วันที่ ๑
๐๘.๐๐     เดินทางออกจากชลบุรี
๑๐.๐๐     ไหว้พระขอพร วัดเขาสุกิม จังหวัด จันทบุรี
๑๒.๐๐     ทานมื้อเที่ยง ณ ฟาร์มปูนิ่ม อำเภอ ขลุง
๑๓.๐๐     เดินทางเข้าสู่เมืองจันทบุรี
๑๔.๐๐     เช็คอินท์ บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี ณ ชุมชนริมแม่น้ำจันทบูร
๑๕.๐๐     ปั่นจักรยานของทางบ้านพักสำรวจเขตชุมชนริมน้ำ
๑๖.๐๐     ทานอาหารว่างในชุมชนริมน้ำ บ้านเลขที่ ๔๔ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ " ร้านเจ๊อี๊ด "
๑๗.๐๐    โบสถ์อาสนวิหารพระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล ชุมชนริมแม่น้ำ
๑๘.๐๐     ร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารัก "บางเวลา" หรือ "Sometime"  ชุมชนริมน้ำ
๒๐.๐๐     ทานมื้อค่ำ ร้าน"ท่ามาจันทร์" ชุมชนริมน้ำ
๒๒.๐๐     กลับบ้านพักหลวงราชไมตรรีและพักผ่อนตามอัธยาศัย
( ทางบ้านพักหลวงราชไมตรี มีเวลาปิดบ้าน เป็นเวลา ๒๒.๐๐น หรือ ๔ ทุ่ม )

ภาพการเดินทางพร้อมรายละเอียด

---

๑.วัดเขาสุกิม
อีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองจันทร์ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ว่าจะฝึกความแข็งแรง โดยการเดินขึ้นบันไดไปหรือเลือกที่จะนั่งรถรางไฟฟ้าขึ้นไปแทนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นจ้า

---

๒.ร้านอาหาร "ฟาร์มปูนิ่ม" อำเภอ ขลุง จังหวัด จันทบุรี
ถึงแล้ว? ยั๊ง!! ยังไม่ถึงนะจ้า ต้องนั่งเรือออกไปทานกลางทะเลน้ำก่อย ไปกินปู ดูฟาร์มเลี้ยงปูนิ่ม อากาศตอนนั้นคือเย็นเกือบหนาวเลยจ้า วันธรรมดาเงียบสงบ ปกติเสาร์-อาทิตย์ ทางร้านบอกว่าคนเยอะต้องรอคิวหน่อย ราคาปูนิ่มตอนนี้เหมือนจะขึ้น50บาทนะค่ะ >>>เมนูที่สั่ง
ต้มยำทะเล             150
ปูนิ่มทอดกระเทียม   200
ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ  200
ข้าว 2 จาน             จำไม่ได้
**รวมประมาณ 5 ร้อยกว่าบาท  ถือว่าไม่แพงนะค่ะ บรรยากาศ รสชาติอาหาร การบริการ ดีเยี่ยมจ้า หึ ! ไม่รอจ้า มาแล้วจ้า ลุยจ้า!
ถึงแล้วก็จอดรถ เดินไปบอกคนแถวนั้นว่าไปฟาร์มปูนิ่มจ้า แล้วขึ้นเรือไปกันเลย
ถึงแล้วจ้า

---

๓.ชุมชนริมน้ำจันทบูร และ บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี เป็นถนนเก่าที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน ศิลปวัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่มาความเป็นนานมากกว่า 300ปี และเคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ทึ่สุด มีความเจริญรุ่งเรื่องมากที่สุด โดยมีการพยายามอนุรักษ์ไว้ให้อยู่ในสภาาพเดิม เพื่อให้สถานที่ท่องเที่ยว เหมือนย้อนกลับไปในอดีต มีกลิ่นไอความเก่าและดั้งเดิม ทั้งบ้านเก่า ชิมของกินพื้นถิ่น มุมถ่ายรูปย้อนยุค
เอาเป็นว่าขอขอบคุณข้อมูลไว้กับเว็ปนี้เลยจ้า น่าสนใจที่สุด
https://www.baanluanglajamaitri.com/history/
ครั้งแรกที่ได้มาสัมผัสก็รู้สึกหลงไหลเป็นอย่างมาก บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี บ้านเลขที่ ๒๕๒ บนถนนสุขาภิบาล เป็นบ้านอายุราว ๑๕๐ ปี บ้านของท่านหลวงราชไมตรี มีบ้านอยู่๒หลัง เป็นบ้านไม้สัก๒ชั้น ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทย ส่วนอีกหลังอยู่ฝั่งตรงข้าม เป็นบ้านตึกเป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่ง ทั้งสองที่นี้อยู่ติดริมน้ำจันทบุรี ปัจจุบันได้ปรับปรุง เปิดให้เป็นบ้านพักเมื่อปลายปี พ.ศ ๒๕๕๗ โดยเปิดเป็นบ้านพักประวัติศาสตร์ ลักษณะ บูทิคโฮเทลที่ใฃ้บ้านเก่าแก่ มาปรับแต่งให้เป็นห้องพักทั้งหมด ๑๒ ห้อง แต่ละห้องมีชื่อ และมีเรื่องเล่าในเชิงประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีของใช้ส่วนตัวของท่านหลวงราช น้ำมาตั้งโชว์ตามจุดต่างๆ เช่นถ้วยชามเครื่องคิดเลข ทำให้รู้สึกเหมือนได้พักอยู่ในบ้านที่อบอุ่น พร้อมทั้งชมพิพิธภัณฑ์ด้วย

---

๔.ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ "เจ๊อี๊ด" บ้านเลขที่ ๔๔ สำหรับคนที่ชอบอาหารทะเล รสชาติอร่อยและคุ้ม เวลาเปิดปิด ๘.๐๐น-๑๖.๐๐น
ขอบคุณเจ๊อี๊ดกับภาพสวยๆ

---

๖.ร้าน "บางเวลา" กาแฟและแกลเลอรี่ ร้านนี้น่าสนใจ จุดเด่นคือเข้าไปจะเห็นโพสการ์ดเรียงอยู่เป็นจำนวนมาก และมีภาพลายเส้นตัวการ์ตูน มาจากฝีมือพี่ผู้ชายเจ้าของร้านและเป็นนักเขียนการ์ตูนของ "ขายหัวเราะ" ชื่อดังที่ใช้นามปากว่า "น้อยหน่า"  แต่ตอนเราไปเจอแต่พี่ผู้หญิงซึ่งเป็นแฟนกันนั่นเอง น่ารักแถมกาแฟอร่อย

---

๕.อาสนวิหารพระนางมารีอาปฎิสนธินิรมล เป็นสถานที่ไฮไลท์ของการท่องเที่ยวในจันทบุรีเลยก็ว่าได้ โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่เรียกว่า "ศิลปะโกธิค"และทุกวันคริสมาสจะมีงานแสดง 3D Animation Mapping บนอาสนวิหารฯ เขาว่ากันว่า สวยมากๆค่ะ

---

๖.ร้าน "ท่ามาจันทร์ " ขอจบมื้อค่ำข้างริมน้ำและนั่งดูพระจันทร์ ร้านนี้บรรยากาศสุดคำบรรยาย วันนั้นช่างหนาวและอบอุ่นเป็นเวลาเดียวกัน
ฟังเพลงเก่าและดนตรีสด เจ้าของร้านทักทายดูใส่ใจลูกค้าและบริการที่ดี สุดท้าย ทางร้านนำเสนออาหารได้หน้าตาหน้าทานที่สุด
เมนูที่สั่ง: ไก่ฝอยทอดสมุนไพร,ดอกไม้ทอด,ต้มข่าปลากระพงใบมะขาม,ลาวาบราวนี่,ช็อคโกแลตนิวทรีล่า