ตอนนี้ เท่าที่ทราบ The Warrens Occult Museum ยังปิดอยู่นะครับ น้องๆเขากำลังหาสถานที่แห่งใหม่
สำหรับสร้าง The Warrens Occult Museum ที่หลอนกว่าเดิม คิดว่าน่าจะเปิดทันฉลองฮาโลวีนปี 2017 นี้
งั้นเอาเป็นว่าใช้แผนทัวร์เดิมไปก่อน เพื่อเป็นการบอกว่าเราจต้องเจออะไรบ้าง ช่วงท้ายจะสรุปข้อแนะนำต่างๆนะครับ
1. The Shadow Doll
ความเชื่อคือเจ้าตัวนี้จะสามารถเข้ามาในฝันของคุณได้ ถ้าเผชิญกับเจ้าตัวนี้จริงๆ ฝันครั้งต่อไปคงต้องระวังกันให้มาก
เพราะถ้าปล่อยให้เจ้าตัวนี้เข้ามาในฝันของเราได้ ความวุ่นวายต่างๆจะถาโถมเข้ามาเป็นหางว่าว
2. Satanic Idol
ตัวนี้ ความเชื่อค่อนข้างหลากหลาย ถ้าเจอตัวจริง อย่าไปเอาจิตผูกพันกับมันมาก เพราะมันอาจตามเรากลับมา
จะตามอีท่าไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ข่าวลือเยอะ
3. the Conjuring mirror
ถ้าเจอของจริง ยังไงก็ต้องเอามาจ้องแบบในหนังอ่ะ คือยังไงก็ต้องลองนะ ถ้ามันมาอยู่ในมือเราแล้ว
4. the Vampire’s coffin
ตัวนี้ไม่ค่อยมีข่าวลือเท่าไหร่ เราก็แค่ จ้อง แล้วก็เดินผ่านไปเฉยๆ
5. Child Tombstones
อันนี้ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่นะครับ เดินผ่านๆ พอ
6. a Famous Organ that plays by itself
มีข่าวลือหนาหูถึงออร์แกนที่เล่นเองได้ บรือ
7. ศพมัมมี่ที่โคตรหลอน
ก็อย่าเผลอไปคุยข้างๆเจ้านี่นะครับ เพราะมันอาจขยับมาฟังคุณ
8. Shrunken head
อันนี้คือตัวที่อยู่บนซ้ายอ่ะครับ อาจเห็นไม่ชัด จะหาภาพ Shrunken head ที่ชัดๆจากที่อื่นมาให้ดูนะครับ
จริงๆยังมีอีกเยอะนะครับ ก่อนที่จะถึง แอนนาเบลล์ ตัวที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
และแล้ว ในที่สุด เราก็มาถึง แอนนาเบลล์
ตุ๊กตาน่ารักที่โคตรหลอน เราพบเรื่องของ แอนนาเบลล์ มากมายในวิกิ
แอนนาเบลล์ (อังกฤษ: Annabelle) เป็นตุ๊กตาผ้ารูปเรกกาดี แอนน์ ที่เล่าลือกันว่าเป็นตุ๊กตาผีสิง เช่นเดียวกับตุ๊กตาโรเบิร์ต[1] มีการนำเรื่องราวของแอนนาเบลล์ไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง ทั้ง The Conjuring ในปี ค.ศ. 2013, Annabelle ในปี ค.ศ. 2014 [2]และภาคต่อที่เป็นเนื้อเรื่องก่อนหน้า คือ Annabelle: Creation ในปี ค.ศ. 2017[3] รวมถึงมีการแต่งเป็นหนังสือ ในปี ค.ศ. 2002[4]
เรื่องราวของแอนนาเบล์เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1970 เมื่อผู้หญิงรายหนึ่งซื้อมาจากร้านขายของเก่าเพื่อเป็นของขวัญวันครบรอบวันเกิดปีที่ 28 ให้แก่ลูกสาวตัวเองชื่อ ดอนนา ซึ่งเป็นนักศึกษาพยาบาล ดอนนาพักอยู่ในหอพักกับเพื่อนร่วมห้องชื่อ แองจี่ หลังจากนั้นไม่นาน ดอนนาสังเกตเห็นความผิดปกติของแอนนาเบลล์ว่าเมื่อเธอกลับมาที่ห้อง บ่อยครั้งที่พบว่าแขนขาของแอนนาเบลล์ขยับเองได้ หรือเปลี่ยนลักษณะท่าทาง หรือแม้แต่เปลี่ยนที่ตั้งเองโดยไม่มีใครไปจับหรือขยับตัว ต่อมาทั้งดอนนาและเรกจีก็พบเศษกระดาษที่เขียนข้อความแปลก ๆ ด้วยดินสอเป็นลายมือที่คล้ายกับลายมือเด็ก ตกอยู่ที่พื้นห้อง โดยมีข้อความว่า "ช่วยเราด้วย" กับ "ช่วยลูด้วย" จนกระทั่งวันหนึ่ง ดอนนากลับมาและได้พบว่าแอนนาเบลล์อยู่บนเตียงนอนของเธอ เธอจึงสำรวจตัวของแอนนาเบลล์แล้วพบรอยคล้ายกับรอยเลือดติดที่มือและหน้าอก เธอจึงติดต่อร่างทรงให้ช่วยเหลือ ร่างทรงเมื่อได้ทำพิธีแล้วบอกว่า แอนนาเบลล์เป็นตุ๊กตาที่มีวิญญาณของเด็กผู้หญิงวัย 7 ขวบ ที่ชื่อ แอนนาเบลล์ ฮิกกินส์ สิงสถิตอยู่ โดยเธอเสียชีวิตในสวนซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหอพักของทั้งคู่ และแอนนาเบลล์ชื่นชอบทั้งดอนนาและเรกจี จึงอยากจะขอมาอยู่ด้วย สิ่งที่ได้ฟังจากร่างทรงทำให้ดอนนาและเรกจีรู้สึกสงสาร จึงให้แอนนาเบลล์มาอยู่ด้วยด้วยความเต็มใจ แต่สำหรับลู ซึ่งเป็นเพื่อนชายของทั้งคู่ซึ่งพักอยู่ในหอเดียวกันแต่คนละห้องกลับไม่เชื่อเช่นนั้น ซึ่งลูเคยบอกกับดอนนาก่อนหน้านี้แล้วถึงความผิดปกติของแอนนาเบลล์ และบอกให้เธอทิ้งมันไปเสีย แต่ดอนนาไม่เชื่อ คืนหนึ่งขณะที่นอนหลับ ลูฝันไปว่าเห็นแอนนาเบลล์ปีนขึ้นมาบนตัวเขาและใช้มือบีบคอเขา ลูสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาเชื่อว่านี่ไม่ใช่เป็นเพียงความฝันแน่ ๆ จึงตั้งใจจะไม่เอายุ่งเกี่ยวใด ๆ กับเรื่องนี้อีก ต่อมาขณะที่ทั้งลูและแองจี้กำลังวางแผนจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ ในห้องของดอนนาและแองจี้ ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องนอนของดอนนา ทั้งที่ไม่มีใครหรืออะไรอยู่ในขณะนั้น ลูได้เดินเข้าไปดูและเห็นแอนนาเบลล์ตกอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ทันใดนั้นลูก็รู้สึกว่ามีใครบางคนจ้องมองเขาอยู่จากด้านหลัง เมื่อลูหันกลับไปก็ไม่เห็นอะไร แต่แล้วจู่ ๆ ตัวเขาเองถูกอะไรบางอย่างทำร้าย เขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ยกมือจับหน้าอกตัวเองแน่น พบว่าเสื้อตัวเองเป็นรอยฉีกเล็ก ๆ 7 รอย เป็นรอยทางขวาง 4 รอย และรอยตามยาวอีก 3 รอย ทุกรอยมีลักษณะเหมือนกับโดนเล็บเล็ก ๆ ข่วน มีเลือดไหลออกมาซิบ ๆ แต่อย่างไรก็ดีบาดแผลนี้ค่อย ๆ จางและหายไปหมดภายในเวลา 2 วัน [5] [6]
ถึงตอนนี้ดอนนาเชื่อแล้วว่า สิ่งที่อยู่ในตุ๊กตาแอนนาเบลล์ไม่น่าจะใช่แค่วิญญาณเด็กผู้หญิง เธอจึงติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังบาทหลวงเฮแกน ซึ่งบาทหลวงเฮแกนก็ได้ติดต่อต่อไปยังบาทหลวงคุก ซึ่งมีอำนาจเหนือกว่า บาทหลวงคุกได้ติดต่อไปยังเอ็ด และลอร์เรน วอร์เรน คู่สามีภรรยาซึ่งเป็นนักปิศาจวิทยาและนักสืบสวนสอบสวนเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติที่มีชื่อเสียง ทั้งคู่เมื่อได้เดินทางมายังหอพักและสัมภาษณ์พูดคุยกับบุคคลทั้ง 3 จึงมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ในแอนนาเบลล์ไม่ใช่แค่วิญญาณเด็กผู้หญิง หากแต่เป็นปิศาจร้ายในระดับเดียวกับซาตาน ซึ่งมันได้หลอกร่างทรงว่าเป็นเพียงวิญญาณเด็กผู้หญิงที่น่าสงสาร เพื่อที่จะมาอาศัยอยู่ในหอพักต่อได้ และพร้อมจะทำเรื่องร้ายแรงต่อไปถึงขนาดฆ่ามนุษย์ได้ โดยการครอบงำทางจิตใจเหยื่อผู้ที่มีสภาพจิตใจอ่อนแอกว่า โดยน่าจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้หากมันไม่ได้ทำร้ายหรือฆ่าใครคนใดคนหนึ่งหรือฆ่าทั้งหมดเสียก่อน ที่สุดแล้วคู่สามีภรรยาวอร์เรนได้นำเอาแอนนาเบลล์กลับไป ลอร์เรนเล่าว่าขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินทางกลับ โดยเอ็ดเป็นผู้ขับรถยนต์ยังไม่ทันจะถึงบ้าน รถก็อยู่ในสภาพที่เริ่มควบคุมไม่ได้ เอ็ดต้องจอดรถและพรมน้ำมนต์ใส่แอนนาเบลล์ที่วางไว้ที่เบาะหลัง พร้อมทั้งทำสัญลักษณ์รูปกางเขนเพื่อทำการสะกด [2][6]
ปัจจุบัน ตุ๊กตาแอนนาเบลล์ถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของเอ็ด และลอร์เรน ที่ชื่อ พิพิธภัณฑ์วอร์เรน ออกคัลท์ ที่เมืองมอนโร รัฐคอนเนตทิคัต ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมของแปลก ๆ จากทั่วโลกที่ทั้งคู่เชื่อว่ามีอาถรรพ์ แอนนาเบลล์ถูกเก็บไว้ในตู้กระจกเป็นอย่างดี โดยมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษเขียนกำกับว่า "เตือนด้วยความหวังดี ห้ามเปิดโดยเด็ดขาด" ติดอยู่ ซึ่งลอร์เรนบอกว่าเธอไม่สามารถที่จะจ้องมองแอนนาเบลล์โดยตรงได้เลย มีเรื่องเล่ากันว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งได้ลองดีไปแคะกระจกตู้เก็บแอนนาเบลล์ ซึ่งถือว่าเป็นการรบกวน ปรากฏว่าหลังจากเขากลับออกไปเพียง 3 ชั่วโมง ก็ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่เจ้าตัวเป็นผู้ขับชนกับต้นไม้ เสียชีวิตทันที[2]
ตุลาคม 2017 นี้ ถ้าใครอยากไปกันจริงๆ (และถ้าเขาหาที่ใหม่และสร้างเสร็จทัน)
สิ่งที่คุณต้องเตรียมตัวก็คือ
1. ไม่ว่าคุณจะเชื่อว่าผีมีจริงหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับการที่คุณต้องไม่เป็นคนจิตอ่อน ไม่กล้วอะไรง่ายๆ และไม่ชอบคิดหลอนไปเอง
2. คุณต้องมีสติตลอดระหว่างเข้าชม อย่าทำเป็นเรื่องล้อเล่นถ้าไปถึงที่นั่นแล้ว ตักตวงความรู้กลับมาให้มากที่สุด ส่วนอย่างอื่น ไม่ต้องนำกลับมา
3. ไม่ว่าคุณจะเชื่อเรื่องลึกลับหรือไม่ คุณควรทำประกันชีวิตระหว่างเดินทาง เผื่อเกิดอะไรขึ้น จะได้ไม่ลำบาก
4. ถ้าคุณนับถือพุทธศาสนา ควรฝึกสมาธิก่อนไปสัก 2 เดือน เพื่อเตรียมชมประมาณ 2 ชั่วโมงอย่างมีสติและสมาธิ
5. สิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าเข้าใกล้หรือแตะต้อง แอนนาเบลล์ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม
ถ้าคุณไปได้จริงๆ ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
พาทัวร์ The Warrens Occult Museum : คุณควรเตรียมตัวอย่างไร ก่อนไปเจอ แอนนาเบลล์และผองเพื่อน
สำหรับสร้าง The Warrens Occult Museum ที่หลอนกว่าเดิม คิดว่าน่าจะเปิดทันฉลองฮาโลวีนปี 2017 นี้
งั้นเอาเป็นว่าใช้แผนทัวร์เดิมไปก่อน เพื่อเป็นการบอกว่าเราจต้องเจออะไรบ้าง ช่วงท้ายจะสรุปข้อแนะนำต่างๆนะครับ
เพราะถ้าปล่อยให้เจ้าตัวนี้เข้ามาในฝันของเราได้ ความวุ่นวายต่างๆจะถาโถมเข้ามาเป็นหางว่าว
จะตามอีท่าไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ข่าวลือเยอะ
แอนนาเบลล์ (อังกฤษ: Annabelle) เป็นตุ๊กตาผ้ารูปเรกกาดี แอนน์ ที่เล่าลือกันว่าเป็นตุ๊กตาผีสิง เช่นเดียวกับตุ๊กตาโรเบิร์ต[1] มีการนำเรื่องราวของแอนนาเบลล์ไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง ทั้ง The Conjuring ในปี ค.ศ. 2013, Annabelle ในปี ค.ศ. 2014 [2]และภาคต่อที่เป็นเนื้อเรื่องก่อนหน้า คือ Annabelle: Creation ในปี ค.ศ. 2017[3] รวมถึงมีการแต่งเป็นหนังสือ ในปี ค.ศ. 2002[4]
เรื่องราวของแอนนาเบล์เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1970 เมื่อผู้หญิงรายหนึ่งซื้อมาจากร้านขายของเก่าเพื่อเป็นของขวัญวันครบรอบวันเกิดปีที่ 28 ให้แก่ลูกสาวตัวเองชื่อ ดอนนา ซึ่งเป็นนักศึกษาพยาบาล ดอนนาพักอยู่ในหอพักกับเพื่อนร่วมห้องชื่อ แองจี่ หลังจากนั้นไม่นาน ดอนนาสังเกตเห็นความผิดปกติของแอนนาเบลล์ว่าเมื่อเธอกลับมาที่ห้อง บ่อยครั้งที่พบว่าแขนขาของแอนนาเบลล์ขยับเองได้ หรือเปลี่ยนลักษณะท่าทาง หรือแม้แต่เปลี่ยนที่ตั้งเองโดยไม่มีใครไปจับหรือขยับตัว ต่อมาทั้งดอนนาและเรกจีก็พบเศษกระดาษที่เขียนข้อความแปลก ๆ ด้วยดินสอเป็นลายมือที่คล้ายกับลายมือเด็ก ตกอยู่ที่พื้นห้อง โดยมีข้อความว่า "ช่วยเราด้วย" กับ "ช่วยลูด้วย" จนกระทั่งวันหนึ่ง ดอนนากลับมาและได้พบว่าแอนนาเบลล์อยู่บนเตียงนอนของเธอ เธอจึงสำรวจตัวของแอนนาเบลล์แล้วพบรอยคล้ายกับรอยเลือดติดที่มือและหน้าอก เธอจึงติดต่อร่างทรงให้ช่วยเหลือ ร่างทรงเมื่อได้ทำพิธีแล้วบอกว่า แอนนาเบลล์เป็นตุ๊กตาที่มีวิญญาณของเด็กผู้หญิงวัย 7 ขวบ ที่ชื่อ แอนนาเบลล์ ฮิกกินส์ สิงสถิตอยู่ โดยเธอเสียชีวิตในสวนซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหอพักของทั้งคู่ และแอนนาเบลล์ชื่นชอบทั้งดอนนาและเรกจี จึงอยากจะขอมาอยู่ด้วย สิ่งที่ได้ฟังจากร่างทรงทำให้ดอนนาและเรกจีรู้สึกสงสาร จึงให้แอนนาเบลล์มาอยู่ด้วยด้วยความเต็มใจ แต่สำหรับลู ซึ่งเป็นเพื่อนชายของทั้งคู่ซึ่งพักอยู่ในหอเดียวกันแต่คนละห้องกลับไม่เชื่อเช่นนั้น ซึ่งลูเคยบอกกับดอนนาก่อนหน้านี้แล้วถึงความผิดปกติของแอนนาเบลล์ และบอกให้เธอทิ้งมันไปเสีย แต่ดอนนาไม่เชื่อ คืนหนึ่งขณะที่นอนหลับ ลูฝันไปว่าเห็นแอนนาเบลล์ปีนขึ้นมาบนตัวเขาและใช้มือบีบคอเขา ลูสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาเชื่อว่านี่ไม่ใช่เป็นเพียงความฝันแน่ ๆ จึงตั้งใจจะไม่เอายุ่งเกี่ยวใด ๆ กับเรื่องนี้อีก ต่อมาขณะที่ทั้งลูและแองจี้กำลังวางแผนจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ ในห้องของดอนนาและแองจี้ ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องนอนของดอนนา ทั้งที่ไม่มีใครหรืออะไรอยู่ในขณะนั้น ลูได้เดินเข้าไปดูและเห็นแอนนาเบลล์ตกอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ทันใดนั้นลูก็รู้สึกว่ามีใครบางคนจ้องมองเขาอยู่จากด้านหลัง เมื่อลูหันกลับไปก็ไม่เห็นอะไร แต่แล้วจู่ ๆ ตัวเขาเองถูกอะไรบางอย่างทำร้าย เขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ยกมือจับหน้าอกตัวเองแน่น พบว่าเสื้อตัวเองเป็นรอยฉีกเล็ก ๆ 7 รอย เป็นรอยทางขวาง 4 รอย และรอยตามยาวอีก 3 รอย ทุกรอยมีลักษณะเหมือนกับโดนเล็บเล็ก ๆ ข่วน มีเลือดไหลออกมาซิบ ๆ แต่อย่างไรก็ดีบาดแผลนี้ค่อย ๆ จางและหายไปหมดภายในเวลา 2 วัน [5] [6]
ถึงตอนนี้ดอนนาเชื่อแล้วว่า สิ่งที่อยู่ในตุ๊กตาแอนนาเบลล์ไม่น่าจะใช่แค่วิญญาณเด็กผู้หญิง เธอจึงติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังบาทหลวงเฮแกน ซึ่งบาทหลวงเฮแกนก็ได้ติดต่อต่อไปยังบาทหลวงคุก ซึ่งมีอำนาจเหนือกว่า บาทหลวงคุกได้ติดต่อไปยังเอ็ด และลอร์เรน วอร์เรน คู่สามีภรรยาซึ่งเป็นนักปิศาจวิทยาและนักสืบสวนสอบสวนเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติที่มีชื่อเสียง ทั้งคู่เมื่อได้เดินทางมายังหอพักและสัมภาษณ์พูดคุยกับบุคคลทั้ง 3 จึงมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ในแอนนาเบลล์ไม่ใช่แค่วิญญาณเด็กผู้หญิง หากแต่เป็นปิศาจร้ายในระดับเดียวกับซาตาน ซึ่งมันได้หลอกร่างทรงว่าเป็นเพียงวิญญาณเด็กผู้หญิงที่น่าสงสาร เพื่อที่จะมาอาศัยอยู่ในหอพักต่อได้ และพร้อมจะทำเรื่องร้ายแรงต่อไปถึงขนาดฆ่ามนุษย์ได้ โดยการครอบงำทางจิตใจเหยื่อผู้ที่มีสภาพจิตใจอ่อนแอกว่า โดยน่าจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้หากมันไม่ได้ทำร้ายหรือฆ่าใครคนใดคนหนึ่งหรือฆ่าทั้งหมดเสียก่อน ที่สุดแล้วคู่สามีภรรยาวอร์เรนได้นำเอาแอนนาเบลล์กลับไป ลอร์เรนเล่าว่าขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินทางกลับ โดยเอ็ดเป็นผู้ขับรถยนต์ยังไม่ทันจะถึงบ้าน รถก็อยู่ในสภาพที่เริ่มควบคุมไม่ได้ เอ็ดต้องจอดรถและพรมน้ำมนต์ใส่แอนนาเบลล์ที่วางไว้ที่เบาะหลัง พร้อมทั้งทำสัญลักษณ์รูปกางเขนเพื่อทำการสะกด [2][6]
ปัจจุบัน ตุ๊กตาแอนนาเบลล์ถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของเอ็ด และลอร์เรน ที่ชื่อ พิพิธภัณฑ์วอร์เรน ออกคัลท์ ที่เมืองมอนโร รัฐคอนเนตทิคัต ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมของแปลก ๆ จากทั่วโลกที่ทั้งคู่เชื่อว่ามีอาถรรพ์ แอนนาเบลล์ถูกเก็บไว้ในตู้กระจกเป็นอย่างดี โดยมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษเขียนกำกับว่า "เตือนด้วยความหวังดี ห้ามเปิดโดยเด็ดขาด" ติดอยู่ ซึ่งลอร์เรนบอกว่าเธอไม่สามารถที่จะจ้องมองแอนนาเบลล์โดยตรงได้เลย มีเรื่องเล่ากันว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งได้ลองดีไปแคะกระจกตู้เก็บแอนนาเบลล์ ซึ่งถือว่าเป็นการรบกวน ปรากฏว่าหลังจากเขากลับออกไปเพียง 3 ชั่วโมง ก็ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่เจ้าตัวเป็นผู้ขับชนกับต้นไม้ เสียชีวิตทันที[2]
ตุลาคม 2017 นี้ ถ้าใครอยากไปกันจริงๆ (และถ้าเขาหาที่ใหม่และสร้างเสร็จทัน)
สิ่งที่คุณต้องเตรียมตัวก็คือ
1. ไม่ว่าคุณจะเชื่อว่าผีมีจริงหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับการที่คุณต้องไม่เป็นคนจิตอ่อน ไม่กล้วอะไรง่ายๆ และไม่ชอบคิดหลอนไปเอง
2. คุณต้องมีสติตลอดระหว่างเข้าชม อย่าทำเป็นเรื่องล้อเล่นถ้าไปถึงที่นั่นแล้ว ตักตวงความรู้กลับมาให้มากที่สุด ส่วนอย่างอื่น ไม่ต้องนำกลับมา
3. ไม่ว่าคุณจะเชื่อเรื่องลึกลับหรือไม่ คุณควรทำประกันชีวิตระหว่างเดินทาง เผื่อเกิดอะไรขึ้น จะได้ไม่ลำบาก
4. ถ้าคุณนับถือพุทธศาสนา ควรฝึกสมาธิก่อนไปสัก 2 เดือน เพื่อเตรียมชมประมาณ 2 ชั่วโมงอย่างมีสติและสมาธิ
5. สิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าเข้าใกล้หรือแตะต้อง แอนนาเบลล์ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม
http://www.warrens.net/index.html
http://www.dailymail.co.uk/news/article-3204237/Inside-house-horrors-inspired-Conjuring-Occult-museum-basement-Connecticut-home-holds-thousands-relics-infamous-demon-fighting-couple.html
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C
https://en.wikipedia.org/wiki/Annabelle_(doll)