สวัสดีค่า เราพึ่งเขียนกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรายังไงก็มีอะไรที่เราเขียนไม่เคลียร์ก็ถามมาหลังไมค์ได้นะคะ พอดีว่าเราพึ่งไปบัลแกเรียมาสดๆร้อนๆเลย ก็เลยอยากรีวิวทุกเมืองที่เราไปให้ฟังแบบละเอียดๆ แล้วคุณจะหลงใหลกับมัน จริงๆแล้วประเทศเนี้ยก็ไม่เคยอยู่ในลิสท่องเที่ยวของเราหรอก555 แต่ที่เราได้ไปก็เพราะที่มหาลัยมีโครงการGlobal volunteer ของ"AIESEC"องค์กรที่มีในมหาลัยต่างๆทั่วโลกและเปิดรับนักศึกษาให้ไปแลกเปลี่ยนเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศทุกปี ต้องบอกก่อนว่าอันนี้บริหารงานโดยนศศ.ทั้งหมดนะ ใครสนใจอยากไปก็ลองเช็คที่มหาลัยของตัวเองดูได้น้า หรือถ้าทำงานก้ยังมีโครงการglobal internshipด้วย<=>
จะเล่ารายละเอียดให้ฟังคร่าวๆละกันค่า
1.อย่างแรกเลยคือกรอกใบสมัครonline แล้วจะมีเมลส่งกลับมาให้เลือกวันเวลาสัมภาษณ์
2.ตอนสัม ต้องพูดอังกฤษหมด ใช้เวลาประมาณครึ่งชม. คนสัมก็เป็นนักศึกษาเหมือนเรานี่แหละ
3.พอผ่านสัม เราต้องจ่ายค่าโครงการประมาณ12,000บาท แล้วก็ต้องเข้าค่ายเตรียมตัว3วัน2คืน(อันนี้คงแล้วแต่มหาลัยว่าจะจัดยังไง)
4.ถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกโปรเจค เราสามารถเลือกโปรเจคอะไรก็ได้ ประเทศไรก้ได้ ทวีปไรก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องเลือกให้ดีนาจาไม่ใช่ว่าจะโอเครทุกอัน แล้วหลังจากกดapplyทางนั้นเค้าก็จะติดต่อกลับมานัดวันสัม และท้ายที่สุดเราก็ลงเอยที่ โปรเจคClimate changeของเมืองVarna ประเทศบัลแกเรีย
ขอพูดเรื่องvisaก่อนนะ เดี๋ยวค่อยเข้าเรื่อง
การทำวีซ่าบัลแกเรีย
ที่ไทยมีเพียงแค่สถานกงสุลบัลแกเรียอยู่ที่
3675 อาคารกรุงไทยแทรคเตอร์ ชั้น 4
ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
(ตรงข้ามโรงพยาบาลเทพธารินทร์)
เปิดทำการ จันทร์-ศุกร์ ปิดทำการวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลาทำการ 09:00 น.-12:00 น. และ 13:00 น.-16:00 น.
และเค้าจะรับทำvisaให้เฉพาะคนที่ไปแบบกรณีพิเศษเช่นvolunteer แบบเราเท่านั้น หรือไปศึกษาดูงานอะไรประมาณนี้ และสำหรับคนที่จำเพาะเจาะจงจะไปเที่ยวเท่านั้น เรามีให้2 solutions
1. ถ้าไปเที่ยวประเทศอื่นในยุโรปที่อยู่ในกลุ่มSchengen จำนวนวันมากกว่าที่บัลแกเรีย สามารถใช้visa เชงเก้นเข้าประเทศบัลแกเรียได้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที web :
http://www.mfa.bg/embassies/vietnam/setlang/en
2.ถ้าอยากไปเที่ยวจริงจังกับบัลแกเรียที่เดียว เรายังมีหวังแต่ต้องไปทำที่ฮานอย เวียดนาม เพราะทางกงสุลในไทยจะไม่ดำเนินการเรื่องเอกสารให้สำหรับคนที่ไปเที่ยวเฉยๆ
สำหรับหลักฐานที่ใช้มีดังนี้
1. รูปถ่ายสี พื้นหลังขาว ขนาด 2 นิ้ว x 2 นิ้ว 2 ใบ
2. หนังสือเดินทาง(Passport) เล่มจริงที่มีอายุ เหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
3. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า (ตามเอกสารแนบ กรอกเอกสารเองให้เรียบร้อย)
4. สำเนาทะเบียนบ้าน
5. สำเนาบัตรประชาชน
6. เอกสารการจองที่พักในประเทศบัลแกเรีย(สำหรับคนไปเที่ยว)
7. หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ
8. จดหมายเชิญจากหน่วยงาน Bulgaria พร้อมลายมือชื่อ+ตราประทับ (สำหรับคนไปกรณีพิเศษ)
9. จดหมายรับรองจากสถานศึกษาหรือสถานที่ทำงานเป็นภาษาอังกฤษ
10. ประกันภัยการเดินทาง วงเงินไม่ต่ำกว่า 1,500,000 บาท
11. หลักฐานแสดงฐานะทางการเงิน (Statement ที่ธนาคารรับรอง) ย้อนหลัง 6 เดือน
หรือถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาให้ใช้ Statement ของผู้ปกครอง(ต้องไปขอที่bank) และนร.ต้องมีจดหมายsponsor ว่าผปค.ให้เงินสนับสนุนด้วยนะ
12. ค่าธรรมเนียมขอวีซ่า, ค่าcourier รับ-ส่งเอกสาร, ค่าดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากร
และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ รวมทั้งสินแล้วจ่ายไป 8,000 บาท สำหรับค่าทำvisa
*** การรับรองสำเนาถูกต้องให้เซ็นชื่อกำกับในที่ว่าง อย่าขีดทับตัวหนังสือ
มาเข้าเรื่องกันสักทีเนอะ เราทำงานวันจันทร์-ศุกร์แค่ครึ่งวัน และว่างเสาร์-อาทิตย์ เพราะงั้นก็เลยเที่ยวมันทุกweekendเลยคร่า เรียกได้ว่าเราเก็บเมืองที่เป็นhighlightได้เกือบหมดทุกเมืองเลย ตลอดระยะเวลา6 สัปดาห์ที่เราอยู่ที่นี่ ขอintroเรื่องชีวิตในประเทศนี้ก่อนนะ
ประเทศบัลแกเรียอยู่ในส่วนของยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนด้านตะวันออกติดทะเลดำ(black sea) ในส่วนที่ไม่ติดทะเลภูมิประเทศจะเป็นแบบภูเขาซ้อนทับกันเป็นทิวแถว เวลาเดินทางโดยรถไฟหรือรถบัสไปเมืองอื่นๆวิวข้างทางจะสวยมากเลยค่ะ เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของบัลแกเรียชื่อว่า"เมืองโซเฟีย" อยู่ทางตะวันตกของประเทศใกล้ๆไปทางพรมแดนที่ติดกับประเทศเซอร์เบีย เดี๋ยวจะเล่ารายละเอียดให้ฟังทีหลังนะคะ
หลายคนเคยได้ยินโฆษณาเกี่ยวกับโยเกิร์ตบัลแกเรียใช่มั้ยคะ เราเองไปชิมของดั้งเดิมมาแล้วแบบไม่เติมแต่งอะไรเลย เราก็กินได้นะ แต่มันค่อนข้างเข้มข้นกว่าที่เรากินกันทั่วไปเยอะพอสมควรเลย คือแบบกินทีเดียวไม่หมดอ่าต้องกินแบบค่อยเป็นค่อยไป555 เวลาไปซื้อที่supermarketมันมีหลากหลายมากและปริมาณเยอะแบบถังใหญ่ๆก็มี จุลินทรีย์สำหรับโยเกิร์ตบัลแกเรียมันก็มีแต่แค่ที่บัลแกเรียที่เดียวนะ จึงทำให้รสชาติโยเกิร์ตเค้ามีเอกลักษณ์
แต่จะบอกว่าบัลแกเรียไม่ได้มีโยเกิร์ตอย่างเดียวนะ เค้ายังโด่งดังเรื่องน้ำมันกุหลาบอีกด้วย ที่เราไปเจอมาก็จะมีพวกน้ำหอม โลชั่นและครีมต่างๆที่มีส่วนผสมของน้ำมันดอกกุหลาบ หรือบางทีเค้าก็เอาโยเกิร์ตกับน้ำมันกุหลาบผสมกันก็มีนะ ร้านขายผลิตภัณฑ์ก็มีร้านที่ขึ้นชื่อ ชื่อว่าREFAN แล้วก็ร้าน Rose of Bulgaria คอนเฟิร์มว่าราคาไม่แพงจริงๆ คุณภาพก็โอเคด้วย ถ้าจะซื้อพวกครีมจากกุหลาบไปฝากใครก็ตาม เราแนะนำร้านนี้
ค่าครองชีพที่บัลแกเรียก็สูสีๆกับที่ไทยเลย เค้าใช้หน่วยเงินเป็นlev (เลฟ) โดย1lev=20Baht เท่านั้นเองอิอิ
ยกตัวอย่างเช่น ราคาน้ำเปล่าก็ประมาณ 0.5-1lev หรือ 10-20 บาท เทียบกับบ้านเรามันก็แพงกว่านิดหน่อยเอง
ส่วนอาหารในร้านอาหารก็ราคาพอๆกันเลยค่ะ
สิ่งที่เป็นHighlight ของบัลแกเรียก็ได้แก่
1.เมืองVarna
2.เมืองVeliko Tarnovo:
https://ppantip.com/topic/37463582
3.เมืองSofia
4.เมืองPlovdiv
5.เมือง Nessebar :
https://ppantip.com/topic/37932713
6.Seven Rila Lakes
7.Rila Monastery
เราไปเที่ยวได้ข้อ1-6 ส่วนข้อ7เสียดายมากไม่มีเวลาไป
มาเริ่มที่ทริปแรกของเราก่อน แน่นอนว่าเราต้องเป็นVarna แน่นอนเพราะเป็นเมืองที่เราปักหลักอยู่ทำงานตลอดจันทร์ถึงศุกร์
Varna
ด้วยความที่Varna เป็นเมืองที่ติดทะเลดำทางฝั่งตะวันออกของประเทศ มันก็เลยกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวไปโดยปริยาย ช่วงที่เราไปคือหน้าร้อน อากาศตอนกลางวันจึงเป็นน้องๆพี่ไทยเลยค่า แต่ยังโชคดีที่ตอนเช้าและกลางคืนจะค่อนข้างเย็น เวลานอนเราเลยไม่เคยต้องเปิดเเอร์เลย
เมืองนี้มีสนามบินด้วยนะ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อประหยัดเวลานั่งรถจากเมืองหลวงมา ระยะเวลานั่งเครื่องบินจากโซเฟียมาก็ประมาณ 50-55นาทีเท่านั้น ก่อนจะเริ่มงานก็ยังมีวันว่างเราเลยไปเที่ยวรอบๆเมือง จะบอกว่าถ้าไม่ขก.และไม่เร่งรีบ เราแนะนำให้เดินรอบเมือง ในส่วนของcenterมันไม่ใหญ่ เดินเท้าได้ในระยะเวลาไม่นาน แต่ถ้าอยากลองนั่งรถบัสก็ราคาเพียง1levไม่ว่าจะนั่งไปไกลหรือใกล้แค่ไหนก็ตาม รถบัสทุกสายผ่านcenterหมด
โหลดapplication Eway เพื่อเช็คเวลาที่รถจะมาก็ได้น้า หรือถ้าจะใช้บริการTaxi แนะนำแบบจริงจังว่าเรียกแบบOnlineดีที่สุด หรือให้โรงแรมเรียกให้ ไม่งั้นอาจจะโดนโกงค่าโดยสารได้นาจา :
http://triumftaxi.com/en/services/online-orders
สำหรับcenterแรกและใหญ่ที่สุด ของเมืองVarna มีชื่อว่า"Four Square" จุดสังเกตง่ายๆคือมีแม็คโดนัลอยู่ตรงใจกลาง
ถ้ามายืนอยู่ตรงกลางระหว่างทางแยกทั้งสี่จะเห็นแผ่นป้ายสีเงินๆติดกระจายอยู่ตามพื้นเหมือนในรูป รู้มั้ยว่าคืออะไร? มีเด็กบัลแกเรียคนหนึ่งถามเราแบบนี้ ถึงได้รู้ว่ามันคือชื่อเมืองหลวงของประเทศต่างๆ และจะชี้ไปในทิศทางที่เมืองนั้นๆตั้งอยู่ โดยยึดเมืองVarna ไว้เป็นศูนย์กลาง จะบอกว่าว่ามีBangkokด้วยล่ะ
ขึ้นชื่อว่าFour square แน่นอนว่ามันมี4ทิศทางให้เดินไปได้
1.ถ้าเดินไปจนสุดถนนทิศทางแรก จะทะลุไปเจอกับวิหารหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางสี่แยก มีชื่อว่า "Cathedral Church Dormition of The Mother of God" เข้าไปข้างในก็อลังมาก แต่ถ้าอยากถ่ายรูปต้องจ่ายตังค์ด้วยจ้า
ระหว่างทางก็มี Theater สุดคลาสสิก สีชมพูสดใส ตั้งตระหง่านอยู่ ที่มีไว้เปิดจำหน่ายTicketของงานแสดงต่างๆ เช่น Opera ,Musical Show,Concert อยู่ติดๆกับTheater ก็เป็นน้ำพุขนาดใหญ่ที่เต้นระบำโปรยน้ำอยู่ไม่ขาดสาย แถมตอนกลางคืนยังเปิดไฟเป็นสีๆอีกด้วย
และนอกจากสถานที่สำคัญๆแล้ว ถนนสายนั้นยังเต็มไปด้วยอาคารยุคเก่าสีสันสดใสที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุโรปตะวันออก อาคารเหล่านั้นเป็นร้านขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้าและ ยังมีร้านขายไอศครีมเจลาโต้ หลากรส และร้านอาหาร ร้านกาแฟต่างๆนาๆ แถมราคาอาหารก็ไม่ต่างจากร้านในห้างที่ไทยมาก จานที่รสชาติดีๆดูน่ากินๆ ราคาจะประมาณ9-15lev หรือ180-300บาท
2.สำหรับทิศทางที่สอง เดินเลี้ยวซ้ายไป ระหว่างทางจะมีร้านขายอาหาร ร้านขายเครื่องสำอางค์ และมีโรงแรมcasinoใหญ่ๆ ตั้งอยู่ เป็นจุดให้สังเกต เมื่อเกือบสุดสายถนน ทางซ้ายมือ มันจะมีCultural Center ที่เป็นที่จำหน่ายตั๋วConcertดนตรีต่างๆที่มาจากเมืองอื่นหรือมาจากต่างประเทศ และหากเดินออกจากประตูเมืองที่สูงๆ ออกมาก็จะยื่งเข้าใกล้ทะเลมากขึ้นทุกทีๆ พอออกมาปุ๊ปจะเจอป้ายเขียนว่าVarna 2017 ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสวนสาธารณะริมทะเลที่เรียกว่า Sea Garden อันแสนร่มรื่น
แยกออกจากป้ายทางซ้ายและทางขวา ระยะทางรวมกันน่าจะ5kmได้ ตอนเช้าและตอนเย็นจะเห็นหนุ่มสาวรวมทั้งผู้สูงอายุ มาเดินมาวิ่งออกกำลังกายกันมากมาย แต่ถ้าเราเดินตรงไปหลังป้ายนี้ จะมีทางต่อลงไปที่ริมทะเล ตามริมทะเลจะมีบาร์ และร้านอาหารตลอดสาย ซึ่งแน่นอนว่ามีSea food แน่นอน แนะนำให้กินMussel อร่อยมากและราคาไม่แพง เพราะที่เมืองนี้มีMusselให้จับเยอะ
และในSea Garden แห่งนี้ หากเลี้ยวตรงไปทางซ้ายจากป้ายVarna เรื่อยๆ ยังมี Summer Theater ด้วย มีครั้งนึงที่เค้าจัดแสดงCat Musical ตอนกลางคืน เราก็มีโอกาสได้มาดูด้วย ตั๋วราคา30lev แสงสวยมากๆ แต่อยากบอกก่อนว่าเป็นภาษาบัลแกเรียนาจา
และหากตรงไปอีกเรื่อยๆจะมีสวนสัตว์ ซึ่งเราไม่ได้เข้าเพราะมันดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เดินผ่านมันไปจนถึงสวนที่เริ่มมีต้นไม้หนาแน่นน้อยลงจะพบMonument "Panteona" ที่แสดงความรำลึกถึงความพยายามที่จะต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์และระบบทุนนิยม สร้างเสร็จเมื่อปี1959
ต่อจากนั้นไปอีกก็ใกล้ถึงส่วนที่เปิดให้เห็นวิวทะเลดำจากมุมสูง ซึ่งสวยมากๆ เห็นน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวเล็กน้อย
[CR] รีวิว"บัลแกเรีย" ชาติเนี้ยต้องได้ไปสัมผัส
จะเล่ารายละเอียดให้ฟังคร่าวๆละกันค่า
1.อย่างแรกเลยคือกรอกใบสมัครonline แล้วจะมีเมลส่งกลับมาให้เลือกวันเวลาสัมภาษณ์
2.ตอนสัม ต้องพูดอังกฤษหมด ใช้เวลาประมาณครึ่งชม. คนสัมก็เป็นนักศึกษาเหมือนเรานี่แหละ
3.พอผ่านสัม เราต้องจ่ายค่าโครงการประมาณ12,000บาท แล้วก็ต้องเข้าค่ายเตรียมตัว3วัน2คืน(อันนี้คงแล้วแต่มหาลัยว่าจะจัดยังไง)
4.ถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกโปรเจค เราสามารถเลือกโปรเจคอะไรก็ได้ ประเทศไรก้ได้ ทวีปไรก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องเลือกให้ดีนาจาไม่ใช่ว่าจะโอเครทุกอัน แล้วหลังจากกดapplyทางนั้นเค้าก็จะติดต่อกลับมานัดวันสัม และท้ายที่สุดเราก็ลงเอยที่ โปรเจคClimate changeของเมืองVarna ประเทศบัลแกเรีย
ขอพูดเรื่องvisaก่อนนะ เดี๋ยวค่อยเข้าเรื่อง
การทำวีซ่าบัลแกเรีย
ที่ไทยมีเพียงแค่สถานกงสุลบัลแกเรียอยู่ที่
3675 อาคารกรุงไทยแทรคเตอร์ ชั้น 4
ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
(ตรงข้ามโรงพยาบาลเทพธารินทร์)
เปิดทำการ จันทร์-ศุกร์ ปิดทำการวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลาทำการ 09:00 น.-12:00 น. และ 13:00 น.-16:00 น.
และเค้าจะรับทำvisaให้เฉพาะคนที่ไปแบบกรณีพิเศษเช่นvolunteer แบบเราเท่านั้น หรือไปศึกษาดูงานอะไรประมาณนี้ และสำหรับคนที่จำเพาะเจาะจงจะไปเที่ยวเท่านั้น เรามีให้2 solutions
1. ถ้าไปเที่ยวประเทศอื่นในยุโรปที่อยู่ในกลุ่มSchengen จำนวนวันมากกว่าที่บัลแกเรีย สามารถใช้visa เชงเก้นเข้าประเทศบัลแกเรียได้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที web : http://www.mfa.bg/embassies/vietnam/setlang/en
2.ถ้าอยากไปเที่ยวจริงจังกับบัลแกเรียที่เดียว เรายังมีหวังแต่ต้องไปทำที่ฮานอย เวียดนาม เพราะทางกงสุลในไทยจะไม่ดำเนินการเรื่องเอกสารให้สำหรับคนที่ไปเที่ยวเฉยๆ
สำหรับหลักฐานที่ใช้มีดังนี้
1. รูปถ่ายสี พื้นหลังขาว ขนาด 2 นิ้ว x 2 นิ้ว 2 ใบ
2. หนังสือเดินทาง(Passport) เล่มจริงที่มีอายุ เหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
3. แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า (ตามเอกสารแนบ กรอกเอกสารเองให้เรียบร้อย)
4. สำเนาทะเบียนบ้าน
5. สำเนาบัตรประชาชน
6. เอกสารการจองที่พักในประเทศบัลแกเรีย(สำหรับคนไปเที่ยว)
7. หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ
8. จดหมายเชิญจากหน่วยงาน Bulgaria พร้อมลายมือชื่อ+ตราประทับ (สำหรับคนไปกรณีพิเศษ)
9. จดหมายรับรองจากสถานศึกษาหรือสถานที่ทำงานเป็นภาษาอังกฤษ
10. ประกันภัยการเดินทาง วงเงินไม่ต่ำกว่า 1,500,000 บาท
11. หลักฐานแสดงฐานะทางการเงิน (Statement ที่ธนาคารรับรอง) ย้อนหลัง 6 เดือน
หรือถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษาให้ใช้ Statement ของผู้ปกครอง(ต้องไปขอที่bank) และนร.ต้องมีจดหมายsponsor ว่าผปค.ให้เงินสนับสนุนด้วยนะ
12. ค่าธรรมเนียมขอวีซ่า, ค่าcourier รับ-ส่งเอกสาร, ค่าดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากร
และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ รวมทั้งสินแล้วจ่ายไป 8,000 บาท สำหรับค่าทำvisa
*** การรับรองสำเนาถูกต้องให้เซ็นชื่อกำกับในที่ว่าง อย่าขีดทับตัวหนังสือ
มาเข้าเรื่องกันสักทีเนอะ เราทำงานวันจันทร์-ศุกร์แค่ครึ่งวัน และว่างเสาร์-อาทิตย์ เพราะงั้นก็เลยเที่ยวมันทุกweekendเลยคร่า เรียกได้ว่าเราเก็บเมืองที่เป็นhighlightได้เกือบหมดทุกเมืองเลย ตลอดระยะเวลา6 สัปดาห์ที่เราอยู่ที่นี่ ขอintroเรื่องชีวิตในประเทศนี้ก่อนนะ
ประเทศบัลแกเรียอยู่ในส่วนของยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนด้านตะวันออกติดทะเลดำ(black sea) ในส่วนที่ไม่ติดทะเลภูมิประเทศจะเป็นแบบภูเขาซ้อนทับกันเป็นทิวแถว เวลาเดินทางโดยรถไฟหรือรถบัสไปเมืองอื่นๆวิวข้างทางจะสวยมากเลยค่ะ เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของบัลแกเรียชื่อว่า"เมืองโซเฟีย" อยู่ทางตะวันตกของประเทศใกล้ๆไปทางพรมแดนที่ติดกับประเทศเซอร์เบีย เดี๋ยวจะเล่ารายละเอียดให้ฟังทีหลังนะคะ
หลายคนเคยได้ยินโฆษณาเกี่ยวกับโยเกิร์ตบัลแกเรียใช่มั้ยคะ เราเองไปชิมของดั้งเดิมมาแล้วแบบไม่เติมแต่งอะไรเลย เราก็กินได้นะ แต่มันค่อนข้างเข้มข้นกว่าที่เรากินกันทั่วไปเยอะพอสมควรเลย คือแบบกินทีเดียวไม่หมดอ่าต้องกินแบบค่อยเป็นค่อยไป555 เวลาไปซื้อที่supermarketมันมีหลากหลายมากและปริมาณเยอะแบบถังใหญ่ๆก็มี จุลินทรีย์สำหรับโยเกิร์ตบัลแกเรียมันก็มีแต่แค่ที่บัลแกเรียที่เดียวนะ จึงทำให้รสชาติโยเกิร์ตเค้ามีเอกลักษณ์
แต่จะบอกว่าบัลแกเรียไม่ได้มีโยเกิร์ตอย่างเดียวนะ เค้ายังโด่งดังเรื่องน้ำมันกุหลาบอีกด้วย ที่เราไปเจอมาก็จะมีพวกน้ำหอม โลชั่นและครีมต่างๆที่มีส่วนผสมของน้ำมันดอกกุหลาบ หรือบางทีเค้าก็เอาโยเกิร์ตกับน้ำมันกุหลาบผสมกันก็มีนะ ร้านขายผลิตภัณฑ์ก็มีร้านที่ขึ้นชื่อ ชื่อว่าREFAN แล้วก็ร้าน Rose of Bulgaria คอนเฟิร์มว่าราคาไม่แพงจริงๆ คุณภาพก็โอเคด้วย ถ้าจะซื้อพวกครีมจากกุหลาบไปฝากใครก็ตาม เราแนะนำร้านนี้
ค่าครองชีพที่บัลแกเรียก็สูสีๆกับที่ไทยเลย เค้าใช้หน่วยเงินเป็นlev (เลฟ) โดย1lev=20Baht เท่านั้นเองอิอิ
ยกตัวอย่างเช่น ราคาน้ำเปล่าก็ประมาณ 0.5-1lev หรือ 10-20 บาท เทียบกับบ้านเรามันก็แพงกว่านิดหน่อยเอง
ส่วนอาหารในร้านอาหารก็ราคาพอๆกันเลยค่ะ
สิ่งที่เป็นHighlight ของบัลแกเรียก็ได้แก่
1.เมืองVarna
2.เมืองVeliko Tarnovo: https://ppantip.com/topic/37463582
3.เมืองSofia
4.เมืองPlovdiv
5.เมือง Nessebar : https://ppantip.com/topic/37932713
6.Seven Rila Lakes
7.Rila Monastery
เราไปเที่ยวได้ข้อ1-6 ส่วนข้อ7เสียดายมากไม่มีเวลาไป
มาเริ่มที่ทริปแรกของเราก่อน แน่นอนว่าเราต้องเป็นVarna แน่นอนเพราะเป็นเมืองที่เราปักหลักอยู่ทำงานตลอดจันทร์ถึงศุกร์
Varna
ด้วยความที่Varna เป็นเมืองที่ติดทะเลดำทางฝั่งตะวันออกของประเทศ มันก็เลยกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวไปโดยปริยาย ช่วงที่เราไปคือหน้าร้อน อากาศตอนกลางวันจึงเป็นน้องๆพี่ไทยเลยค่า แต่ยังโชคดีที่ตอนเช้าและกลางคืนจะค่อนข้างเย็น เวลานอนเราเลยไม่เคยต้องเปิดเเอร์เลย
เมืองนี้มีสนามบินด้วยนะ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อประหยัดเวลานั่งรถจากเมืองหลวงมา ระยะเวลานั่งเครื่องบินจากโซเฟียมาก็ประมาณ 50-55นาทีเท่านั้น ก่อนจะเริ่มงานก็ยังมีวันว่างเราเลยไปเที่ยวรอบๆเมือง จะบอกว่าถ้าไม่ขก.และไม่เร่งรีบ เราแนะนำให้เดินรอบเมือง ในส่วนของcenterมันไม่ใหญ่ เดินเท้าได้ในระยะเวลาไม่นาน แต่ถ้าอยากลองนั่งรถบัสก็ราคาเพียง1levไม่ว่าจะนั่งไปไกลหรือใกล้แค่ไหนก็ตาม รถบัสทุกสายผ่านcenterหมด
โหลดapplication Eway เพื่อเช็คเวลาที่รถจะมาก็ได้น้า หรือถ้าจะใช้บริการTaxi แนะนำแบบจริงจังว่าเรียกแบบOnlineดีที่สุด หรือให้โรงแรมเรียกให้ ไม่งั้นอาจจะโดนโกงค่าโดยสารได้นาจา :http://triumftaxi.com/en/services/online-orders
สำหรับcenterแรกและใหญ่ที่สุด ของเมืองVarna มีชื่อว่า"Four Square" จุดสังเกตง่ายๆคือมีแม็คโดนัลอยู่ตรงใจกลาง
ถ้ามายืนอยู่ตรงกลางระหว่างทางแยกทั้งสี่จะเห็นแผ่นป้ายสีเงินๆติดกระจายอยู่ตามพื้นเหมือนในรูป รู้มั้ยว่าคืออะไร? มีเด็กบัลแกเรียคนหนึ่งถามเราแบบนี้ ถึงได้รู้ว่ามันคือชื่อเมืองหลวงของประเทศต่างๆ และจะชี้ไปในทิศทางที่เมืองนั้นๆตั้งอยู่ โดยยึดเมืองVarna ไว้เป็นศูนย์กลาง จะบอกว่าว่ามีBangkokด้วยล่ะ
ขึ้นชื่อว่าFour square แน่นอนว่ามันมี4ทิศทางให้เดินไปได้
1.ถ้าเดินไปจนสุดถนนทิศทางแรก จะทะลุไปเจอกับวิหารหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางสี่แยก มีชื่อว่า "Cathedral Church Dormition of The Mother of God" เข้าไปข้างในก็อลังมาก แต่ถ้าอยากถ่ายรูปต้องจ่ายตังค์ด้วยจ้า
ระหว่างทางก็มี Theater สุดคลาสสิก สีชมพูสดใส ตั้งตระหง่านอยู่ ที่มีไว้เปิดจำหน่ายTicketของงานแสดงต่างๆ เช่น Opera ,Musical Show,Concert อยู่ติดๆกับTheater ก็เป็นน้ำพุขนาดใหญ่ที่เต้นระบำโปรยน้ำอยู่ไม่ขาดสาย แถมตอนกลางคืนยังเปิดไฟเป็นสีๆอีกด้วย
และนอกจากสถานที่สำคัญๆแล้ว ถนนสายนั้นยังเต็มไปด้วยอาคารยุคเก่าสีสันสดใสที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุโรปตะวันออก อาคารเหล่านั้นเป็นร้านขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้าและ ยังมีร้านขายไอศครีมเจลาโต้ หลากรส และร้านอาหาร ร้านกาแฟต่างๆนาๆ แถมราคาอาหารก็ไม่ต่างจากร้านในห้างที่ไทยมาก จานที่รสชาติดีๆดูน่ากินๆ ราคาจะประมาณ9-15lev หรือ180-300บาท
2.สำหรับทิศทางที่สอง เดินเลี้ยวซ้ายไป ระหว่างทางจะมีร้านขายอาหาร ร้านขายเครื่องสำอางค์ และมีโรงแรมcasinoใหญ่ๆ ตั้งอยู่ เป็นจุดให้สังเกต เมื่อเกือบสุดสายถนน ทางซ้ายมือ มันจะมีCultural Center ที่เป็นที่จำหน่ายตั๋วConcertดนตรีต่างๆที่มาจากเมืองอื่นหรือมาจากต่างประเทศ และหากเดินออกจากประตูเมืองที่สูงๆ ออกมาก็จะยื่งเข้าใกล้ทะเลมากขึ้นทุกทีๆ พอออกมาปุ๊ปจะเจอป้ายเขียนว่าVarna 2017 ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสวนสาธารณะริมทะเลที่เรียกว่า Sea Garden อันแสนร่มรื่น
แยกออกจากป้ายทางซ้ายและทางขวา ระยะทางรวมกันน่าจะ5kmได้ ตอนเช้าและตอนเย็นจะเห็นหนุ่มสาวรวมทั้งผู้สูงอายุ มาเดินมาวิ่งออกกำลังกายกันมากมาย แต่ถ้าเราเดินตรงไปหลังป้ายนี้ จะมีทางต่อลงไปที่ริมทะเล ตามริมทะเลจะมีบาร์ และร้านอาหารตลอดสาย ซึ่งแน่นอนว่ามีSea food แน่นอน แนะนำให้กินMussel อร่อยมากและราคาไม่แพง เพราะที่เมืองนี้มีMusselให้จับเยอะ
และในSea Garden แห่งนี้ หากเลี้ยวตรงไปทางซ้ายจากป้ายVarna เรื่อยๆ ยังมี Summer Theater ด้วย มีครั้งนึงที่เค้าจัดแสดงCat Musical ตอนกลางคืน เราก็มีโอกาสได้มาดูด้วย ตั๋วราคา30lev แสงสวยมากๆ แต่อยากบอกก่อนว่าเป็นภาษาบัลแกเรียนาจา
และหากตรงไปอีกเรื่อยๆจะมีสวนสัตว์ ซึ่งเราไม่ได้เข้าเพราะมันดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เดินผ่านมันไปจนถึงสวนที่เริ่มมีต้นไม้หนาแน่นน้อยลงจะพบMonument "Panteona" ที่แสดงความรำลึกถึงความพยายามที่จะต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์และระบบทุนนิยม สร้างเสร็จเมื่อปี1959
ต่อจากนั้นไปอีกก็ใกล้ถึงส่วนที่เปิดให้เห็นวิวทะเลดำจากมุมสูง ซึ่งสวยมากๆ เห็นน้ำทะเลสีฟ้าอมเขียวเล็กน้อย