พระองค์ไม่ทรงพูดแม้แต่นิดเดียวว่ามีชาติก่อนที่จะเป็นเราหรือชาติภพหลังีจากเราตายไปแล้ว ต่อให้คนที่ไปถามท่านจะดิ้นตายต่อหน้าท่านก็ไม่พูด
ด้วยว่าธรรมะของท่านอธิบายถึงธรรมชาติของมนุษย์และโลกนี้ที่ต้องใช้ปัญญาในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่ความกลัว
แต่สาวกทั้งหลายแต่งเติมนรก สวรรค์ ความเชื่อว่าวิบากกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการกระทำเมื่อชาติก่อน
นี่คือสิ่งที่สาวกใส่ความกลัวเข้าไปเพื่อให้คนทั้งหลายอยู่ในศีลธรรม หรือแย่งชิงประชาชนจากศาสนาเก่าที่มีอยู่มาก่อน แต่ผิดหลักการของพระองค์อย่างยิ่ง
จริงแล้วการเกิดและดับไปของชาติภพ (มนุษย์ เทวดา เปรต เดรัจฉาน) นี่คืออารมณ์ที่เกิดจากตัวเราที่เป็นศูนย์กลางเหมือนดุมเกวียนที่ขับเคลื่อนล้อของชาติภพเหล่านั้นให้หมุนเวียนเกิดดับ และแกนเพลาคือความกลัว ความกลัวที่เกิดขึ้นจากการมีตัวตนของเราและส่งแรงผลักให้กงล้อชาติภพหมุนไป
ดังนั้นการที่พระองค์พูดเสมอว่าเราไม่เกิดชาติภพอีกแล้ว คือการเอาชนะความกลัวที่เกิดมาพร้อมกับความมีตัวเรา เมื่อตัวุเราหายไปก็ไม่เกิดชาติภพขึ้นอีก
สรุปคือชาตินี้ ชาติหน้า หรือวิบากกรรมแต่ชาติปางก่อน นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน สาวกไปแต่งเติมกันเอาเอง
พระพุทธเจ้าไม่เคยพูดถึงชาติที่แล้ว และชาติหน้าเลยใช่หรือไม่?
ด้วยว่าธรรมะของท่านอธิบายถึงธรรมชาติของมนุษย์และโลกนี้ที่ต้องใช้ปัญญาในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่ความกลัว
แต่สาวกทั้งหลายแต่งเติมนรก สวรรค์ ความเชื่อว่าวิบากกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการกระทำเมื่อชาติก่อน
นี่คือสิ่งที่สาวกใส่ความกลัวเข้าไปเพื่อให้คนทั้งหลายอยู่ในศีลธรรม หรือแย่งชิงประชาชนจากศาสนาเก่าที่มีอยู่มาก่อน แต่ผิดหลักการของพระองค์อย่างยิ่ง
จริงแล้วการเกิดและดับไปของชาติภพ (มนุษย์ เทวดา เปรต เดรัจฉาน) นี่คืออารมณ์ที่เกิดจากตัวเราที่เป็นศูนย์กลางเหมือนดุมเกวียนที่ขับเคลื่อนล้อของชาติภพเหล่านั้นให้หมุนเวียนเกิดดับ และแกนเพลาคือความกลัว ความกลัวที่เกิดขึ้นจากการมีตัวตนของเราและส่งแรงผลักให้กงล้อชาติภพหมุนไป
ดังนั้นการที่พระองค์พูดเสมอว่าเราไม่เกิดชาติภพอีกแล้ว คือการเอาชนะความกลัวที่เกิดมาพร้อมกับความมีตัวเรา เมื่อตัวุเราหายไปก็ไม่เกิดชาติภพขึ้นอีก
สรุปคือชาตินี้ ชาติหน้า หรือวิบากกรรมแต่ชาติปางก่อน นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน สาวกไปแต่งเติมกันเอาเอง