[CR] Road trip in Hokkaido

ประสบการณ์ครั้งแรกกับการขับรถในญี่ปุ่นหน้าร้อน ไปเที่ยวกันค่ะ...
       

รีวิวสำหรับผู้รักการท่องเที่ยวและมีเวลาจำกัดอย่างเรา
3 วัน กับการขับรถในฮอกไกโดแบบไม่เร่งรีบ (เพราะเร่งไม่ได้ 555) ลองมาดูกันค่ะ
-ขับรถยากไหม?
-ไปช่วงไหนดี?
-ถ่ายรูปตอนไหนสวย?
ผิดพลาดประการใด พี่ๆเพื่อนๆที่อยู่ญี่ปุ่นแก้ได้เลยค่ะ

ทริปนี้วางแผนมาเพื่อชมดอกไม้ กินเมล่อน กินไอติม ถ่ายรูป และขับรถชิวๆ นะคะ
day 1 ถึง furano เที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์ กินเมล่อน
day 2 เที่ยว Blue pond, ทุ่งดอกไม้, Factory cheese
day 3 เที่ยวสวนเชอร์รี่, ขับกลับซัปโปโร เที่ยวตลาดปลา, ไปกระโดด TV tower


              เครื่องลง 9 โมงกว่า ไปล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนชุดเสร็จ 10โมงกว่าๆ ก็เดินไปจุดรับรถกันที่ domistic ชั้น F1 เดินตามป้ายไปออกนอกอาคารแล้ววกกลับเข้าอาคารอีกรอบ จะเจอบูทรถบริษัทต่างๆ เรายื่นใบจอง เขาก็จะให้บัตรคิวมารอเรียกขึ้นรถบัส ไปยังบริษัทที่ตั้งอยู่นอกสนามบิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที การรอเรียกก็ฟังดีๆนะคะ เขาขานเลขเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ ใครนับเลขไปได้บ้างก็จะดี
              มาถึงแล้วก็รอเรียกกว่าจะได้รถก็ 11.30น. ผู้ใช้บริการเยอะมาก หน้าร้อนฮอกไกโดคึกคักเชียว อาจเพราะที่เที่ยวหลายแห่ง ไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟ การขับรถเองจึงสะดวกกว่า ก็ได้บรรยากาศคนละแบบกันค่ะ

             เราเลือกรถเล็กสำหรับ 2 คน Nissan รุ่น....อะไรหว่าจำไม่ได้ 55 วางกระเป๋าเล็กท้ายรถได้2ใบ ใครมีใบใหญ่ก็วางที่นั่งด้านหลังได้ รวมค่าเช่า 3 วันและประกันครอบคลุมทุกอย่างเป็นเงิน 21,468 เยน ถือว่าซื้อความสบายใจและความปลอดภัยของเรา

             น้ำมันมี3 ชนิด เราเติม regular 130 เยน/ลิตร ปั๊มมีทั้งเติมน้ำมันเองที่ต้องใช้บัตรกับใส่ pin number และปั๊มที่มีพนักงานบริการ เราว่าสะดวกกว่า

              Navi ของญี่ปุ่นใช้ง่าย เพียงใส่เบอร์โทรศัพท์ ก็จะขึ้นที่อยู่นำทางไปได้เลย ไม่ต้องพิมพ์ภาษาญี่ปุ่น หรืออังกฤษก็หายาก ขอแค่ตรวจสอบอีกรอบกับ google map ของเราว่าไปทางเดียวกันและตัวอักษรญี่ปุ่นเขียนเหมือนกัน 555

              ตลอดทางจะมีป้ายจำกัดความเร็ว ถ้าถนนชานเมืองก็จะแค่ 40-60 km/hr รถไม่เยอะ ขับง่ายมาก แต่ก็ไม่กล้าเร่งความเร็วอยู่ดี 55 ถึงแม้จะแอบเห็นคนพื้นที่แซงลิ่วไปแล้ว อิอิ เพราะฉะนั้นมิต้องแปลกใจ แม้ระยะทางใกล้ก็ถึงช้าอยู่ดีค่ะ ทำใจได้เลย อีกฤดูที่น่าขับรถมากๆคือใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ คงสวยมากๆ

               ทางด่วนที่นี่จะขับได้ประมาณ 80 km/hr มีช่องแบ่งเงินสดกับบัตรเติมเงินเหมือนบ้านเราค่ะ ขาเข้าจะได้บัตรมา 1 ใบจากตู้ ไม่มีพนักงานต้องรับบัตรเอง ขาออกมีพนักงานรับบัตรคืนพร้อมจ่ายเงินค่ะ


               วันแรกออกจากสนามบินมุ่งหน้าไป Furano ได้ขึ้นทางด่วนนิดเดียวเอง จ่ายไป 370 เยนค่ะ (จริงๆอาจมีเส้นทางที่เร็วกว่านี้ แต่ไปไม่เป็นค่ะ 555) แวะกินข้าวเที่ยงด้วย กว่าจะถึงก็ 4 โมงเย็นแล้ว


                 ไปถึง Nagafurano ขึ้นกระเช้าก่อนเลย จ่ายคนละ 300 เยน ไปชมวิวทุ่งลาเวนเดอร์และเมืองมุมสูง ที่นี่คนไม่เยอะเท่า Tomita ค่ะ เพราะดอกไม้ไม่เยอะ
                  ตอนเราไปต้นเดือนกรกฎาคม ดอกไม้มีให้ชมแล้วแต่ยังไม่ค่อยบานค่ะ แต่คนก็เยอะทุกที่แล้วนะคะ ช่วงบานเต็มที่คือปลายเดือนค่ะ คงสวยมากกว่านี้แน่ๆ






                 ถัดมาก็ไม่พ้นฟาร์มโทมิตะ มีทุ่งลาเวนเดอร์ขนาดใหญ่และทุ่งดอกไม้หลากสี และห้ามพลาดลองชิมเมล่อนฉ่ำหวานและไอติมรสลาเวนเดอร์กับเมล่อนค่ะ ตัว soft cream เราเฉยๆไม่ได้อร่อยมาก แต่เมล่อนสดชอบมากค่ะ





                  การเที่ยวหน้าร้อนที่นี่ก็ร้อนมากจริงๆ 30 กว่าองศาตลอด เพราะฉะนั้นการจะได้รูปสวย แสงงาม ก็เฉพาะเช้าและเย็นเท่านั้นค่ะ มากลางวันเนี่ย แสงแข็งถ่ายรูปไม่สวย และร้อนมากด้วย หาอย่างอื่นทำในร่มดีกว่าค่ะ
และหน้าร้อนเนี่ย พระอาทิตย์ก็ขึ้นเร้วเร็ว แสงเช้าที่อยากได้ก็ต้องก่อน 8โมงค่ะ (มาเที่ยว แต่ต้องตื่นแต่เช้าอีกแระ เฮ้ออออ) และถ่ายตอนเช้าๆ ท้องฟ้าจะยังเป็นสีฟ้าค่ะ ตอนเย็นฟ้าจะออกขาวแล้ว
                  




                    ที่โทมิตะปิด 5โมงเย็น คือร้านค้าปิด แต่ตัวทุ่งดอกไม้ยังถ่ายรูปเล่นได้ค่ะ กว่าแสงจะหมดก็เกือบทุ่มเลย
และFurano ถือว่าเป็นเมืองเล็กๆ ตัวเมืองไม่ใหญ่มาก กลางคืนไม่มีที่เที่ยว ที่เราพักก็นอกเมืองเลย ถ้าไม่กินอาหารของที่พักก็ต้องขับรถเข้าเมืองไกลหน่อย
จริงๆถ้ามาตั้งแต่เช้าก็สามารถเที่ยววันเดียวจบ แล้วขับกลับซับโปโรไปชมแสงสี ช็อปปิ้งได้เลยค่ะ แต่ก็จะเหนื่อยหน่อย
ที่พักนี่ก็ต้องจองแต่เนิ่นๆ (ข้ามปี) เพราะที่ใกล้ๆฟาร์มก็จะเต็มเร็วมาก ราคาก็สูง เราพักที่ pension and restaurent la collina 2คน 4000 กว่าบาท เป็นห้องน้ำรวม แต่ก็สะอาดมาก บริการดี เจ้าของใจดี อารมณ์แบบว่าพักบ้านเค้ามากกว่าจะเป็นโรงแรม



            Day2
จุดประสงค์หลักคือไป blue pond ซึ่งการถ่ายรูปให้ได้น้ำสีฟ้าสดใสนั้นต้องไปตอนเช้าเท่านั้นนะจ๊ะ
จากนั้นก็ขับรถเที่ยวเล่นตามฟาร์มดอกไม้ต่างๆ แดดก็แรงมาก กลางวันจึงแวะเข้า factory cheese, ไปร้านอันปังแมน เย็นๆก็กลับมาเที่ยวเล่นฟาร์มดอกไม้อีก








            Day3
ขับรถไปเที่ยวสวนเชอร์รี่ แล้วกลับซัปโปโรเพื่อคืนรถ
สวนเชอร์รี่ชื่อ Ohashi farm ค่าเข้าผู้ใหญ่คนละ 1500 yen ไม่ได้จำกัดเวลา กินเท่าไรก็ได้ การเก็บกินจากสวนสดๆนี่รู้สึกว่าอร่อยหวานกว่าที่ซื้อกิน(ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า) สีดำหวานสุดเลย ใครจะซื้อกลับก็มีกล่องให้เก็บแล้วไปชั่งน้ำหนักเอา
สรุปการเที่ยวFurano Biei Ashibetsu หน้าร้อนก็มีแต่สวนดอกไม้ เมล่อน สวนผลไม้คือเชอร์รี่ และอากาศที่ร้อนมากๆ ใช้เวลา 3 วันก็น่าจะพอ หรือบางคนไปกลับวันเดียวเที่ยวหมดก็มีนะคะ  




         ขับรถเที่ยวในญี่ปุ่น ไม่ยาก ถ้าเราเคารพกฎจราจรและศึกษาข้อมูลไปอย่างดี เหมาะสำหรับการเที่ยวเมืองที่ไม่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ ได้บรรยากาศไปอีกแบบค่ะ





ปล.เพิ่งลงภาพ สัดส่วนยังเพี้ยนๆอยู่ ขออภัยด้วยค่ะ...
ชื่อสินค้า:   ขับรถเที่ยว ญี่ปุ่น ฮอกไกโด
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่