Beirut (Brad Anderson, 2018) คะแนน B
By Form Corleone
"เจรจาต่อรองภายใต้สงครามกลางเมือง" เรื่องราวความรุนแรง ความเลวร้ายในกรุงเบรุต สงครามกลางเมืองของประเทศเลบานอนที่ยังไม่สงบลง ณ ปัจจุบัน หนังอิงบริบทจากเหตุการณ์จริงมาใช้เป็นวัตถุดิบผสมเรื่องแต่งและนำเสนอออกมาในรูปแบบภาพยนตร์แนวดราม่าทริลเลอ ความเข้มข้นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการต่อรองชิงตัวประกัน และเบื้องหลังรัฐบาลผสมปัญหาทางการเมือง บริบทของหนังทำได้ดีและทำให้เราเชื่อถือในการเซ็ตฉากต่างๆ แต่ข้อด้อยหรือข้อจำกัดของตัวงาน คือภาพยนตร์มีตัวละครที่เยอะและตัดสลับรวดเร็วพร้อมบทสนทนาที่เยอะมากจนตามไม่ทัน ต้องมีสมาธิอย่างมากในการดูเพื่อเข้าใจเนื้อหา จนไปถึงเก็บรายละเอียดสำคัญๆเพื่อปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด นอกจากนี้ หนังยังมาพร้อมเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างหนักหน่วงในประเด็นความขัดแย้งที่สลับซับซ้อนระหว่างประเทศ มีหลายพวก มีหลายกลุ่ม สิ่งที่น่ายินดีคือผู้กำกับ 'แบรด แอนเดอร์สัน' สามารถคุมโทนของหนังให้ตึงเครียดตลอดเวลาได้ แม้เราจะหลุดตามไม่ทันบ้างก็ตาม แต่ภาพรวมของหนังยังคงเต็มไปด้วยช่วงเวลาลุ้นระทึกและร่วมตึงเครียดไปพร้อมตัวละคร
เหล่านักแสดงในเรื่องทำหน้าที่ได้ดีมาก 'จอน แฮมม์' สามารถแสดงสภาพของนักต่อรองได้สมจริงและดูเป็นธรรมชาติ ส่วน 'โรซามันด์ ไพค์' ก็ให้สภาพแรงกดดันที่ดูสมจริง นักแสดงสมทบต่างทำหน้าที่กันได้ดี โดยรวมแล้ว 'Beirut' สามารถพาเราหลุดเข้าไปร่วมรับความรู้สึกเสมือนอยู่ภายใต้สงครามกลางเมืองจริงๆ เหตุการณ์สงครามในประเทศเลบานอนจึงถูกบอกเล่าและส่งมอบความรู้สึกมาถึงคนดูที่อยู่ห่างไกลจากประเทศนี้อย่างมาก และมอบความน่าเศร้าใจสะท้องเรื่องราวของสงครามได้อย่างน่าสลด และโดยไม่เสแสร้ง ไม่พยายามมอบความหวังต่อพื้นที่นี้แต่อย่างใด ท้ายสุด 'Beirut' จึงเป็นผลงานสะท้อนภาพความเลวร้ายของสงครามที่ไม่เพียงแค่ส่งผลเสียต่อสถานที่ หรือต่อประเทศเท่านั้น ความโหดร้ายของสงครามยังได้ก่อผลร้ายต่อสภาจิตใจมนุษย์ด้วยเช่นเดียวกัน...และยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Beirut (Brad Anderson, 2018) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"เจรจาต่อรองภายใต้สงครามกลางเมือง" เรื่องราวความรุนแรง ความเลวร้ายในกรุงเบรุต สงครามกลางเมืองของประเทศเลบานอนที่ยังไม่สงบลง ณ ปัจจุบัน หนังอิงบริบทจากเหตุการณ์จริงมาใช้เป็นวัตถุดิบผสมเรื่องแต่งและนำเสนอออกมาในรูปแบบภาพยนตร์แนวดราม่าทริลเลอ ความเข้มข้นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการต่อรองชิงตัวประกัน และเบื้องหลังรัฐบาลผสมปัญหาทางการเมือง บริบทของหนังทำได้ดีและทำให้เราเชื่อถือในการเซ็ตฉากต่างๆ แต่ข้อด้อยหรือข้อจำกัดของตัวงาน คือภาพยนตร์มีตัวละครที่เยอะและตัดสลับรวดเร็วพร้อมบทสนทนาที่เยอะมากจนตามไม่ทัน ต้องมีสมาธิอย่างมากในการดูเพื่อเข้าใจเนื้อหา จนไปถึงเก็บรายละเอียดสำคัญๆเพื่อปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด นอกจากนี้ หนังยังมาพร้อมเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างหนักหน่วงในประเด็นความขัดแย้งที่สลับซับซ้อนระหว่างประเทศ มีหลายพวก มีหลายกลุ่ม สิ่งที่น่ายินดีคือผู้กำกับ 'แบรด แอนเดอร์สัน' สามารถคุมโทนของหนังให้ตึงเครียดตลอดเวลาได้ แม้เราจะหลุดตามไม่ทันบ้างก็ตาม แต่ภาพรวมของหนังยังคงเต็มไปด้วยช่วงเวลาลุ้นระทึกและร่วมตึงเครียดไปพร้อมตัวละคร
เหล่านักแสดงในเรื่องทำหน้าที่ได้ดีมาก 'จอน แฮมม์' สามารถแสดงสภาพของนักต่อรองได้สมจริงและดูเป็นธรรมชาติ ส่วน 'โรซามันด์ ไพค์' ก็ให้สภาพแรงกดดันที่ดูสมจริง นักแสดงสมทบต่างทำหน้าที่กันได้ดี โดยรวมแล้ว 'Beirut' สามารถพาเราหลุดเข้าไปร่วมรับความรู้สึกเสมือนอยู่ภายใต้สงครามกลางเมืองจริงๆ เหตุการณ์สงครามในประเทศเลบานอนจึงถูกบอกเล่าและส่งมอบความรู้สึกมาถึงคนดูที่อยู่ห่างไกลจากประเทศนี้อย่างมาก และมอบความน่าเศร้าใจสะท้องเรื่องราวของสงครามได้อย่างน่าสลด และโดยไม่เสแสร้ง ไม่พยายามมอบความหวังต่อพื้นที่นี้แต่อย่างใด ท้ายสุด 'Beirut' จึงเป็นผลงานสะท้อนภาพความเลวร้ายของสงครามที่ไม่เพียงแค่ส่งผลเสียต่อสถานที่ หรือต่อประเทศเท่านั้น ความโหดร้ายของสงครามยังได้ก่อผลร้ายต่อสภาจิตใจมนุษย์ด้วยเช่นเดียวกัน...และยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/