี้เราจะทำอย่างไร มีเวลาว่าง 1 วันเราจะทำอะไร ว่าง 1 อาทิตย์เราจะทำอะไร ว่าง 1 เดือนเราจะทำอะไร ออกทัศนคติจริงๆประมาณครึ่งนึง ที่เหลือข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทไปรษณีย์ทั้งหมดเลย
มั่นใจประมาณ 40+ ครับ
ที่ผมมาเขียนไม่ได้มาอวดว่าเก่งหรืออะไรนะครับ แต่มันคือความตั้งใจของเด็กคนนึงที่จบปริญญาตรีมาแล้ว ทำงานแล้ว 2 ปีด้านงานบริการซึ่งไม่ตรงกับสายที่ผมเรียน (ทุกคนที่เคยทำจะรู้ว่างานบริการรับทุกสาขาวิชา) แต่ได้มาค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบคืองานบริการนี้แหละครับ สิ่งที่ผมคิดคือถ้าเราได้ทำสิ่งที่ชอบบวกกับอยู่ในองค์กรที่มั่นคงแถมมีส่วนในการพัฒนาประเทศ และเราสามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงเกษียณอายุ มันคงจะเป็นอะไรที่น่าสนุก มีความสุขมากๆ
ปกติผมเป็นคนที่ไม่ได้เรียนดี เกรด 2.65 (ม.6) และ 2.85 (ป.ตรี) แต่พอผมเห็นประกาศรับสมัครของปีนี้ที่ผ่านมา มันมีคำพูดนึงแวบเข้ามาในหัวซึ่งผมเคยเห็นมันมาก่อนในอินเทอร์เน็ตว่า "Choose a job you love, and you will never have to work a day in your life" หาข้อมูลแล้วไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดหรือบัญญัติมันไว้ ผมตัดสินใจลาออกจากที่ทำงาน เพื่อมาอ่านหนังสือสอบเข้าที่นี่ ซึ่งมันพอดีกับที่ผมอายุ 24 (จะครบ 25 ธันวาปีนี้) เท่ากับว่าผมมีโอกาสสอบเป็นปีสุดท้ายแล้ว
หลังจากนั้นก็เริ่มอ่านหนังสือ
ซึ่งโดยส่วนตัวผมเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือทางวิชาการเลย ใช้ชีวิตแบบผู้ชายอายุ 24 ทั่วๆไป เตะฟุตบอล สังสรรค์กับเพื่อน เวลาพักผ่อนก็เล่นคอมพิวเตอร์ แต่ช่วงนั้นผมอ่านหนังสือแทบจะทั้งวัน ทำอะไรมันก็ไม่สนุกเลยเหมือนมีอะไรมาบังคับให้เราตั้งใจอ่านตลอด นอนวันละ 6 ชั่วโมงได้ครับ ใช้เวลาอ่านตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ค. จนถึงวันสอบรวมแล้วประมาณ 1 เดือนครึ่ง ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเราอ่านมาดีมากๆ แต่พอถึงเวลาสอบทุกอย่างมันกดดัน เวลาก็บีบ ข้อสอบก็ยากเหนือที่เราคาดหมายไว้ แต่พอถึงวันประกาศผลสอบจำได้แม่นเลย วันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมาซึ่งเห็นว่ามีรายชื่อ แทบจะดื้นบนเตียงเลยครับ
แต่พอไปดูรายชื่อมันเกินจากที่เค้าประกาศ เพราะในประกาศรับผู้ชาย122 คนแต่ผ่านข้อเขียนมา 156 คน ก็ยังไม่โล่งใจเพราะต้องแข่งสัมภาษณ์กับคนอื่นๆ ซึ่งตัวผมเองรู้ว่าคะแนนเราไม่สูง จึงกังวลเป็นธรรมดา
มาถึงวันสัมภาษณ์ แบ่งเป็น 4 วัน วันละประมาณ 50 คน มาถึงตอนเช้าจาก 50 คนก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มแรกจะได้รับการวัดตัว วัดไซส์รองเท้า เครื่องแบบต่างๆ ส่วนอีกกลุ่มจะขึ้นไปด้านบนเพื่อตรวจร่างกาย ของผมได้ตรวจร่างกายก่อน มีตรวจปัสสาวะ ความดัน และตรวจจากการพูดคุยกับคุณหมอด้านจิตแพทย์ พอเสร็จจากด้านบนจึงลงมารอวัดตัวต่อ สุดท้ายเข้าห้องสัมภาษณ์ จะแบ่งเป็น 3 ห้อง กรรมการที่สัมภาษณ์ก็จะเช็คการแต่งกาย และเริ่มสัมภาษณ์ คำถามเป็นทั่วๆไปแบบที่ทุกคนน่าจะเตรียมตัวมาแล้ว เช่น ทำไมถึงมาสอบที่นี่ ถ้าเจอลูกค้าวีนจะทำยังไง รู้มั้ยปีนี้รุ่นอะไร พ่อแม่สนับสนุนมั้ย พูดภาษาอังกฤษได้มั้ยลองแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษหน่อย ประมาณนี้ บรรยากาศกดดันนิดนึงเหมือนกรรมการแกล้ง
บนโต๊ะกรรมการจะมีรายชื่อผู้ที่เข้าสัมภาษณ์ และเกรดเฉลี่ย ผมแอบชำเรืองมองซึ่งของผม 2 กว่าๆ แต่ของคนอื่นข้างบนและล่าง 3 กว่าๆ ทั้งนั้น
แต่สุดท้ายแล้วก็ผ่านมาได้ครับ ตอนนี้รอทำสัญญา มอบตัวเข้าเรียนวันที่ 8 กันยายนนี้ ค่าใช้จ่ายประมาณ 18,000 บาทรวมทุกอย่างแล้ว
อยากเป็นแนวทางอีกทางหนึ่งให้กับรุ่นน้องหรือท่านที่อายุใกล้เคียงกับผม หางานหรือสิ่งที่เราชอบและรักให้เจอครับ เมื่อเริ่มที่ตั้งใจจะทำมัน มันจะมีพลังงานบางอย่างที่ส่งคุณไปจนถึงจุดหมายเอง
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะครับ หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ
ประสบการณ์สอบเข้าโรงเรียนการไปรษณีย์ 2560
อยากมาแชร์ประสบการณ์ ในการสอบผ่านข้อเขียนและสัมภาษณ์ของโรงเรียนการไปรษณีย์
ระเบียบการสอบเข้าที่นี่ จะมีคร่าวๆดังนี้
ประกาศรับสมัครช่วงกลางเดือน เมษายน
สอบข้อเขียนประมาณกลางเดือน มิถุนายน
ประกาศผลสอบข้อเขียน กรกฎาคม
นัดวันสัมภาษณ์สำหรับคนที่สอบผ่านข้อเขียน สิงหาคม
รายงานตัว กันยายน
เรียน 1 ปีที่โรงเรียนการไปรษณีย์หลักสี่ จบแล้วบรรจุเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจระดับ 2 ทันที เงินเดือนรวมค่าครองชีพของปีนี้ประมาณ 13,000 บาท
ระเบียบเกือบทุกปีแทบจะเรียงตามรูปแบบนี้ตลอดครับ สถิติที่ผ่านมา8ปีมีเปิดสอบทุกปี ไม่เปิดปีเดียว
คุณสมบัติคร่าวๆ
อายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 25 ปี นับตั้งแต่วันที่เปิดรับสมัคร(อย่างของผมปีนี้จะครบ 25 ตอนเดือนธันวาที่จะถึงยังมีโอกาสสอบ)
วุฒิ ม.6 เกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.5
โสดทั้ง ญ และ ช
ผู้ชายต้องผ่านการเกณฑ์ทหารหรือเรียบจบนศท.ปี3
ปีนี้มีคนสอบประมาณ 8,000 กว่าคน(น้อยกว่าปีก่อนๆ มาก)
แบ่งเป็น ผู้ชาย 3,000 คน (รับ 122 คน)
ผู้หญิง 5,000 คน (รับ 77 คน)
ซึ่งผู้ชายก็จะแข่งกับแค่ผู้ชาย ผู้หญิงก็จะแข่งกับแค่ผู้หญิง
วิชาที่สอบและเนื้อหาที่ออกสอบของปีนี้
1.คณิตศาสตร์ 50 ข้อ 1 ชั่วโมง
ค่อนข้างต่างจากปีก่อนๆ มาก ผมทราบเพราะผมซื้อหนังสือแทบจะทุกสำนักทั้งแบบไฟล์ PDF หรือเป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ติวสอบต่าง ๆ รวมไปถึงที่ห้าง เนื้อหาปีก่อนๆจะออกไปทางข้อง่ายๆ ถึงกลางๆ ปีนี้ออกไปทางยาก ถึงยากมากๆ มีแทบจะทุกเรื่องเช่น ตรีโกณมิติ ฟังชั่นเอกโพเน้นเชียล ความน่าจะเป็น ตรรกศาสตร์ ถ้าจะให้พูดรวมๆคือแนะนำให้อ่านทุกเรื่องครับของมัธยม อย่าไปคิดว่าโจทย์ยากๆไม่น่าจะออกเพราะใช้วุฒิแค่ ม.6 แต่วุฒิ ม.6 นี่แหละมันกว้างมากๆ เค้าจะออกง่ายๆ หรือยากๆไปเลยแต่ถ้าเนื้อหายังอยู่ใน ม.6 ก็ไม่ถือว่าผิดครับ
ส่วนตัวผมทำได้น้อยมากวิชานี้ จาก 50 ข้อมั่นใจว่าถูกแน่ๆ ประมาณ 10 ข้อครับ
2.ภาษาไทย 50 ข้อ 1 ชั่วโมง
วิชานี้ไม่มีออกพวกวิเคราะห์บทความเลยสักข้อ(สิ่งที่ผมคิดว่าถนัด) เน้นไปออกที่หลักภาษา80 - 90% จำเนื้อหาข้อสอบไม่ค่อยได้ครับ อ่านเยอะมากตาลาย
ส่วนตัวผม 50 ข้อมั่นใจประมาณ 20 - 30 ข้อ
3.คอมพิวเตอร์ 50 ข้อ 1 ชั่วโมง
ส่วนตัวคิดว่าปีนี้ค่อนข้างง่ายครับ ออกไม่ลึก มีHardware Software ผสมกัน เทคโนโลยี GPS พรบ.คอมพิวเตอร์ คิดว่าเด็กยุคนี้ส่วนใหญ่น่าจะทำได้ครับ
ตัวผม 50 ข้อมั่นใจประมาณ 40+
4.ภาษาอังกฤษ 50 ข้อ 1 ชั่วโมง ***คะแนนไม่ถึง50%ไม่ตรวจวิชาอื่น
ปีนี้ก็พลิกอีกแล้วครับจากที่ผมเก็บข้อมูลจากรุ่นพี่ที่เรียนอยู่หรือหนังสือที่ซื้อมา เดาไว้ว่าน่าจะออก Reading เยอะแต่ผิดคาด พาร์ทแรกจะเป็น Conversation 10 ข้อ เทียบกับข้อสอบภาค ก.ของกพส่วนนี้ถือว่ายาก ต้องวิเคราะห์ทั้งด้านคำถาม และตัวคำตอบที่ใกล้เคียงกันมากถ้าอ่านไม่ดีอาจผิด
Reading 15 ข้อ กลางๆไปถึงยากครับ
Grammar 25 ข้อ ส่วนที่ผมไม่ชอบมากๆ แต่กลับออกเยอะสุด T^T
ออกจากห้องสอบแทบร้องเลยครับเพราะถ้าไม่ได้คะแนนวิชานี้เกินครึ่งไม่ตรวจวิชาอื่น มั่นใจประมาณ 15 16 ข้อ แต่ยังแอบคิดว่าถ้าผมผ่านวิชานี้ก็คงผ่านไม่เยอะ แถวๆ 25 26 27 ไม่น่าเกินนี้
5.ทัศนคติ 100 ข้อ 1 ชั่วโมง
จะเห็นว่าตั้ง 100 ข้อแต่ให้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง ต้องนิ่งและคมที่สุดครับ 555 ออกแนวทัศนคติจากหนังสือหลายๆเล่ม เช่นถ้าเราเจอเหตุการณ์แบบนี้เราจะทำอย่างไร มีเวลาว่าง 1 วันเราจะทำอะไร ว่าง 1 อาทิตย์เราจะทำอะไร ว่าง 1 เดือนเราจะทำอะไร ออกทัศนคติจริงๆประมาณครึ่งนึง ที่เหลือข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทไปรษณีย์ทั้งหมดเลย
มั่นใจประมาณ 40+ ครับ
ที่ผมมาเขียนไม่ได้มาอวดว่าเก่งหรืออะไรนะครับ แต่มันคือความตั้งใจของเด็กคนนึงที่จบปริญญาตรีมาแล้ว ทำงานแล้ว 2 ปีด้านงานบริการซึ่งไม่ตรงกับสายที่ผมเรียน (ทุกคนที่เคยทำจะรู้ว่างานบริการรับทุกสาขาวิชา) แต่ได้มาค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบคืองานบริการนี้แหละครับ สิ่งที่ผมคิดคือถ้าเราได้ทำสิ่งที่ชอบบวกกับอยู่ในองค์กรที่มั่นคงแถมมีส่วนในการพัฒนาประเทศ และเราสามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงเกษียณอายุ มันคงจะเป็นอะไรที่น่าสนุก มีความสุขมากๆ ปกติผมเป็นคนที่ไม่ได้เรียนดี เกรด 2.65 (ม.6) และ 2.85 (ป.ตรี) แต่พอผมเห็นประกาศรับสมัครของปีนี้ที่ผ่านมา มันมีคำพูดนึงแวบเข้ามาในหัวซึ่งผมเคยเห็นมันมาก่อนในอินเทอร์เน็ตว่า "Choose a job you love, and you will never have to work a day in your life" หาข้อมูลแล้วไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดหรือบัญญัติมันไว้ ผมตัดสินใจลาออกจากที่ทำงาน เพื่อมาอ่านหนังสือสอบเข้าที่นี่ ซึ่งมันพอดีกับที่ผมอายุ 24 (จะครบ 25 ธันวาปีนี้) เท่ากับว่าผมมีโอกาสสอบเป็นปีสุดท้ายแล้ว
หลังจากนั้นก็เริ่มอ่านหนังสือ ซึ่งโดยส่วนตัวผมเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือทางวิชาการเลย ใช้ชีวิตแบบผู้ชายอายุ 24 ทั่วๆไป เตะฟุตบอล สังสรรค์กับเพื่อน เวลาพักผ่อนก็เล่นคอมพิวเตอร์ แต่ช่วงนั้นผมอ่านหนังสือแทบจะทั้งวัน ทำอะไรมันก็ไม่สนุกเลยเหมือนมีอะไรมาบังคับให้เราตั้งใจอ่านตลอด นอนวันละ 6 ชั่วโมงได้ครับ ใช้เวลาอ่านตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ค. จนถึงวันสอบรวมแล้วประมาณ 1 เดือนครึ่ง ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเราอ่านมาดีมากๆ แต่พอถึงเวลาสอบทุกอย่างมันกดดัน เวลาก็บีบ ข้อสอบก็ยากเหนือที่เราคาดหมายไว้ แต่พอถึงวันประกาศผลสอบจำได้แม่นเลย วันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมาซึ่งเห็นว่ามีรายชื่อ แทบจะดื้นบนเตียงเลยครับ แต่พอไปดูรายชื่อมันเกินจากที่เค้าประกาศ เพราะในประกาศรับผู้ชาย122 คนแต่ผ่านข้อเขียนมา 156 คน ก็ยังไม่โล่งใจเพราะต้องแข่งสัมภาษณ์กับคนอื่นๆ ซึ่งตัวผมเองรู้ว่าคะแนนเราไม่สูง จึงกังวลเป็นธรรมดา
มาถึงวันสัมภาษณ์ แบ่งเป็น 4 วัน วันละประมาณ 50 คน มาถึงตอนเช้าจาก 50 คนก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มแรกจะได้รับการวัดตัว วัดไซส์รองเท้า เครื่องแบบต่างๆ ส่วนอีกกลุ่มจะขึ้นไปด้านบนเพื่อตรวจร่างกาย ของผมได้ตรวจร่างกายก่อน มีตรวจปัสสาวะ ความดัน และตรวจจากการพูดคุยกับคุณหมอด้านจิตแพทย์ พอเสร็จจากด้านบนจึงลงมารอวัดตัวต่อ สุดท้ายเข้าห้องสัมภาษณ์ จะแบ่งเป็น 3 ห้อง กรรมการที่สัมภาษณ์ก็จะเช็คการแต่งกาย และเริ่มสัมภาษณ์ คำถามเป็นทั่วๆไปแบบที่ทุกคนน่าจะเตรียมตัวมาแล้ว เช่น ทำไมถึงมาสอบที่นี่ ถ้าเจอลูกค้าวีนจะทำยังไง รู้มั้ยปีนี้รุ่นอะไร พ่อแม่สนับสนุนมั้ย พูดภาษาอังกฤษได้มั้ยลองแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษหน่อย ประมาณนี้ บรรยากาศกดดันนิดนึงเหมือนกรรมการแกล้ง บนโต๊ะกรรมการจะมีรายชื่อผู้ที่เข้าสัมภาษณ์ และเกรดเฉลี่ย ผมแอบชำเรืองมองซึ่งของผม 2 กว่าๆ แต่ของคนอื่นข้างบนและล่าง 3 กว่าๆ ทั้งนั้น แต่สุดท้ายแล้วก็ผ่านมาได้ครับ ตอนนี้รอทำสัญญา มอบตัวเข้าเรียนวันที่ 8 กันยายนนี้ ค่าใช้จ่ายประมาณ 18,000 บาทรวมทุกอย่างแล้ว
อยากเป็นแนวทางอีกทางหนึ่งให้กับรุ่นน้องหรือท่านที่อายุใกล้เคียงกับผม หางานหรือสิ่งที่เราชอบและรักให้เจอครับ เมื่อเริ่มที่ตั้งใจจะทำมัน มันจะมีพลังงานบางอย่างที่ส่งคุณไปจนถึงจุดหมายเอง
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะครับ หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ