แม่มณีมาอีกแล้วค่ะ คราวนี้เปลี่ยนจากอาหารคาวมาทำขนมกันบ้างนะคะ
เป็นเค้กกล้วยหอมนั่นเองค่ะ เคยลงสูตรเจไปแล้ว ครั้งนี้ขอเปลี่ยนมาทำแบบไม่เจกันบ้างค่ะ
อยากจะบอกว่านี่เป็นขนมประเภทแรกที่หัดทำเป็นเรื่องเป็นราวเลยค่ะ
ครั้งแรกก็ใช้หม้ออบลมร้อน จนเก็บเงินซื้อเตาอบก็เลยเปลี่ยนมาใช้เตาอบตลอดค่ะ
วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยาก แล้วเวลาอบทีกลิ่นนี่หอมฟุ้งไปทั่วบ้านเลยค่ะ

มาดูกันที่ส่วนผสมก่อนเลยค่ะ ใช้เป็นสูตรของวิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล
แม่เคยส่งไปเรียนทำขนม จัดดอกไม้ มา 1 ปีเต็มๆ ค่ะ ความรู้มาแน่นเอี้ยด เอาๆ เข้าส่วนผสมค่ะ

1. กล้วยหอม เลือกแบบสุกห่ามๆ เลยนะคะ 700 กรัม
2. น้ำตาลทราย 250 กรัม
3. น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
4. ไข่แดง 3 ฟอง
5. นมคาร์เนชั่น 3/4 ถ้วยตวง
6. น้ำมันถั่วเหลือง 1 ถ้วยตวง
7. ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
8. เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ
9. แป้งบัวแดง 550 กรัม
10.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
11.โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ
12.เกลือป่น 1 ช้อนชา

เริ่มต้นด้วยการหั่นกล้วยหอมเป็นชิ้นๆ เตรียมตีเลยค่ะ

ร่อนแป้ง + ผงฟู + เบกกิ้งโซดา เข้าด้วยกัน

เริ่มลงมือทำเลยค่ะ ตีกล้วยหอมให้ขึ้นฟู ด้วยสปีดแรงสุด สังเกตว่ากล้วยจะเป็นสีขาวนวล

ค่อยๆ ทยอยใส่น้ำตาลทราย เกลือลงไปจนหมด จากนั้นจึงค่อยๆ ใส่น้ำตาลปี๊บตามลงไป ลดสปีดเป็นกลาง
ตีจนรู้สึกว่าไม่มีน้ำตาลปี๊บหลงเหลืออยู่ด้านล่าง

ใส่ไข่แดงลงไปทีละ 1 ฟอง

ตามด้วยน้ำมันพืช ค่อยๆ รินลงไปเลยค่ะ

น้ำมะนาว + โยเกิร์ต ใส่ลงไปพร้อมกันเลยค่ะ

เปลี่ยนสปีดเครื่องต่ำสุดค่ะ เริ่มใส่แป้ง สลับกับนม แบ่งเป็น 3 ต่อ 2 นะคะ
ใส่แป้ง ตามด้วยนม ใส่แป้ง ตามด้วยนม แล้วปิดด้วยแป้งค่ะ

ตีให้เข้ากันอีกครั้งค่ะ หน้าตาตอนตีเสร็จแล้วจะเป็นแบบนี้เลย

พักแป้งไว้ในตู้เย็น ประมาณ 45 นาที ค่ะ ระหว่างนี้ก็วอร์มเตาอบคอยเลย
อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบน-ล่าง (เตาแม่มณีมีพัดลม ก็เลยลดลงมาเหลือ 170 องศาเซลเซียสค่ะ)
พร้อมแล้วก็ตักหยอดใส่พิมพ์ แล้วเข้าเตาอบได้เลย

อบประมาณ 20 นาที จนหน้าเริ่มเหลืองและแตก
วิธีเช็คว่าสุกหรือไม่ ก็ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปที่เนื้อขนมเลยค่ะ ถ้าไม่มีเนื้อขนมติดขึ้นมาแปลว่าสุกแล้ว

ตอนอบหอมมากเลย ขนาดไม่ใส่กลิ่นกล้วยยังหอมขนาดนี้ ลองไปทำดูนะคะ