สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลย ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรขออภัยด้วยนะคะ

ตามมากันเลยค่าาา

     ทริปครั้งนี้เตรียมตัวก่อนออกเดินทางไม่ถึงสัปดาห์เพราะช่วงนี้ยุ่งมาก แต่การไปจันทบุรีไม่ยากอย่างที่คิด หลายคนอาจจะคิดว่าจันทบุรีมีอะไรที่น่าสนใจ ทำไมไปจังหวัดนี้ ลองดูจากกระทู้ไว้เป็นข้อมูลได้นะคะ ขอเริ่มจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิกันก่อนเลย กว่าเราจะมาถึงอนุสาวรีย์ฯก็8โมงเช้าแล้ว พอมาถึงก็ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงสถานีเอกมัย ลงทางออกที่2 เจอขนส่งเอกมัยเลยค่ะ หาไม่ยาก ในการเดินทางครั้งนี้เราลงความเห็นว่าไปรถทัวร์จะสะดวกสบายกว่า(แอบหาข้อมูลมาแล้วว่าเดินทางประมาณ3ชั่วโมง)

     เริ่มเดินทาง 08.30น. ถึง บขส.จันทบุรี ประมาณบ่ายโมง พอไปถึงก็งงเลยว่าจะไปยังไงต่อ มองซ้ายมองขวาก็มีทางเลือกอยู่2ทางคือ พี่วินมอเตอร์ไซค์กับรถมาสด้า(คล้ายรถสองแถวแต่คันเล็กกว่ามาก) แต่ด้วยสัมภาระของเราคิดว่าไปรถมาสด้าดีกว่า คุณลุงคิดค่าไปส่งที่ชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์ 60 บาท ระหว่างทางผ่านตลาดค้าพลอยด้วย แต่ไม่ได้แวะหรือถ่ายรูปเก็บไว้เลย

     คุณลุงมาส่งเราไกลมากกก ด้วยความหวังดีอยากให้เราเดินชมชุมชน แต่สถานที่พักที่เราจองไว้คือบ้านหลวงราชไมตรี พอดีช่วงที่เราไปไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นเลยได้ที่พักสวยๆมาแบบสบายๆ กว่าจะเดินถึงก็กินแรงไปมากพอสมควรเลยค่ะ

     บ้านหลวงราชไมตรีเป็นบ้านพักในแบบที่เราชอบเลย มีกลิ่นอายของความเก่าแต่ใหม่ งงใช่ไหมล่ะ มีภาพมาบรรยายประกอบ มาถึงพนักงานต้อนรับเป็นอย่างดี มีน้ำมารับรองแขกด้วย(ดื่มแล้วแก้กระหายดีมาก แต่ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าน้ำอะไร) ห้องที่เราจะเข้าพักในคราวนี้คือ ห้องพลอย ชื่อห้องในบ้านหลวงราชไมตรีแห่งนี้ไม่มีเลขห้องแต่ใช้การเรียกชื่อบุคคล สิ่งของหรือสถานที่ที่สำคัญในยุคก่อนแทน สามารถเข้าไปชมห้องพักกันได้ที่เว็บไซต์ของ "บ้านพักประวัติศาสตร์ หลวงราชไมตรี" ตอนเช็คอินจะมีค่าประกันกุญแจ(ได้คืนตอนเช็คเอาท์) และให้เราเลือกอาหารเช้า มีให้เลือก3แบบ คือ breakfast(ไข่ดาว+ฮอทดอก) ข้าวต้ม และก๋วยจั๊บ แต่ก็จะมีส่วนที่เป็นบุฟเฟต์อาหารเช้าไว้ให้ด้วย ที่นี่จะทำอาหารเช้ามาพอดีกับจำนวผู้เข้าพัก ต้องแจ้งไว้ก่อน

     พอเช็คอินเสร็จ เตรียมของออกเดินทาง วันนี้ตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นริมชายหาดกันก่อน แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะไปยังไง ที่ปรึกษาเดียวของเราตอนนี้คือพี่ๆที่ล็อบบี้ พี่ที่ล็อบบี้บอกว่าไปมาสด้าคิดราคาวันละหลายร้อยเลย(ใครอยากรู้จริงๆหลังไมค์มาได้ค่ะ) อีกทางคือเช่ารถมอ'ไซค์วันละ300บาท อ้าวเฮ้ย เข้าทางเลย(เราขี่มอ'ไซค์คล่อง ไว้วันหลังมีเวลาจะทำรีวิวการขี่มอ'ไซค์เที่ยวที่อื่นบ้าง ดองไว้เกือบ10ที่แล้ว 5555) พี่ๆใจดีมากโทรติดต่อร้านให้เราเรียบร้อย แถมคุณป้าที่ร้านก็เอารถมารับที่ปากซอยเลย สะดวกกับคนต่างถิ่นที่เพิ่งเคยไปเที่ยวมากๆ

     เราเช่ามอ'ไซค์1วัน วันละ300บาท(มีค่าประกัน1,000บาท จะได้รับคืนตอนเอารถมาคืน) คุณป้าใจดีมาก ย้ำเราประมาณ5รอบได้เรื่องเส้นทาง การใช้รถ และเรื่องความปลอดภัย(สงสัยหน้าเด็กเกิน ป้าไม่ไว้ใจ เหอๆๆ) คุณป้ามีแผนที่ให้และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้ ที่สำคัญมากกกคือมีชุดกันฝนให้ด้วย ยังไม่ทันก้าวขาออกจากร้านฝนก็ตกลงมาให้ชุ่มฉ่ำแล้ว

     พอฝนหยุดตกเราก็ลั้ลลาขี่มาตามทางที่คุณป้ากำชับเรา พอขี่มาได้12กิโลเมตรฝนก็ลงอย่างหนักเลยจ้าาา พายุเข้า พายุเข้าา พายุเข้าาา แรกๆก็พอต้านลมฝนไหวอยู่หรอก รอจังหวะที่เข้าตัวอำเภอท่าใหม่ก็ตัดสินใจเอาชุดกันฝนของคุณป้าออกมาใส่ ได้ยินเสียงคุณป้าร้านซักรีดแถวนั้นตะโกนว่า 'หนูๆ เข้ามาหลบฝนกันก่อน' จังหวะนั้นซาบซึ้งใจมาก พอแต่งชุดกันฝนเสร็จก็กล่าวขอบคุณคุณป้าร้านซักรีดแล้วออกเดินทางต่อ หลายคนอาจจะสงสัยว่าฝนตกทำไมไม่หยุดพักรอฝนหยุดแล้วค่อยไป คือไม่รู้ว่าฝนจะหยุดกี่โมงกว่าจะไปถึงแล้วต้องรีบกลับอีก(คุณป้าร้านเช่ารถกำชับมาอีกว่าให้รีบกลับก่อนมืดเพราะทางไม่ค่อยมีไฟทาง) เอาวะ ค่อยๆขี่ไป สุดท้ายพอมาถึงทางลงหาดฝนก็หยุดตกพอดี(หาดคุ้งวิมาน) ดีใจมากกก ขนาดฝนเพิ่งหยุดตกไปน้ำทะเลยังใสเลยค่ะ มีภาพมาประกอบ มีหลายครอบครัวมานั่งทานอาหารทะเลริมชายหาดทำให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาเกินไป มีเด็กๆวิ่งเล่นน้ำกันอย่างมีความสุข ขนาดเราเองยังอดใจไม่ให้เดินลุยทะเลไม่ได้เลย

     เดินเล่นสักพักก็มานั่งทานอาหารทะเลริมชายหาด นี่คือเป้าหมายหลักของการมาในครั้งนี้เลย 555 นั่งทานอาหารทะเลแล้วนั่งมองคลื่นไปเรื่อยๆ มันสุขใจนะ เสียดายมาแล้วไม่ได้ไปดูถนนเส้นเฉลิมบูรพาชลทิศเพราะฝนเพิ่งตกหนักไป ไม่สะดวกในการขี่ไปดูจริงๆ

     พอถึง17.30น. ก็เริ่มขี่กลับแล้ว กลับมาถึงบ้านหลวงราชไมตรีก็อาบน้ำสระผมเตรียมออกไปตลาดกลางคืนกัน แต่......พอลงมาที่รถเท่านั้นแหละ ฝนก็เริ่มตกทันที แต่ฝนเราไม่กลัว กลัวไม่มีอะไรกินมากกว่า เลยขี่ไปดูของกินที่ตลาดน้ำพุ มีร้านมาขายแบบนับนิ้วได้เลย เราเลยไปต่อที่ตลาดซุ้ย ตลาดซุ้ยมีร้านมาเปิดเยอะกว่าที่ตลาดน้ำพุ ค่อยยังชั่ว ใครที่เพิ่งเคยมาที่นี่ต้องศึกษาเส้นทางกันสักนิดนะเพราะทางในเมืองเป็น one way เยอะมาก แถม!!!เชื่อ google ไม่ได้ด้วย พาไปทางตัน ทางชัน ทางอ้อมตลอด ให้เชื่อการดูแผนที่ด้วยตัวเองดีกว่า พอกินอิ่มก็นอนหลับ ที่นอนที่นี่หลับสบายมากเลย การันตีจากการไปนอนพักมาหลายที่ ขอคอนเฟิร์มว่านอนสบายจริงๆ

     เช้าวันถัดมาตื่นสายนิดหน่อยเพราะลืมตั้งนาฬิกาปลุก กว่าจะรู้สึกตัวก็6โมงเช้าแล้ว ออกไปดูที่ระเบียงไม่เห็นวี่แววของพระอาทิตย์เลย ไม่แน่ว่าวันนี้ฝนอาจจะตกอีกหรือเปล่า พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมาทานข้าวเช้าที่ส่วนระเบียงชั้นล่าง นั่งชมวิวแม่น้ำ อาหารเช้าคือเต็มอิ่มมาก ตัวตึงท้องตึงไปหมด นอกจากจะเยอะแล้วยังอร่อยอีกด้วย

ชุดข้าวต้ม เสิร์ฟพร้อมไข่ลวก น้ำเต้าหู้ใบเตยและขนมตะโก้ ชุดbreakfast ไข่ดาว+ฮอทดอก เสิร์ฟพร้อมสลัด น้ำส้มและขนมตะโก้

     ทานข้าวเช้าจนอิ่มหนำแล้วก็ไปเดินในชุมชนริมน้ำจันทบูรณ์กันค่ะ ร้านเพิ่งเปิดกันไม่ถึง10ร้าน แต่คนน้อยเหมาะกับการถ่ายรูปมากๆ

     เป็นบรรยากาศที่เงียบสงบมากๆ เหมือนย้อนกลับไปในอดีตจริงๆ ระหว่างทางพบเจอแมวเหมียวเยอะมาก ศิลปะและสถาปัตยกรรมในชุมชนให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสมัย ร.5

ภาพด้านล่างนี้มันบอกความหมายอะไรได้หลายอย่างจริงๆ

เจอแมวเหมียวอีกตัวแอบมองพวกเราอยู่ น่ารักมาก อย่างกับมีหนวดเลย

     เลี้ยวซ้ายไปโบสถ์กันค่ะ ว่ากันว่าโบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่สวยงามที่สุด ชื่อว่า "โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล"

     ดูภายนอกใหญ่โตมากค่ะ แต่เสียดาย วันที่เรามาเป็นวันอาทิตย์ ชาวคริสต์เขามาโบสถ์กันค่ะ งดเข้าชม เลยอดเข้าไปดูภายในโบสถ์เลย ถ้ามีโอกาสคราวหน้าจะต้องเข้าไปดูภายในให้ได้

มาต่อในคอมเม้นนะคะ ♡