มันเกิดขึ้นเมื่อตอนผมอายุประมาณสิบสองปีเห็นจะได้ ช่วงประมาณปี พ.ศ. 2532 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่บ้านใหม่เพิ่งสร้างเสร็จ ตามประสาคนชนบท บ้างก็จะสร้างแบบง่ายๆ เป็นบ้านปูนเปลีอย ไม่ทาสี ไม่มีเพดาน มีโครงหลังคาเป็นไม้ หลังคามุงกระเบื้องยิบซั่มธรรมดาๆ ถ้ามาจากทางหน้าบ้าน จะมีสองห้องนอนติดกันอยู่ด้านขวามือ และด้านซ้ายจะเป็นห้องนั่งเล่นกว้างๆ มีโซฟา กับที่ตั้งทีวี
ปกติผมจะนอนอยู่ห้องที่สองกับอาก๋ง โดยแยกกันนอนคนละด้านของห้อง พ่อกับแม่และน้องสาวนอนห้องด้านหน้า คืนนั้น หลังจากย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่ยังไม่ถึงหนึ่งเดือน จำไม่ได้ว่าเแน่นอนว่าป็นเวลาเท่าไหร่ แต่น่าจะประมาณได้ว่าเป็นช่วงตีสาม ขณะที่กำลังหลับสนิทอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่เยียบเย็น ฮะ ฮะ ฮะ อยู่ทีหูด้านขวา รู้สึกว่าเสียงหัวเราะมันใกล้มากเหมือนใครกำลังหัวเราะใส่ไกล้ๆหูเลย ผมลืมตาตื่นขึ้นมาทันที แต่ต้องมาเจอกับอาการคล้ายๆผีอำ ลืมตาได้ แต่ขยับตัวไม่ได้ ในความมืดของห้อง ผมก็พยายามกรอกตาไปมาเพื่อหาที่มาของเสียง แต่ไม่เจออะไร ได้ยินแต่เสียงกรนของอาก๋ง สักพักนึง เสียงหัวเราะนั้นเริ่มด้งขึ้นอีก คราวนี้เสียงมาจากมุมห้องด้านบนตรงปลายเท้าของอาก๋ง ซึ่งจะอยู่มุมทะแยงกับที่ผมนอน ผมพยายามสั้นต้ว หันหัวไปมาซ้ายขวาเพื่อให้หลุดจากอาการพวังเหมือนผีอำ พอเริ่มขยับตัวได้ ก็พยายามหันหน้าไปมองตามที่มาของเสียงหัวเราะ เหมือนกับเป็นการบอกทิศทางให้ผมหันไป เสียงหัวเราะนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง ฮา ฮา ฮา เป็นเสียงที่เยียบเย็นจนผมขนลุกไปทั้งตัว ตาก็พยามยามเพ่งมองที่มาของเสียง และเริ่มจะปรับกับความมืดได้ ก็เห็นเป้นเงาดำๆ ที่ดำมากกว่าความมืดของห้อง รูปร่างคล้ายคนแต่ห้อยหัวอยู่ โดยมีส่วนคล้ายเท้าเกี่ยวอยู่กับไม้ขื่อบ้าน ตรงบริเวณส่วนหัวที่ห้อยอยู่มีหูแหลมๆคล้ายค้างคาว มีตาสีแดงๆที่เด่นออกมาจากความมืด ถัดขึ้นไปเป็นฟันสีขาวพร้อมเขี้ยวที่แสยะยิ้มให้ มีกลิ่นเหม็นสาปสางๆลอยมาแตะจมูก พร้อมเสียงหัวเราะตามมาอีกครั้ง ฮา ฮา ฮา คราวนี้พอตั้งสติได้ ก็รีบวิ่งออกจากห้อง แล้ววิ่งไปนอนกับพ่อกับแม่ มุดผ้าผมจนเผลอหลับ แต่ก็ไม่เล่าให้ที่บ้านฟังเพราะกลัวว่าเขาจะกลัวกัน
เช้าขึ้นมาผมก็ไปยกมือไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ที่อยู่บ้านอาม่า ซึ่งอยู่ถัดจากบ้านผม ขอพรให้อย่าเจออะไรแบบนี้อีกเลย อย่าให้อะไรแบบนี้เข้ามาในบ้านได้อีกเลย ตัวแบบนั้นอีกเลยตามที่ขอ
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้ล้มป่วยเป็นไข้ไทฟอย ประสาชาวบ้านภาคใต้บริเวณพังงา ภูเก็ตเรียกว่าไข้ขน ผมต้องนอนอยู่โรงพยาบายเกิบสองอาทิตย์ ทานข้าวทานอะไรไม่ได้เลย ต้องอาเจียนออกมาตล
อด เป็นครั้งแต่ที่โดนฉีดยาเข้าเส้นน้ำเกลือ มันเป็นอะไรที่ทรมารมาก ปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัว โดนทั้งเช้าและเย็น เล่นเอาอาการหนักอยู่เหมือนกัน
ขณะที่นอนโรงพยาบาล ก็ไม่วายเรื่องตื่นเต้นให้เห็น ด้วยสภาพโรงพยายาลบ้านนอกในสมัยนั้น เตียงผู้ป่วยห้องรวมจะอยู่เรียงกันไป เตียงถัดจากผมเป็นผู้ชายแก่ๆคนหนึ่ง ไม่รู้แกป่วยด้วยโรคอะไร แกเป็นผู้ชายคนจีน หัวขาวทั้งหัวผอมๆ สูงๆ แต่เมียแกเป็นผู้หญิงที่อ้วนมาก แต่อายุน่าจะไม่เกินยี่สิบ ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าเป็นลูกสาวของแก แต่แม่มาเล่าให้ฟังว่า เขาเป็น ผัวกับเมียกัน และมีลูกชายอายุประมาณเจ็ดขวบเห็นจะได้ มาด้วยกันกับเมียแก
ผมนอนโรงพยาบาลผ่านไปสักสองวันเห็นจะได้ อาการมึนๆเพราะพิษไข้เลยได้แต่นอนหันไปมาซ้ายที ขวาที สักพัก ผมก็สังเกตุเห็นคนแก่ๆคนนั้นตัวเหลืองผิดปกติ ผมก็หันไปถามแม่ มะ ทำไมตาแก่คนนั้นตัวเหลืองจัง แม่ก็หันไปมอง สักพัก หมอกับพยาบาลก็เดินมาก ทำการปั๊มหัวใจ แม่ก็รีบเอามือปิดตาผมไว้ไม่ให้ดู คือมันไม่ทันแล้วมั้ย เห็นคนแรกเลยนะแม่ ผมเอามือแม่ออก และมองดูชายชราละสังขาร ไปต่อหน้าต่อตา
ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนตายต่อหน้าต่อตา ทำให้คิดอะไรขึ้นได้หลายๆ พยายามกินข้าว ถึงแม่จะกินไม่ค่อยได้ เพื่อให้ตัวเองหายป่วยเร็วๆ และได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ
ผมพยายามหารูปในกูเกิ้ลที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ผมเห็น เจอภาพที่ใกล้สุดก็ประมาณภาพที่ติดมาให้ดูนะครับ แต่จะผอมกว่านี้มาก
ถ้าใครมีประสบการณ์เจออะไรแปลกๆ เหมือนกัน ลองมาแชร์กันดูนะครับ
ประสบการ์ณครั้งหนึ่งเคยเจอปีศาจคล้ายๆใน Annabelle
ปกติผมจะนอนอยู่ห้องที่สองกับอาก๋ง โดยแยกกันนอนคนละด้านของห้อง พ่อกับแม่และน้องสาวนอนห้องด้านหน้า คืนนั้น หลังจากย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่ยังไม่ถึงหนึ่งเดือน จำไม่ได้ว่าเแน่นอนว่าป็นเวลาเท่าไหร่ แต่น่าจะประมาณได้ว่าเป็นช่วงตีสาม ขณะที่กำลังหลับสนิทอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่เยียบเย็น ฮะ ฮะ ฮะ อยู่ทีหูด้านขวา รู้สึกว่าเสียงหัวเราะมันใกล้มากเหมือนใครกำลังหัวเราะใส่ไกล้ๆหูเลย ผมลืมตาตื่นขึ้นมาทันที แต่ต้องมาเจอกับอาการคล้ายๆผีอำ ลืมตาได้ แต่ขยับตัวไม่ได้ ในความมืดของห้อง ผมก็พยายามกรอกตาไปมาเพื่อหาที่มาของเสียง แต่ไม่เจออะไร ได้ยินแต่เสียงกรนของอาก๋ง สักพักนึง เสียงหัวเราะนั้นเริ่มด้งขึ้นอีก คราวนี้เสียงมาจากมุมห้องด้านบนตรงปลายเท้าของอาก๋ง ซึ่งจะอยู่มุมทะแยงกับที่ผมนอน ผมพยายามสั้นต้ว หันหัวไปมาซ้ายขวาเพื่อให้หลุดจากอาการพวังเหมือนผีอำ พอเริ่มขยับตัวได้ ก็พยายามหันหน้าไปมองตามที่มาของเสียงหัวเราะ เหมือนกับเป็นการบอกทิศทางให้ผมหันไป เสียงหัวเราะนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง ฮา ฮา ฮา เป็นเสียงที่เยียบเย็นจนผมขนลุกไปทั้งตัว ตาก็พยามยามเพ่งมองที่มาของเสียง และเริ่มจะปรับกับความมืดได้ ก็เห็นเป้นเงาดำๆ ที่ดำมากกว่าความมืดของห้อง รูปร่างคล้ายคนแต่ห้อยหัวอยู่ โดยมีส่วนคล้ายเท้าเกี่ยวอยู่กับไม้ขื่อบ้าน ตรงบริเวณส่วนหัวที่ห้อยอยู่มีหูแหลมๆคล้ายค้างคาว มีตาสีแดงๆที่เด่นออกมาจากความมืด ถัดขึ้นไปเป็นฟันสีขาวพร้อมเขี้ยวที่แสยะยิ้มให้ มีกลิ่นเหม็นสาปสางๆลอยมาแตะจมูก พร้อมเสียงหัวเราะตามมาอีกครั้ง ฮา ฮา ฮา คราวนี้พอตั้งสติได้ ก็รีบวิ่งออกจากห้อง แล้ววิ่งไปนอนกับพ่อกับแม่ มุดผ้าผมจนเผลอหลับ แต่ก็ไม่เล่าให้ที่บ้านฟังเพราะกลัวว่าเขาจะกลัวกัน
เช้าขึ้นมาผมก็ไปยกมือไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ที่อยู่บ้านอาม่า ซึ่งอยู่ถัดจากบ้านผม ขอพรให้อย่าเจออะไรแบบนี้อีกเลย อย่าให้อะไรแบบนี้เข้ามาในบ้านได้อีกเลย ตัวแบบนั้นอีกเลยตามที่ขอ
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้ล้มป่วยเป็นไข้ไทฟอย ประสาชาวบ้านภาคใต้บริเวณพังงา ภูเก็ตเรียกว่าไข้ขน ผมต้องนอนอยู่โรงพยาบายเกิบสองอาทิตย์ ทานข้าวทานอะไรไม่ได้เลย ต้องอาเจียนออกมาตลอด เป็นครั้งแต่ที่โดนฉีดยาเข้าเส้นน้ำเกลือ มันเป็นอะไรที่ทรมารมาก ปวดแสบปวดร้อนไปทั้งตัว โดนทั้งเช้าและเย็น เล่นเอาอาการหนักอยู่เหมือนกัน
ขณะที่นอนโรงพยาบาล ก็ไม่วายเรื่องตื่นเต้นให้เห็น ด้วยสภาพโรงพยายาลบ้านนอกในสมัยนั้น เตียงผู้ป่วยห้องรวมจะอยู่เรียงกันไป เตียงถัดจากผมเป็นผู้ชายแก่ๆคนหนึ่ง ไม่รู้แกป่วยด้วยโรคอะไร แกเป็นผู้ชายคนจีน หัวขาวทั้งหัวผอมๆ สูงๆ แต่เมียแกเป็นผู้หญิงที่อ้วนมาก แต่อายุน่าจะไม่เกินยี่สิบ ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าเป็นลูกสาวของแก แต่แม่มาเล่าให้ฟังว่า เขาเป็น ผัวกับเมียกัน และมีลูกชายอายุประมาณเจ็ดขวบเห็นจะได้ มาด้วยกันกับเมียแก
ผมนอนโรงพยาบาลผ่านไปสักสองวันเห็นจะได้ อาการมึนๆเพราะพิษไข้เลยได้แต่นอนหันไปมาซ้ายที ขวาที สักพัก ผมก็สังเกตุเห็นคนแก่ๆคนนั้นตัวเหลืองผิดปกติ ผมก็หันไปถามแม่ มะ ทำไมตาแก่คนนั้นตัวเหลืองจัง แม่ก็หันไปมอง สักพัก หมอกับพยาบาลก็เดินมาก ทำการปั๊มหัวใจ แม่ก็รีบเอามือปิดตาผมไว้ไม่ให้ดู คือมันไม่ทันแล้วมั้ย เห็นคนแรกเลยนะแม่ ผมเอามือแม่ออก และมองดูชายชราละสังขาร ไปต่อหน้าต่อตา
ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนตายต่อหน้าต่อตา ทำให้คิดอะไรขึ้นได้หลายๆ พยายามกินข้าว ถึงแม่จะกินไม่ค่อยได้ เพื่อให้ตัวเองหายป่วยเร็วๆ และได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ
ผมพยายามหารูปในกูเกิ้ลที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ผมเห็น เจอภาพที่ใกล้สุดก็ประมาณภาพที่ติดมาให้ดูนะครับ แต่จะผอมกว่านี้มาก
ถ้าใครมีประสบการณ์เจออะไรแปลกๆ เหมือนกัน ลองมาแชร์กันดูนะครับ