Killing Ground (Damien Power, 2017) คะแนน C+
By Form Corleone
"สัญชาตญาณดิบของมนุษย์ถูกถอดเปลือกออกมาให้สัมผัส" หนังเล่าเรื่องราวเหตุการณ์สลับกันไปมาของสองครอบครัวที่มาตั้งแคมป์อยู่กลางป่า เรื่องราวทั้งหมดค่อยๆขยายที่มาที่ไปเรื่อยๆผ่านช่วงเวลาในอดีตและปัจจุบันทำให้เราได้เห็นสิ่งที่ครอบครัวทั้งสองได้เจอจนมาบรรจบกันในช่วงท้ายเรื่อง ไม่เพียงแค่นั้นตัวหนังยังคงเล่าเรื่องราวเบื้องหลังและนิสัยของฆาตกรที่ก่อเหตุการณ์ทั้งหมดในเรื่องอีกด้วย ทั้งหมดถูกตัดสลับกันได้อย่างลื่นไหลทำให้เรากลายเป็นผู้สังเกตการณ์หรือร่วมสืบค้นหาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างดี จนนำพาให้เราค่อยๆรู้สึกหวาดระแวงได้พอสมควร แต่หนังเองไม่ได้สร้างความหวาดกลัวที่ตัวละครกำลังเผชิญหน้าอยู่อย่างแยบยลหรือมากมายเท่าที่ควรจะเป็น เพราะหนังเพียงมุ่งเน้นไปที่ความดิบ ความเถื่อนผนวกความโหดเหี้ยมของมนุษย์ ทำให้ความสมดุลของฉากในบางฉากไม่สามารถเรียกอารมณ์ร่วมได้เลยทั้งที่เป็นฉากที่สามารถถอดพฤติกรรมของตัวละครหรือนำสิ่งที่ตัวละครกระทำอยู่สนองสารที่มีคุณค่าได้ตรงประเด็น แม้ว่าหนังจะพยายามเล่นประเด็นจิตใต้สำนึกของผู้เป็นเหยื่อหรือฆาตกรอยู่เป็นระยะๆก็ตาม แต่จนแล้วจนรอดหนังกลับไปไม่สุดในประเด็นของความดีหรือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จึงน่าเสียดายที่ตัวหนังเองไม่สามารถส่งมอบข้อความเหล่านั้นได้ดีแม้จะพยายามอย่างมากแล้วก็ตาม
และด้วยการเล่าเรื่องแบบสลับไปมาระหว่างตัวละครจึงทำให้เราไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับตัวละครจนรู้สึกเอาใจช่วยให้ตัวละครในเรื่องรอดพ้นเหตุการณ์ไปได้ จึงเป็นการขาดหายไปของหนังแนวนี้ ทำให้เราทำได้เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ตลอดทั้งเรื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวหนังดำเนินมาจนถึงตอนสุดท้าย การที่เราได้เป็นผู้สังเกตการณ์ตลอดทั้งเรื่องนั้นจึงเป็นการนั่งดูเหล่าตัวละครแสดงสัญชาตญาณดิบออกมา ตัวละครนำทั้งชายและหญิงที่ตกเป็นเหยื่อล้วนถูกสร้างคาแรคเตอร์ให้สมบูรณ์แบบในช่วงต้นเรื่องและค่อยๆถูกถอดเปลือกด้านนอกที่ถูกฉาบไว้ด้วยหน้าตา ฐานะ การศึกษา ทั้งหมดจึงนำพามาซึ่งความดิบของมนุษย์อย่างที่ตัวหนังตั้งใจไว้ ทำให้เราไม่รู้สึกมีความสัมพันธ์กับตัวละครอย่างที่ว่าไป ทั้งนี้ ถ้าจะมองถึงความสนุกสนานแบบตอบโจทย์หนังไล่ล่าระทึกขวัญภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะไม่ได้สนองความรู้สึกตรงนั้นมากมายเพราะเราไม่รู้สึกมีความสัมพันธ์กับตัวละคร แต่ถ้ามองในมุมของผู้สังเกตภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะสะท้อนพฤติกรรมความเป็นมนุษย์ได้ในระดับหนึ่ง(ไม่ได้สะเทือนใจมาก) อาจจะเพราะด้วยการกำกับที่ไม่ได้ช่วยส่งประเด็นดิบเถื่อนของมนุษย์แบบทำให้เรารู้สึกตัวชาหรือจุกอกได้อย่างที่ตั้งใจ(มีนัยยะระหว่างคนกับสัตว์แฝงไปด้วย) นอกจากนี้ การที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำกลางป่าจึงทำให้การสร้างบรรยากาศของหนังกลายเป็นสิ่งที่ใช้งานได้คุ้มค่ามากที่สุดในบริบทจากสิ่งแวดล้อม ดังนั้น 'Killing Ground' อาจเป็นเพียงวิธีการบอกเล่าเรื่องราวความป่าเถื่อนผสมความดิบของมนุษย์ที่แฝงไปกับเรื่องราวชวนสยองขวัญ ตัวภาพยนตร์อาจไม่ได้ดีทั้งหมดและไม่ได้แย่ทั้งหมดแต่ที่แน่นอนคือมันไม่ถึงกับชวนให้เรารู้สึกระทึกใจหรือสะเทือนใจกับพฤติกรรมของตัวละครซึ่งน่าเสียดายที่หนังพาไปไม่ถึงตรงจุดนั้น...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Killing Ground (Damien Power, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"สัญชาตญาณดิบของมนุษย์ถูกถอดเปลือกออกมาให้สัมผัส" หนังเล่าเรื่องราวเหตุการณ์สลับกันไปมาของสองครอบครัวที่มาตั้งแคมป์อยู่กลางป่า เรื่องราวทั้งหมดค่อยๆขยายที่มาที่ไปเรื่อยๆผ่านช่วงเวลาในอดีตและปัจจุบันทำให้เราได้เห็นสิ่งที่ครอบครัวทั้งสองได้เจอจนมาบรรจบกันในช่วงท้ายเรื่อง ไม่เพียงแค่นั้นตัวหนังยังคงเล่าเรื่องราวเบื้องหลังและนิสัยของฆาตกรที่ก่อเหตุการณ์ทั้งหมดในเรื่องอีกด้วย ทั้งหมดถูกตัดสลับกันได้อย่างลื่นไหลทำให้เรากลายเป็นผู้สังเกตการณ์หรือร่วมสืบค้นหาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างดี จนนำพาให้เราค่อยๆรู้สึกหวาดระแวงได้พอสมควร แต่หนังเองไม่ได้สร้างความหวาดกลัวที่ตัวละครกำลังเผชิญหน้าอยู่อย่างแยบยลหรือมากมายเท่าที่ควรจะเป็น เพราะหนังเพียงมุ่งเน้นไปที่ความดิบ ความเถื่อนผนวกความโหดเหี้ยมของมนุษย์ ทำให้ความสมดุลของฉากในบางฉากไม่สามารถเรียกอารมณ์ร่วมได้เลยทั้งที่เป็นฉากที่สามารถถอดพฤติกรรมของตัวละครหรือนำสิ่งที่ตัวละครกระทำอยู่สนองสารที่มีคุณค่าได้ตรงประเด็น แม้ว่าหนังจะพยายามเล่นประเด็นจิตใต้สำนึกของผู้เป็นเหยื่อหรือฆาตกรอยู่เป็นระยะๆก็ตาม แต่จนแล้วจนรอดหนังกลับไปไม่สุดในประเด็นของความดีหรือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จึงน่าเสียดายที่ตัวหนังเองไม่สามารถส่งมอบข้อความเหล่านั้นได้ดีแม้จะพยายามอย่างมากแล้วก็ตาม
และด้วยการเล่าเรื่องแบบสลับไปมาระหว่างตัวละครจึงทำให้เราไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับตัวละครจนรู้สึกเอาใจช่วยให้ตัวละครในเรื่องรอดพ้นเหตุการณ์ไปได้ จึงเป็นการขาดหายไปของหนังแนวนี้ ทำให้เราทำได้เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ตลอดทั้งเรื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวหนังดำเนินมาจนถึงตอนสุดท้าย การที่เราได้เป็นผู้สังเกตการณ์ตลอดทั้งเรื่องนั้นจึงเป็นการนั่งดูเหล่าตัวละครแสดงสัญชาตญาณดิบออกมา ตัวละครนำทั้งชายและหญิงที่ตกเป็นเหยื่อล้วนถูกสร้างคาแรคเตอร์ให้สมบูรณ์แบบในช่วงต้นเรื่องและค่อยๆถูกถอดเปลือกด้านนอกที่ถูกฉาบไว้ด้วยหน้าตา ฐานะ การศึกษา ทั้งหมดจึงนำพามาซึ่งความดิบของมนุษย์อย่างที่ตัวหนังตั้งใจไว้ ทำให้เราไม่รู้สึกมีความสัมพันธ์กับตัวละครอย่างที่ว่าไป ทั้งนี้ ถ้าจะมองถึงความสนุกสนานแบบตอบโจทย์หนังไล่ล่าระทึกขวัญภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะไม่ได้สนองความรู้สึกตรงนั้นมากมายเพราะเราไม่รู้สึกมีความสัมพันธ์กับตัวละคร แต่ถ้ามองในมุมของผู้สังเกตภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะสะท้อนพฤติกรรมความเป็นมนุษย์ได้ในระดับหนึ่ง(ไม่ได้สะเทือนใจมาก) อาจจะเพราะด้วยการกำกับที่ไม่ได้ช่วยส่งประเด็นดิบเถื่อนของมนุษย์แบบทำให้เรารู้สึกตัวชาหรือจุกอกได้อย่างที่ตั้งใจ(มีนัยยะระหว่างคนกับสัตว์แฝงไปด้วย) นอกจากนี้ การที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำกลางป่าจึงทำให้การสร้างบรรยากาศของหนังกลายเป็นสิ่งที่ใช้งานได้คุ้มค่ามากที่สุดในบริบทจากสิ่งแวดล้อม ดังนั้น 'Killing Ground' อาจเป็นเพียงวิธีการบอกเล่าเรื่องราวความป่าเถื่อนผสมความดิบของมนุษย์ที่แฝงไปกับเรื่องราวชวนสยองขวัญ ตัวภาพยนตร์อาจไม่ได้ดีทั้งหมดและไม่ได้แย่ทั้งหมดแต่ที่แน่นอนคือมันไม่ถึงกับชวนให้เรารู้สึกระทึกใจหรือสะเทือนใจกับพฤติกรรมของตัวละครซึ่งน่าเสียดายที่หนังพาไปไม่ถึงตรงจุดนั้น...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/