เรื่องเล่าจากร้านเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ
ผมเคยเขียนกระทู้ทำ เฟอนิเจอร์จากท่อประปา DIF ไว้ก็ ประมาณ 2-3 ปีแล้วนะครับ กระทู้จะเก่ามาก แต่มีคนหลังไมค์มาถามอยู่เรื่อยๆ อาจเป็นเพราะ search engine ตอนแรกๆ ก็ตอบเท่าที่รู้ หาอ่านจากในเน็ตบ้าง ลองทำบ้าง พอทำบ่อยๆ เข้า ความชำนาญเริ่มมี อาจจะเหมือนๆ คนส่วนใหญ่ที่เริ่มเปิดร้านขายของ คือ ทำแล้ว โพสต์เล่น ๆเองในเฟส เพื่อนมาชม กดไลค์ (สวยบ้าง เน่าบ้าง) เราก็บ้าทำแจกบ้าง มีคนสอบถามเข้ามา ส่งรูปมา ถามว่าทำได้ไหม เราอยากลองทำ ก็รีบตอบตกลง ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำแบบนั้น ส่วนราคา ก็คิดเฉพาะทุน บวกค่าแรงนิดหน่อย บางทีคำนวนผิด ขาดทุนก็เอา ทำไปทำมา ผ่านมา เกือบสองปี สุดท้ายจึงกลายมาเป็นร้านเล็กๆในปัจจุบัน
กระทู้นี้ จะเขียนให้ถูกกติกาเป้ะๆ คือไม่โพสต์ link ,facebook หรือ โฆษณาขายของอะไรนะครับ เพื่อไม่ให้คนอ่านรำคาญ และเสี่ยงต่อการถูกลบกระทู้อีก ถ้ามีข้อความไหนเหมือนทำผิด แจ้งเตือนให้เอาออกได้นะ แต่อย่าลบเลย อุตส่าห์พิมพ์ตั้งนาน ที่มาเล่าในพันทิพ เพราะสนุกดี เคยเล่าเรื่องแต่งห้องตัวเอง แล้วพันทิพเลือกว่าเป็นหนึ่งในหลายๆ กระทู้ที่ให้แรงบันดาลใจในการแต่งห้อง ได้ที่รองแก้วน้ำมา อารมณ์ประมาณเหมือน JK rowling ตอน Harry potter ถูกซื้อไปสร้างหนัง ความปิติหลั่งไหล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/32808358
ตอนเปิดเพจขายของแรกๆ ถ้าเป็นพวกเครื่องสำอาง ขายครีม เจ้าของเพจส่วนใหญ่จะเป็นคนหน้าตาดี มีคน follow ในเฟสเยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี พอลงขาย คนเห็นเยอะ แต่เราเพื่อนน้อย หน้าตาน่ากัว วิธีที่ง่ายสุด ให้คนเห็นเยอะๆ ก็ลงโฆษณาในเฟส ราคาไม่แพง มีหลาย package เลือกได้ ถ้าไม่ชัวร์ ก็เลือก package ที่ถูกที่สุดก่อน มีเพื่อนของเพื่อนทำอยู่ ตอนแรกเอารูปของที่เราเคยทำ ส่งไปให้เค้าดู ให้เค้าทำ banner ให้ เลือกกลุ่มเป้าหมายให้ พอเค้าเห็นรูป เค้าก็แนะนำว่า รูปพี่น้อยเกิ้น แบบนี้ มันดูไม่น่าสนใจ เลือกรูปมาใหม่ ตอนนั้นก็เพิ่งเปิดร้าน ของส่วนใหญ่ก็เป็นของทำตามสั่ง ไม่มี order ไม่ทำ เลยต้องรอสักพัก สร้าง profile พอให้มีรูปสวยๆ บ้าง แล้วเริ่มส่งให้เพื่อนลงโฆษณาในเฟส เพื่อนบอกว่า มีปั้มยอด like ด้วยนะ เอามั้ย จะอาแบบหลักร้อย หลักพันมีหมด ยอด like แบบนั้น เข้าใจว่าเป็นยอดหลอกๆ พวกaccount หลอกๆ ที่ตั้งขึ้น จะมา like เรา แต่ไม่มีผลเรื่องของการขาย เพราะพวกนี้ไม่ใช่คนที่จะมาเป็นลูกค้า แต่มันอาจจะทำให้เพจดูน่าเชื่อถือ แต่ผมปฏิเสธไป เพราะอยากลองเล่นๆ ถ้าไม่ work ก็จะเลิกทำ
อันนี้เป็น ผลงานแรก ๆ จะทำแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาก
ตอนแรกๆ ยอด like จะเพิ่มเยอะพอสมควร จำไม่ได้ว่าซื้อไปกี่เดือน ยอด like ขึ้นมาระดับหนึ่ง พอหมดเวลาโฆษณา ยอด like จะหยุด ขยับช้าลง แต่พอมีผลงาน ลงอัพเดจ ก็จะมีคนมากด like เพิ่มเอง ถึงตอนนี้ ก็มียอดไลค์ ขยับอยู่ มีงานเข้ามาเรื่อยๆ เท่าที่สังเกตุประมาณ 30-40% ของคนที่สอบถาม จะสั่งทำ ที่เหลือคือ สนใจว่าทำแบบที่เค้าต้องการได้ไหม ราคาเท่าไหร่ เป็นแผนงานในอนาคต อาจจะกำลังแต่งบ้านอยู่ เปรียบเทียบกับเฟอนิเจอร์แนวอื่น ซึ่งประมาณ 20% ของกลุ่มนี้ เวลาผ่านไป ก็มาสั่งซื้อของกับทางร้านทีหลัง
อันนี้เป็นรูปผลงานบางส่วนนะครับ
งานตอนแรกๆ ทำเองหมด มีงานเล็ก งานน้อย รับทำจนมั่วไปหมด ตอนแรกๆ จะเน้นราคาถูกไว้ก่อน ทำให้รูปในเพจ ไม่สวยเท่าที่ควรจะเป็น เช่นงานชิ้นใหญ่ บางชิ้นควรใช้เหล็กใหญ่ 6 หุน เราก็อยากประหยัด เพื่อเรียกลูกค้า เลยใช้เหล็ก 4 หุน งานสี พ่นมือ ได้ราคาตามที่ลูกค้าต้องการจริง งานจะสวยประมาณ 95%. ตอนหลังเน้นคุณภาพมากขึ้น บอกลูกค้าตามตรงว่า ถ้าใช้ท่อเล็ก มันจะไม่สวย ทำให้เป็นมาตรฐาน หลังๆ ผลงานที่ถ่ายรูปออกมา จะสวยขึ้น แต่บางชึ้น ลุกค้าอยากได้เหล็กเส้นเล็กจริงๆ เราก็จัดให้ เรื่องพ่นสี ตอนหลังส่งอบพ่นหมด อยากได้ ดำเงา ดำด้าน ดำทราย มีหมด แต่ลุกค้าส่วนใหญ่จะให้เราตัดสินใจไปเลย ดำด้านเป็นงานที่คนนิยมมากสุด(สำหรับร้านผมนะ)
รูปนี้เป็นแบบสีดำเงานะครับ ลูกค้าเลือกสีเอง
รูปนี้เป็นตอนขนของไปลงที่บ้านลูกค้า ท่อเหล็กจะเป็นแบบดำด้าน หรือดำด้านเม็ดทราย จำไม่ได้แล้ว
ลูกค้าเกือบ 100 % มาจากทางเนต เพราะฉะนั้น อย่าแปลกใจถ้าลูกค้าจะมาขอดูหน้าร้านก่อนจ่ายเงิน หลอกจ่ายมัดจำแล้วปิดพจหนี มีเยอะ แต่บางทีหลังจากลูกค้ามาดูหน้าร้านแล้ว ก็หายไปเลยก็มี เพราะที่ร้านไม่มีอะไรโชว์ นอกจากบางทีมีของสั่งทำเสร็จ รอนัดวันไปส่ง เราก็พยายามจะบอกทางลูกค้าว่า ความจริงแล้ว มันเหมือนที่เก็บของผสมที่ทำงานนะ มันเป็นร้านตามสั่ง ไม่ได้โชว์รูมเฟอนิเจอร์ แต่พอมีงานในเพจเยอะๆ ลูกค้าที่จะมาขอดูหน้าร้านเริ่มน้อยลง ส่วนใหญ่มาเห็นร้านอีกทีตอนมารับของ นี่หรือร้าน ไม่เหมือนเลย
งานไม้ ตอนแรกรับทำ สารพัดสี ลองสีแทบทุกสูตร สุดท้ายจะค่อยๆ จับทางตลาดได้ ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการสีเช้ม กับสีเดิม(เห็นลายไม้) ไม่ต้อง fancy ถามว่าทำสีอื่นๆได้ไหม ก็ทำได้ แต่สีที่ต่างจากนี้ จะค่อนข้างแพง เพราะทำแล้ว สีเหลือ โอกาสสีเพี้ยนมี ลูกค้าเคยส่งรูปกับยี่ห้อสีให้ดู ระบุชัดว่าเอายี่ห้อนี้ เบอร์นี้ เราก็จัดให้ตามลุกค้า แต่สุดท้ายก็ไม่เหมือน เพราะ ไม้มีหลายชนิด การดูดซึมสี การขัด การทาเคลือบ มันทำให้สีเพี้ยนไปจากเดิมได้ อธิบายนานกว่าจะเข้าใจ หลังๆ จะให้สีที่เราเคยทำ แล้วส่งให้ลูกค้าดู วิธีนี้ง่ายสุด ผิดพลาดน้อยสุด
อันนี้ลูกค้าอยากได้สีน้ำเงิน ทำออกมาก็สวยดีนะครับ แต่ใช้เวลานานมากกว่าที่คิด สีกว่าจะแห้งดี รอเป็นอาทิตย์
โต้ะสีดำ เคลือบโพลียูลิเทน
แบบที่ทำส่วนใหญ่ เป็นรูปในเวปต่างประเทศ ลูกค้าบางส่วนเปิดหาในเวป แล้วส่งมาให้ทางผมคำนวนราคา ถ้าถูกใจก็ทำ มีบางทีที่ออกแบบเอง แต่มากกว่า 70% จะเป็นแบบที่เห็นกันทั่วๆ ไปใน internet เพียงแต่มาปรับขนาดให้เข้ากับขนาดห้อง มีบางทีที่ลูกค้าวาดแบบมาเองเลยก็มี เราก็พยายามแกะแบบแล้ววาดส่งกลับไปว่า เข้าใจตรงกันแบบนี้นะ ไม่ใช้เราเข้าใจไปเอง ทำออกมาแล้วไม่ใช่
(อันนี้เป็นผลงานชิ้นแรกๆ ลูกค้าออกแบบมาให้เอง แล้วเราเขียนสรุปแบบส่งให้เช็คอีกที อันนี้ขนของขึ้นไป ชั้นสาม นั่งประกอบอีก 4 ชม. (ขนาดจริงๆ ใหญ่และยาวเป็นรูปตัวแอล) ยากที่ต้องออกแบบให้ ได้ตามงบที่ลูกค้ามี แล้วดูแข็งแรงด้วย สุดท้ายก็อสวยตามตั้งใจ (ไม่รู้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเราไหม)
เอาตัวเหล็กปั้มลาย ไปลนไฟ แล้วเอามา กด ทิ้งน้ำหนักให้ดี ลายจะสวย ไม่จาง หรือ ไหม้เกินไป
เสร็จแล้วจะเป็นประมาณนี้ครับ งาม ไม่เหมือนใครดี (คิดเอง)
อันนี้เป็นตัว stamp ที่ไปจ้างร้านทำ เห็นงานไม้ในเวปต่างประเทศ เห็นเค้าทำแล้วดูดีเลยทำบ้าง สิ้นค้าทุกชิ้น ผมจะ stamp ลายนี้ลงไป แต่ถ้าเป็นงานที่อินทีเรียจ้างทำ ผมจะถามก่อนว่าจะให้ stamp ไหม ส่วนใหญ่จะบอกว่าไม่ต้อง stamp ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ตอนนี้เห็นมีหลายร้านเฟอนิเจอร์ในเมืองไทย เริ่มมีตัว stamp ลงไม้แบบนี้เหมือนกัน สังเกตุว่าถ้าไม้ไม่ทำสี (แค่ขัดแล้วเคลือบ) ตราประทับจะชัดเจนสวยงาม แต่ถ้าไม้ทำสี ตราจะดูหม่นๆ หน่อย
(งานติดตั้งตามคอนโด สนุกดี ได้ไปดูห้องสวยๆ ตามคอนโดลูกค้า)
รายได้ ก็ไม่ได้มากมายนะครับ แค่ทำเอาสนุก แต่บางทีงานเยอะมากๆ ทำไม่ทันก็เครียดเหมือนกัน ที่บอกว่างานเยอะ ไม่ใช้ว่างานเยอะมากนะครับ แต่คนทำมีกันอยู่ 3 คน ไม่นับคนรถส่งของ (กระบะ) ที่ต้องจ้างเป็นงานๆ ไป ลูกค้าบางคนสะดวกมารับของที่ร้าน ชีวิตก็จะง่ายขึ้น เคยนัดติดตั้งงานให้ลูกค้า 2 รายในวันเดียวกันแล้วคำนวนเวลาผิด ลูกค้าอีกรายรออยู่ 2 ชม (ขอโทษแบบสุดๆ) หลังจากนั้น ถ้าเป็นงานติดตั้ง เลยพยายาม ติดแค่เจ้าเดียวต่อวัน ทำเสร็จเร็วเสร็จช้า ค่อยๆ ทำ ไม่ต้องเร่ง แบบทำไปกังวลไป
คู่แข่งมีเพียบ เนื่องจากงานแบบนี้มีเจ้าใหญ่ๆ ในตลาดอยู่แล้ว บางเจ้า ก็มีหน้าร้านด้วย โฆษณาของเค้าก็เยอะกว่า คนรู้จักเยอะกว่า แต่พวกนี้มีต้นทุนหมด พอเราไม่มีหน้าร้าน มันก็กลายเป็นข้อดีของเรา ทำให้ต้นทุนเราถูกกว่า ตั้งราคาได้น่าคบกว่า แต่บางงานก็อาจจะขอผ่าน ให้เจ้าใหญ่ๆ ทำ เช่นงานสั่งทำบางแบบที่มีเหล็กเชื่อมเข้ามาเกี่ยว ผมเชื่อมไม่เป็น
งานติดตั้ง ที่บ้านลูกค้าเป็นงานที่เจอปัญหาเยอะสุด สมัยแรกๆ ประสพการณ์น้อย เช่นเตรียมของไปไม่ครบ หรือหน้างานต่างจากในแบบที่ลูกค้าบอก เช่นผนังมีบัวพื้น หรือมีเสาเล็กๆงอกออกมาตรงมุมห้อง หรือประตูห้องเปิดแล้วชน หรือร้ายสุดคือ ติดตั้งไม่ได้ เพราะเจาะผนังแล้วเจอแนวท่อ หลังๆ จะให้ลุกค้าถ่ายบริเวณพื้นที่ที่จะติดตั้งให้ด้วย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน มีบางครั้งรับงานพร้อมๆ กันหลายเจ้า เลยสับสน มีเจาะไม้ผิด พอเอาไปติดตั้งถึงรู้ ก็มีแก้ไขหน้างาน แต่ก็จะเสียเวลาเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นงานลูกค้าสั่งทำแล้วมารับไปประกอบเอง งานพวกนี้จะไม่มีปัญหา เพราะตอนมารับของ ผมจะประกอบหน้างาน เช็คของให้ลูกค้าดูก่อน จำได้ว่ามีอยู่งานหนึ่ง เอาของไปติดให้ที่บ้านลูกค้า แล้วทำไม้หล่น ไม้กระแทกกับจานเหล้ก แตกเป็นรอยประมาณ นิ้วหัวแม่โป้ง ถ้าว่ากันตามจริง ผมต้องเปลี่ยนไม้ให้ลูกค้าทั้งชิ้น (ไม้ยาว สองเมตร กว้าง ครึ่งเมตร) ซึ่งนอกจากจะต้องกลับไปทำมาใหม่ทั้งชิ้น ต้องนัดวันมาติดตั้งใหม่ด้วย (ขาดทุนแน่นอน) โชคดีงานนั้น ได้คุยกับลูกค้า รอยแตกเป็นรอยด้านล่าง (ถ้าไม่มุดดู ก็จะไม่เห็น) ให้ลูกค้าปรับเงินไป ลูกค้าก็แสนดี บอกไม่เป็นไร ไม่เอาค่าปรับ แต่เพื่อความสบายใจของผม ก็คิดเป็นส่วนลดไป ถ้าเข้ามาอ่าน ผมยังจำได้ ขอบคุณมากครับ
เดี่ยวผมมาต่ออีกนะครับ กะจะให้จบในทีเดียว แต่ขนาดกระทู้จำกัดแค่ 10000 ตัวอักษร ใกล้จะจบแล้วครับ ชอบไม่ชอบ ก็บอกได้ครับ หรืออยากรู้ด้านไหน ก็บอกได้ครับ
******* เรื่องเล่าจากหลังร้านเฟอร์นิเจอร์ แนว industrial ********
ผมเคยเขียนกระทู้ทำ เฟอนิเจอร์จากท่อประปา DIF ไว้ก็ ประมาณ 2-3 ปีแล้วนะครับ กระทู้จะเก่ามาก แต่มีคนหลังไมค์มาถามอยู่เรื่อยๆ อาจเป็นเพราะ search engine ตอนแรกๆ ก็ตอบเท่าที่รู้ หาอ่านจากในเน็ตบ้าง ลองทำบ้าง พอทำบ่อยๆ เข้า ความชำนาญเริ่มมี อาจจะเหมือนๆ คนส่วนใหญ่ที่เริ่มเปิดร้านขายของ คือ ทำแล้ว โพสต์เล่น ๆเองในเฟส เพื่อนมาชม กดไลค์ (สวยบ้าง เน่าบ้าง) เราก็บ้าทำแจกบ้าง มีคนสอบถามเข้ามา ส่งรูปมา ถามว่าทำได้ไหม เราอยากลองทำ ก็รีบตอบตกลง ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำแบบนั้น ส่วนราคา ก็คิดเฉพาะทุน บวกค่าแรงนิดหน่อย บางทีคำนวนผิด ขาดทุนก็เอา ทำไปทำมา ผ่านมา เกือบสองปี สุดท้ายจึงกลายมาเป็นร้านเล็กๆในปัจจุบัน
กระทู้นี้ จะเขียนให้ถูกกติกาเป้ะๆ คือไม่โพสต์ link ,facebook หรือ โฆษณาขายของอะไรนะครับ เพื่อไม่ให้คนอ่านรำคาญ และเสี่ยงต่อการถูกลบกระทู้อีก ถ้ามีข้อความไหนเหมือนทำผิด แจ้งเตือนให้เอาออกได้นะ แต่อย่าลบเลย อุตส่าห์พิมพ์ตั้งนาน ที่มาเล่าในพันทิพ เพราะสนุกดี เคยเล่าเรื่องแต่งห้องตัวเอง แล้วพันทิพเลือกว่าเป็นหนึ่งในหลายๆ กระทู้ที่ให้แรงบันดาลใจในการแต่งห้อง ได้ที่รองแก้วน้ำมา อารมณ์ประมาณเหมือน JK rowling ตอน Harry potter ถูกซื้อไปสร้างหนัง ความปิติหลั่งไหล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนเปิดเพจขายของแรกๆ ถ้าเป็นพวกเครื่องสำอาง ขายครีม เจ้าของเพจส่วนใหญ่จะเป็นคนหน้าตาดี มีคน follow ในเฟสเยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี พอลงขาย คนเห็นเยอะ แต่เราเพื่อนน้อย หน้าตาน่ากัว วิธีที่ง่ายสุด ให้คนเห็นเยอะๆ ก็ลงโฆษณาในเฟส ราคาไม่แพง มีหลาย package เลือกได้ ถ้าไม่ชัวร์ ก็เลือก package ที่ถูกที่สุดก่อน มีเพื่อนของเพื่อนทำอยู่ ตอนแรกเอารูปของที่เราเคยทำ ส่งไปให้เค้าดู ให้เค้าทำ banner ให้ เลือกกลุ่มเป้าหมายให้ พอเค้าเห็นรูป เค้าก็แนะนำว่า รูปพี่น้อยเกิ้น แบบนี้ มันดูไม่น่าสนใจ เลือกรูปมาใหม่ ตอนนั้นก็เพิ่งเปิดร้าน ของส่วนใหญ่ก็เป็นของทำตามสั่ง ไม่มี order ไม่ทำ เลยต้องรอสักพัก สร้าง profile พอให้มีรูปสวยๆ บ้าง แล้วเริ่มส่งให้เพื่อนลงโฆษณาในเฟส เพื่อนบอกว่า มีปั้มยอด like ด้วยนะ เอามั้ย จะอาแบบหลักร้อย หลักพันมีหมด ยอด like แบบนั้น เข้าใจว่าเป็นยอดหลอกๆ พวกaccount หลอกๆ ที่ตั้งขึ้น จะมา like เรา แต่ไม่มีผลเรื่องของการขาย เพราะพวกนี้ไม่ใช่คนที่จะมาเป็นลูกค้า แต่มันอาจจะทำให้เพจดูน่าเชื่อถือ แต่ผมปฏิเสธไป เพราะอยากลองเล่นๆ ถ้าไม่ work ก็จะเลิกทำ
อันนี้เป็น ผลงานแรก ๆ จะทำแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาก
ตอนแรกๆ ยอด like จะเพิ่มเยอะพอสมควร จำไม่ได้ว่าซื้อไปกี่เดือน ยอด like ขึ้นมาระดับหนึ่ง พอหมดเวลาโฆษณา ยอด like จะหยุด ขยับช้าลง แต่พอมีผลงาน ลงอัพเดจ ก็จะมีคนมากด like เพิ่มเอง ถึงตอนนี้ ก็มียอดไลค์ ขยับอยู่ มีงานเข้ามาเรื่อยๆ เท่าที่สังเกตุประมาณ 30-40% ของคนที่สอบถาม จะสั่งทำ ที่เหลือคือ สนใจว่าทำแบบที่เค้าต้องการได้ไหม ราคาเท่าไหร่ เป็นแผนงานในอนาคต อาจจะกำลังแต่งบ้านอยู่ เปรียบเทียบกับเฟอนิเจอร์แนวอื่น ซึ่งประมาณ 20% ของกลุ่มนี้ เวลาผ่านไป ก็มาสั่งซื้อของกับทางร้านทีหลัง
อันนี้เป็นรูปผลงานบางส่วนนะครับ
งานตอนแรกๆ ทำเองหมด มีงานเล็ก งานน้อย รับทำจนมั่วไปหมด ตอนแรกๆ จะเน้นราคาถูกไว้ก่อน ทำให้รูปในเพจ ไม่สวยเท่าที่ควรจะเป็น เช่นงานชิ้นใหญ่ บางชิ้นควรใช้เหล็กใหญ่ 6 หุน เราก็อยากประหยัด เพื่อเรียกลูกค้า เลยใช้เหล็ก 4 หุน งานสี พ่นมือ ได้ราคาตามที่ลูกค้าต้องการจริง งานจะสวยประมาณ 95%. ตอนหลังเน้นคุณภาพมากขึ้น บอกลูกค้าตามตรงว่า ถ้าใช้ท่อเล็ก มันจะไม่สวย ทำให้เป็นมาตรฐาน หลังๆ ผลงานที่ถ่ายรูปออกมา จะสวยขึ้น แต่บางชึ้น ลุกค้าอยากได้เหล็กเส้นเล็กจริงๆ เราก็จัดให้ เรื่องพ่นสี ตอนหลังส่งอบพ่นหมด อยากได้ ดำเงา ดำด้าน ดำทราย มีหมด แต่ลุกค้าส่วนใหญ่จะให้เราตัดสินใจไปเลย ดำด้านเป็นงานที่คนนิยมมากสุด(สำหรับร้านผมนะ)
รูปนี้เป็นแบบสีดำเงานะครับ ลูกค้าเลือกสีเอง
รูปนี้เป็นตอนขนของไปลงที่บ้านลูกค้า ท่อเหล็กจะเป็นแบบดำด้าน หรือดำด้านเม็ดทราย จำไม่ได้แล้ว
ลูกค้าเกือบ 100 % มาจากทางเนต เพราะฉะนั้น อย่าแปลกใจถ้าลูกค้าจะมาขอดูหน้าร้านก่อนจ่ายเงิน หลอกจ่ายมัดจำแล้วปิดพจหนี มีเยอะ แต่บางทีหลังจากลูกค้ามาดูหน้าร้านแล้ว ก็หายไปเลยก็มี เพราะที่ร้านไม่มีอะไรโชว์ นอกจากบางทีมีของสั่งทำเสร็จ รอนัดวันไปส่ง เราก็พยายามจะบอกทางลูกค้าว่า ความจริงแล้ว มันเหมือนที่เก็บของผสมที่ทำงานนะ มันเป็นร้านตามสั่ง ไม่ได้โชว์รูมเฟอนิเจอร์ แต่พอมีงานในเพจเยอะๆ ลูกค้าที่จะมาขอดูหน้าร้านเริ่มน้อยลง ส่วนใหญ่มาเห็นร้านอีกทีตอนมารับของ นี่หรือร้าน ไม่เหมือนเลย
งานไม้ ตอนแรกรับทำ สารพัดสี ลองสีแทบทุกสูตร สุดท้ายจะค่อยๆ จับทางตลาดได้ ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการสีเช้ม กับสีเดิม(เห็นลายไม้) ไม่ต้อง fancy ถามว่าทำสีอื่นๆได้ไหม ก็ทำได้ แต่สีที่ต่างจากนี้ จะค่อนข้างแพง เพราะทำแล้ว สีเหลือ โอกาสสีเพี้ยนมี ลูกค้าเคยส่งรูปกับยี่ห้อสีให้ดู ระบุชัดว่าเอายี่ห้อนี้ เบอร์นี้ เราก็จัดให้ตามลุกค้า แต่สุดท้ายก็ไม่เหมือน เพราะ ไม้มีหลายชนิด การดูดซึมสี การขัด การทาเคลือบ มันทำให้สีเพี้ยนไปจากเดิมได้ อธิบายนานกว่าจะเข้าใจ หลังๆ จะให้สีที่เราเคยทำ แล้วส่งให้ลูกค้าดู วิธีนี้ง่ายสุด ผิดพลาดน้อยสุด
อันนี้ลูกค้าอยากได้สีน้ำเงิน ทำออกมาก็สวยดีนะครับ แต่ใช้เวลานานมากกว่าที่คิด สีกว่าจะแห้งดี รอเป็นอาทิตย์
โต้ะสีดำ เคลือบโพลียูลิเทน
แบบที่ทำส่วนใหญ่ เป็นรูปในเวปต่างประเทศ ลูกค้าบางส่วนเปิดหาในเวป แล้วส่งมาให้ทางผมคำนวนราคา ถ้าถูกใจก็ทำ มีบางทีที่ออกแบบเอง แต่มากกว่า 70% จะเป็นแบบที่เห็นกันทั่วๆ ไปใน internet เพียงแต่มาปรับขนาดให้เข้ากับขนาดห้อง มีบางทีที่ลูกค้าวาดแบบมาเองเลยก็มี เราก็พยายามแกะแบบแล้ววาดส่งกลับไปว่า เข้าใจตรงกันแบบนี้นะ ไม่ใช้เราเข้าใจไปเอง ทำออกมาแล้วไม่ใช่
(อันนี้เป็นผลงานชิ้นแรกๆ ลูกค้าออกแบบมาให้เอง แล้วเราเขียนสรุปแบบส่งให้เช็คอีกที อันนี้ขนของขึ้นไป ชั้นสาม นั่งประกอบอีก 4 ชม. (ขนาดจริงๆ ใหญ่และยาวเป็นรูปตัวแอล) ยากที่ต้องออกแบบให้ ได้ตามงบที่ลูกค้ามี แล้วดูแข็งแรงด้วย สุดท้ายก็อสวยตามตั้งใจ (ไม่รู้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเราไหม)
เอาตัวเหล็กปั้มลาย ไปลนไฟ แล้วเอามา กด ทิ้งน้ำหนักให้ดี ลายจะสวย ไม่จาง หรือ ไหม้เกินไป
เสร็จแล้วจะเป็นประมาณนี้ครับ งาม ไม่เหมือนใครดี (คิดเอง)
อันนี้เป็นตัว stamp ที่ไปจ้างร้านทำ เห็นงานไม้ในเวปต่างประเทศ เห็นเค้าทำแล้วดูดีเลยทำบ้าง สิ้นค้าทุกชิ้น ผมจะ stamp ลายนี้ลงไป แต่ถ้าเป็นงานที่อินทีเรียจ้างทำ ผมจะถามก่อนว่าจะให้ stamp ไหม ส่วนใหญ่จะบอกว่าไม่ต้อง stamp ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ตอนนี้เห็นมีหลายร้านเฟอนิเจอร์ในเมืองไทย เริ่มมีตัว stamp ลงไม้แบบนี้เหมือนกัน สังเกตุว่าถ้าไม้ไม่ทำสี (แค่ขัดแล้วเคลือบ) ตราประทับจะชัดเจนสวยงาม แต่ถ้าไม้ทำสี ตราจะดูหม่นๆ หน่อย
(งานติดตั้งตามคอนโด สนุกดี ได้ไปดูห้องสวยๆ ตามคอนโดลูกค้า)
รายได้ ก็ไม่ได้มากมายนะครับ แค่ทำเอาสนุก แต่บางทีงานเยอะมากๆ ทำไม่ทันก็เครียดเหมือนกัน ที่บอกว่างานเยอะ ไม่ใช้ว่างานเยอะมากนะครับ แต่คนทำมีกันอยู่ 3 คน ไม่นับคนรถส่งของ (กระบะ) ที่ต้องจ้างเป็นงานๆ ไป ลูกค้าบางคนสะดวกมารับของที่ร้าน ชีวิตก็จะง่ายขึ้น เคยนัดติดตั้งงานให้ลูกค้า 2 รายในวันเดียวกันแล้วคำนวนเวลาผิด ลูกค้าอีกรายรออยู่ 2 ชม (ขอโทษแบบสุดๆ) หลังจากนั้น ถ้าเป็นงานติดตั้ง เลยพยายาม ติดแค่เจ้าเดียวต่อวัน ทำเสร็จเร็วเสร็จช้า ค่อยๆ ทำ ไม่ต้องเร่ง แบบทำไปกังวลไป
คู่แข่งมีเพียบ เนื่องจากงานแบบนี้มีเจ้าใหญ่ๆ ในตลาดอยู่แล้ว บางเจ้า ก็มีหน้าร้านด้วย โฆษณาของเค้าก็เยอะกว่า คนรู้จักเยอะกว่า แต่พวกนี้มีต้นทุนหมด พอเราไม่มีหน้าร้าน มันก็กลายเป็นข้อดีของเรา ทำให้ต้นทุนเราถูกกว่า ตั้งราคาได้น่าคบกว่า แต่บางงานก็อาจจะขอผ่าน ให้เจ้าใหญ่ๆ ทำ เช่นงานสั่งทำบางแบบที่มีเหล็กเชื่อมเข้ามาเกี่ยว ผมเชื่อมไม่เป็น
งานติดตั้ง ที่บ้านลูกค้าเป็นงานที่เจอปัญหาเยอะสุด สมัยแรกๆ ประสพการณ์น้อย เช่นเตรียมของไปไม่ครบ หรือหน้างานต่างจากในแบบที่ลูกค้าบอก เช่นผนังมีบัวพื้น หรือมีเสาเล็กๆงอกออกมาตรงมุมห้อง หรือประตูห้องเปิดแล้วชน หรือร้ายสุดคือ ติดตั้งไม่ได้ เพราะเจาะผนังแล้วเจอแนวท่อ หลังๆ จะให้ลุกค้าถ่ายบริเวณพื้นที่ที่จะติดตั้งให้ด้วย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน มีบางครั้งรับงานพร้อมๆ กันหลายเจ้า เลยสับสน มีเจาะไม้ผิด พอเอาไปติดตั้งถึงรู้ ก็มีแก้ไขหน้างาน แต่ก็จะเสียเวลาเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นงานลูกค้าสั่งทำแล้วมารับไปประกอบเอง งานพวกนี้จะไม่มีปัญหา เพราะตอนมารับของ ผมจะประกอบหน้างาน เช็คของให้ลูกค้าดูก่อน จำได้ว่ามีอยู่งานหนึ่ง เอาของไปติดให้ที่บ้านลูกค้า แล้วทำไม้หล่น ไม้กระแทกกับจานเหล้ก แตกเป็นรอยประมาณ นิ้วหัวแม่โป้ง ถ้าว่ากันตามจริง ผมต้องเปลี่ยนไม้ให้ลูกค้าทั้งชิ้น (ไม้ยาว สองเมตร กว้าง ครึ่งเมตร) ซึ่งนอกจากจะต้องกลับไปทำมาใหม่ทั้งชิ้น ต้องนัดวันมาติดตั้งใหม่ด้วย (ขาดทุนแน่นอน) โชคดีงานนั้น ได้คุยกับลูกค้า รอยแตกเป็นรอยด้านล่าง (ถ้าไม่มุดดู ก็จะไม่เห็น) ให้ลูกค้าปรับเงินไป ลูกค้าก็แสนดี บอกไม่เป็นไร ไม่เอาค่าปรับ แต่เพื่อความสบายใจของผม ก็คิดเป็นส่วนลดไป ถ้าเข้ามาอ่าน ผมยังจำได้ ขอบคุณมากครับ
เดี่ยวผมมาต่ออีกนะครับ กะจะให้จบในทีเดียว แต่ขนาดกระทู้จำกัดแค่ 10000 ตัวอักษร ใกล้จะจบแล้วครับ ชอบไม่ชอบ ก็บอกได้ครับ หรืออยากรู้ด้านไหน ก็บอกได้ครับ