สวัสดีค่ะแม่ๆและว่าที่คุณแม่ทุกคน เราเองเป็นแม่ที่ค่อนข้างจะหัวสมัยใหม่นิดนึงค่ะ ^^ ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มรู้ตัวว่าตั้งท้อง จนถึงตอนนี้ที่คลอดลูกมาแล้ว เราก็ดูแลตัวเองในแบบแพทย์สมัยใหม่มาตลอดเลย ทั้งเรื่องการทำงาน การดูแลตัวเอง อาหารการกิน
แต่ถ้าใครที่มีคุณแม่ หรือญาติๆอยู่ดูแลใกล้ชิดเวลาท้องแบบเราคงพอจะนึกออกนะคะว่าเค้าจะมีความเชื่อ มีแนวทาง วิธีการแบบพื้นบ้าน หรือวิถีโบราณมาคอยสอน คอยกำกับเราตลอดเวลา แต่เราจะไม่ค่อยได้ทำตามเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อนะ เราเชื่อว่าของโบราณหรือภูมิปัญญาสมัยก่อนเค้าก็มีดีอยู่ในตัว ไม่งั้นคนโบราณคงไม่เห็นผลและเชื่อถือกันมาจนถึงป่านนี้เนอะ แต่เราก็คิดว่าสมัยนี้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆมันก็ไปไกลแล้ว และเราก็คิดว่ามันน่าจะดีกว่าเดิมแน่ๆ อีกอย่างฝรั่งบ้านอื่นเมืองอื่นเค้าก็น่าจะไม่ได้อยู่ไฟเหมือนเรา แต่เค้าก็ยังแข็งแรง ใช้ชีวิตปกติได้เลย เราเลยเลือกที่จะใช้วิธีแบบสมัยใหม่แทนการอยู่ไฟแบบเดิม แล้วมันดีกับสุขภาพ เลยอยากจะมาแชร์วันนี้ เผื่อเป็นทางเลือกสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ที่กำลังหาข้อมูลอยู่นะคะ
เราไม่แน่ใจว่าสมัยนี้คนส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะคลอดด้วยตัวเองแบบเรากันเยอะมั้ย แต่ถ้าใครคลอดเองเนี่ยต้องเคยผ่านหรือได้ยินเรื่องการอยู่ไฟทุกคนแน่ๆ ของเรานี่ก็โดนทั้งแม่ตัวเองและแม่สามีพยายามจะให้อยู่ไฟมาตลอดตั้งแต่หลังคลอดค่ะ แต่จนแล้วจนรอดแล้วก็ไม่ได้อยู่ไฟซักที ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีเวลา และเราคิดว่ามันวุ่นวาย อันนี้ปัญหาหลักเลยค่ะ เราเคยอ่านรีวิวการอยู่ไฟมาเยอะมาก ครั้งนึงต้องใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน ซึ่งเราไม่สะดวกอย่างแรง เพราะจะต้องหมดเวลาชีวิตไปกับการอยู่ไฟแบบนั้น ไม่เอาแน่ๆค่ะ
ช่วงแรกประมาณ 4 , 5 วันแรกหลังคลอด เราก็เพลียๆเหนื่อยมากค่ะ เพราะนอนน้อยด้วย ปั๊มนมลูกด้วย ช่วงนั้นเครียดมาก แล้วก็สังเกตว่านอนห้องแอร์เหมือนทุกวัน แต่รู้สึกหนาวกว่าปกติ แต่ก็ไม่อยากอยู่ไฟค่ะ เราเลยเริ่มหาวิธีอื่นแทนการอยู่ไฟ เราสังเกตว่าการอยู่ไฟเนี่ยจะเป็นการอยู่กับธรรมชาติและใช้สมุนไพรเป็นหลัก เราคิดว่าน่าจะแค่หาอะไรใกล้ๆตัวกินก็พอแล้ว เลยไปลองถามเพื่อนๆที่เป็นคุณแม่กับหามูลในเน็ตเพิ่ม เห็นมีแม่ๆแนะนำกันไว้หลายอย่างมาก เราก็เลือกวิธีที่ง่ายๆ แล้วก็เหมาะกับเรา คือคุณแม่ท่านนึงแนะนำให้กินอาหารที่เสริมแคลเซี่ยมกับธาตุเหล็กพวกผักใบเขียวเป็นหลัก ที่เรากินก็จะมี นมถั่วเหลือง นมวัว กินสลับกันค่ะ
สามีซื้อแคลเซี่ยมแบบเม็ดมาเสริมให้ด้วย ก็สะดวกดีค่ะ
ตัวนี้จะเป็นแคลเซียม+วิตามินดีค่ะ ตัววิตามินดีนี่จะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมจากระบบทางเดินอาหารค่ะ
นอกจากพวกนมต่างๆแล้วหลายคนก็แนะนำให้กินพวก งาดำ ตับ แล้วก็ผักใบเขียวเยอะๆค่ะ คือเน้นไปที่แคลเซี่ยมกับธาตุเหล็กเลย แล้วเราไปเห็นแม่ๆบางคนแนะนำให้กินยาสตรีด้วยค่ะ เราก็ลองไปซื้อมากินเหมือนกันแต่กินไม่รอดค่ะ รสชาติกับกลิ่นมันไม่โอเคอย่างแรง เหมือนกินยาดองเลยอ่ะ เราก็ไม่กล้ากินต่อเพราะเราต้องให้นมลูกด้วย กลัวจะมีผลข้างเคียงกับลูกค่ะ (อันนี้คิดไปเองค่ะ) กินไปได้แค่ไม่กี่ครั้งเอง
พอเรากินยาสตรีไม่ได้ สามีเราก็เลยไปหาอย่างอื่นมาเสริมให้ค่ะ เค้ากลัวว่าแค่นม ถั่ว งา อะไรมันจะไม่พอ เลยไปถามเพื่อนๆที่มีลูกก่อนหน้าเราว่านอกจากพวกนี้แล้วจะมีอะไรช่วยทดแทนการอยู่ไฟได้อีกบ้างมั้ย ก็มีเพื่อนคนนึงแนะนำให้กินอาหารเสริมแทนการอยู่ไฟดูค่ะ เพราะเค้าเองก็ไม่ได้อยู่ไฟเหมือนกัน เพราะเค้าผ่าคลอด หมอไม่ให้อยู่ไฟค่ะ กลัวแผลจะปริ เค้าเลยต้องหาวิธีฟื้นฟูตัวเองด้วยวิธีอื่น เค้าก็ทำคล้ายๆเราแต่มีแนะนำเพิ่มเติมคือให้เคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ ให้กล้ามเนื้อ ข้อต่อ หลัง เอว ที่เคยถูกกดทับหรือรับน้ำหนักมานานๆมันเข้าที่เข้าทางค่ะ แล้วก็กินอาหารเสริมตัวนี้เพิ่มเข้าไปด้วย
มันจะเป็นสมุนไพรแบบที่คนโบราณเค้าบอกให้ต้มกิน ให้อบตัวตอนอยู่ไฟนั่นแหละค่ะ แต่จะเข้มข้นกว่า เค้าบอกว่าสมุนไพรพวกนี้ช่วยเรื่องสุขภาพของแม่หลังคลอดโดยตรงเลย ให้ผลเหมือนกับการอยู่ไฟปกติค่ะ แต่จะสะดวกกว่า ตัวนี้ไม่ใช่อาหารเสริมลดน้ำหนักนะคะ
จากการที่เรากินพวกนม งา ตับ ผัก เสริมแคลเซี่ยมกับธาตุเหล็ก บวกกับกินอาหารเสริมแทนการอยู่ไฟแบบนี้เราว่ามันก็ช่วยได้เยอะนะคะ จากตอนแรกที่คลอดมาใหม่ๆเรายังไม่ได้อยู่ไฟหรือดูแลอะไรตัวเองเป็นพิเศษ ช่วงนั้นจะปวดเมื่อยตามตัวไปหมด ตั้งแต่เอว หลัง ไปถึงต้นคอ นั่งนานๆก็ปวด นอนนานๆก็ปวด ลุกไปทำนู่นทำนี่ก็ยังไม่คล่อง ไหนจะพักผ่อนน้อยเพราะลูกตื่นมาร้อง มาอึ ฉี่ทุก 2 ชั่วโมงเลย อารมณ์อะไรก็ไม่โอเคไปหมด เครียดง่าย อยู่ดีๆก็ร้องไห้ แบบมันรวนไปหมด แต่พอเริ่มมาดูแลตัวเองแบบนี้แล้วรู้สึกว่าร่างกายมันสดชื่นขึ้นเยอะค่ะ ดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลยค่ะ นอกจากเรื่องปวดเมื่อยจะหายไปแล้ว เรารู้สึกว่าหน้าตามันดูสดใสขึ้นด้วย น่าจะเพราะเลือดมันหมุนเวียนดีขึ้นนะ เท่าที่กินตามสูตรแบบนี้มาเราว่ามันก็ให้ผลลัพธ์พอๆกับการอยู่ไฟที่เคยได้ยินมาเลย แต่วิธีนี้จะสะดวกกว่า ง่ายกว่า แล้วก็ได้คุณค่าจากสมุนไพรไทยที่เข้มข้นกว่า ระหว่างที่กินก็สามารถให้นมลูกได้ปกติเลยค่ะ
แต่ถ้าใครมีเวลาและสะดวกที่จะอยู่ไฟแบบปกติก็ทำได้ปกติค่ะ แต่เรานี่ไม่สะดวกจริงๆพอเจอวิธีที่ง่ายกว่า เราเลยเลือกวิธีนี้แทน เรื่องแบบนี้เราไม่อยากให้ไปฟิกซ์หรือทำตามกรอบอะไรมากค่ะ เพราะสุขภาพแต่ละคนหรือปัจจัยการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยังไงก็เลือกวิธีที่สะดวกและเหมาะกับเรามากที่สุดก็พอ จะได้เลี้ยงลูกแบบมีความสุขในทุกๆวันค่ะ หวังว่าจะเป็นประโชยน์ไม่มากก็น้อยนะคะ
แชร์วิธีการดูแลตัวเองแบบคุณแม่ยุคใหม่สายสตรอง ที่เลือกคลอดเองแต่ไม่อยากอยู่ไฟ
สวัสดีค่ะแม่ๆและว่าที่คุณแม่ทุกคน เราเองเป็นแม่ที่ค่อนข้างจะหัวสมัยใหม่นิดนึงค่ะ ^^ ตั้งแต่ช่วงที่เริ่มรู้ตัวว่าตั้งท้อง จนถึงตอนนี้ที่คลอดลูกมาแล้ว เราก็ดูแลตัวเองในแบบแพทย์สมัยใหม่มาตลอดเลย ทั้งเรื่องการทำงาน การดูแลตัวเอง อาหารการกิน
แต่ถ้าใครที่มีคุณแม่ หรือญาติๆอยู่ดูแลใกล้ชิดเวลาท้องแบบเราคงพอจะนึกออกนะคะว่าเค้าจะมีความเชื่อ มีแนวทาง วิธีการแบบพื้นบ้าน หรือวิถีโบราณมาคอยสอน คอยกำกับเราตลอดเวลา แต่เราจะไม่ค่อยได้ทำตามเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อนะ เราเชื่อว่าของโบราณหรือภูมิปัญญาสมัยก่อนเค้าก็มีดีอยู่ในตัว ไม่งั้นคนโบราณคงไม่เห็นผลและเชื่อถือกันมาจนถึงป่านนี้เนอะ แต่เราก็คิดว่าสมัยนี้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆมันก็ไปไกลแล้ว และเราก็คิดว่ามันน่าจะดีกว่าเดิมแน่ๆ อีกอย่างฝรั่งบ้านอื่นเมืองอื่นเค้าก็น่าจะไม่ได้อยู่ไฟเหมือนเรา แต่เค้าก็ยังแข็งแรง ใช้ชีวิตปกติได้เลย เราเลยเลือกที่จะใช้วิธีแบบสมัยใหม่แทนการอยู่ไฟแบบเดิม แล้วมันดีกับสุขภาพ เลยอยากจะมาแชร์วันนี้ เผื่อเป็นทางเลือกสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ที่กำลังหาข้อมูลอยู่นะคะ
เราไม่แน่ใจว่าสมัยนี้คนส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะคลอดด้วยตัวเองแบบเรากันเยอะมั้ย แต่ถ้าใครคลอดเองเนี่ยต้องเคยผ่านหรือได้ยินเรื่องการอยู่ไฟทุกคนแน่ๆ ของเรานี่ก็โดนทั้งแม่ตัวเองและแม่สามีพยายามจะให้อยู่ไฟมาตลอดตั้งแต่หลังคลอดค่ะ แต่จนแล้วจนรอดแล้วก็ไม่ได้อยู่ไฟซักที ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีเวลา และเราคิดว่ามันวุ่นวาย อันนี้ปัญหาหลักเลยค่ะ เราเคยอ่านรีวิวการอยู่ไฟมาเยอะมาก ครั้งนึงต้องใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน ซึ่งเราไม่สะดวกอย่างแรง เพราะจะต้องหมดเวลาชีวิตไปกับการอยู่ไฟแบบนั้น ไม่เอาแน่ๆค่ะ
ช่วงแรกประมาณ 4 , 5 วันแรกหลังคลอด เราก็เพลียๆเหนื่อยมากค่ะ เพราะนอนน้อยด้วย ปั๊มนมลูกด้วย ช่วงนั้นเครียดมาก แล้วก็สังเกตว่านอนห้องแอร์เหมือนทุกวัน แต่รู้สึกหนาวกว่าปกติ แต่ก็ไม่อยากอยู่ไฟค่ะ เราเลยเริ่มหาวิธีอื่นแทนการอยู่ไฟ เราสังเกตว่าการอยู่ไฟเนี่ยจะเป็นการอยู่กับธรรมชาติและใช้สมุนไพรเป็นหลัก เราคิดว่าน่าจะแค่หาอะไรใกล้ๆตัวกินก็พอแล้ว เลยไปลองถามเพื่อนๆที่เป็นคุณแม่กับหามูลในเน็ตเพิ่ม เห็นมีแม่ๆแนะนำกันไว้หลายอย่างมาก เราก็เลือกวิธีที่ง่ายๆ แล้วก็เหมาะกับเรา คือคุณแม่ท่านนึงแนะนำให้กินอาหารที่เสริมแคลเซี่ยมกับธาตุเหล็กพวกผักใบเขียวเป็นหลัก ที่เรากินก็จะมี นมถั่วเหลือง นมวัว กินสลับกันค่ะ
สามีซื้อแคลเซี่ยมแบบเม็ดมาเสริมให้ด้วย ก็สะดวกดีค่ะ
ตัวนี้จะเป็นแคลเซียม+วิตามินดีค่ะ ตัววิตามินดีนี่จะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมจากระบบทางเดินอาหารค่ะ
นอกจากพวกนมต่างๆแล้วหลายคนก็แนะนำให้กินพวก งาดำ ตับ แล้วก็ผักใบเขียวเยอะๆค่ะ คือเน้นไปที่แคลเซี่ยมกับธาตุเหล็กเลย แล้วเราไปเห็นแม่ๆบางคนแนะนำให้กินยาสตรีด้วยค่ะ เราก็ลองไปซื้อมากินเหมือนกันแต่กินไม่รอดค่ะ รสชาติกับกลิ่นมันไม่โอเคอย่างแรง เหมือนกินยาดองเลยอ่ะ เราก็ไม่กล้ากินต่อเพราะเราต้องให้นมลูกด้วย กลัวจะมีผลข้างเคียงกับลูกค่ะ (อันนี้คิดไปเองค่ะ) กินไปได้แค่ไม่กี่ครั้งเอง
พอเรากินยาสตรีไม่ได้ สามีเราก็เลยไปหาอย่างอื่นมาเสริมให้ค่ะ เค้ากลัวว่าแค่นม ถั่ว งา อะไรมันจะไม่พอ เลยไปถามเพื่อนๆที่มีลูกก่อนหน้าเราว่านอกจากพวกนี้แล้วจะมีอะไรช่วยทดแทนการอยู่ไฟได้อีกบ้างมั้ย ก็มีเพื่อนคนนึงแนะนำให้กินอาหารเสริมแทนการอยู่ไฟดูค่ะ เพราะเค้าเองก็ไม่ได้อยู่ไฟเหมือนกัน เพราะเค้าผ่าคลอด หมอไม่ให้อยู่ไฟค่ะ กลัวแผลจะปริ เค้าเลยต้องหาวิธีฟื้นฟูตัวเองด้วยวิธีอื่น เค้าก็ทำคล้ายๆเราแต่มีแนะนำเพิ่มเติมคือให้เคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ ให้กล้ามเนื้อ ข้อต่อ หลัง เอว ที่เคยถูกกดทับหรือรับน้ำหนักมานานๆมันเข้าที่เข้าทางค่ะ แล้วก็กินอาหารเสริมตัวนี้เพิ่มเข้าไปด้วย
มันจะเป็นสมุนไพรแบบที่คนโบราณเค้าบอกให้ต้มกิน ให้อบตัวตอนอยู่ไฟนั่นแหละค่ะ แต่จะเข้มข้นกว่า เค้าบอกว่าสมุนไพรพวกนี้ช่วยเรื่องสุขภาพของแม่หลังคลอดโดยตรงเลย ให้ผลเหมือนกับการอยู่ไฟปกติค่ะ แต่จะสะดวกกว่า ตัวนี้ไม่ใช่อาหารเสริมลดน้ำหนักนะคะ
จากการที่เรากินพวกนม งา ตับ ผัก เสริมแคลเซี่ยมกับธาตุเหล็ก บวกกับกินอาหารเสริมแทนการอยู่ไฟแบบนี้เราว่ามันก็ช่วยได้เยอะนะคะ จากตอนแรกที่คลอดมาใหม่ๆเรายังไม่ได้อยู่ไฟหรือดูแลอะไรตัวเองเป็นพิเศษ ช่วงนั้นจะปวดเมื่อยตามตัวไปหมด ตั้งแต่เอว หลัง ไปถึงต้นคอ นั่งนานๆก็ปวด นอนนานๆก็ปวด ลุกไปทำนู่นทำนี่ก็ยังไม่คล่อง ไหนจะพักผ่อนน้อยเพราะลูกตื่นมาร้อง มาอึ ฉี่ทุก 2 ชั่วโมงเลย อารมณ์อะไรก็ไม่โอเคไปหมด เครียดง่าย อยู่ดีๆก็ร้องไห้ แบบมันรวนไปหมด แต่พอเริ่มมาดูแลตัวเองแบบนี้แล้วรู้สึกว่าร่างกายมันสดชื่นขึ้นเยอะค่ะ ดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลยค่ะ นอกจากเรื่องปวดเมื่อยจะหายไปแล้ว เรารู้สึกว่าหน้าตามันดูสดใสขึ้นด้วย น่าจะเพราะเลือดมันหมุนเวียนดีขึ้นนะ เท่าที่กินตามสูตรแบบนี้มาเราว่ามันก็ให้ผลลัพธ์พอๆกับการอยู่ไฟที่เคยได้ยินมาเลย แต่วิธีนี้จะสะดวกกว่า ง่ายกว่า แล้วก็ได้คุณค่าจากสมุนไพรไทยที่เข้มข้นกว่า ระหว่างที่กินก็สามารถให้นมลูกได้ปกติเลยค่ะ
แต่ถ้าใครมีเวลาและสะดวกที่จะอยู่ไฟแบบปกติก็ทำได้ปกติค่ะ แต่เรานี่ไม่สะดวกจริงๆพอเจอวิธีที่ง่ายกว่า เราเลยเลือกวิธีนี้แทน เรื่องแบบนี้เราไม่อยากให้ไปฟิกซ์หรือทำตามกรอบอะไรมากค่ะ เพราะสุขภาพแต่ละคนหรือปัจจัยการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยังไงก็เลือกวิธีที่สะดวกและเหมาะกับเรามากที่สุดก็พอ จะได้เลี้ยงลูกแบบมีความสุขในทุกๆวันค่ะ หวังว่าจะเป็นประโชยน์ไม่มากก็น้อยนะคะ